Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
 
14 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงยืนยันพรหมจรรย์ของพระองค์ว่าบริสุทธิ์เต็มที่

.



พราหมณ์ !
เมื่อผู้ใดจะกล่าวให้ถูกต้อง ว่าใครประพฤติพรหมจรรย์บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อยแล้ว เขาควรกล่าวเจาะจงเอาเราตถาคต.

พราหมณ์ !
เรานี่แหละ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อยแล้ว.

"ข้าแต่พระโคดม! ความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์ นั้นเป็นอย่างไรเล่า?"


1. กายวิญญาณ-ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
มีสมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ เขาไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคามก็จริงแล แต่ว่า เขายินดี ..
- การลูบคลำ
- การประคบ
- การอาบ
- การนวดฟั้น ที่ได้รับจากมาตุคาม.
เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการบำเรอเช่นนั้นจากมาตุคาม
.

ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่แล คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อยของพรหมจรรย์ เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.


(หมายเหตุ จขบ ..
ลองพิจารณาข้อความที่ขีดเส้นใต้ให้ดี .. จักเห็นได้ว่า ผู้ที่ยังเสพเมถุนนั้น -> ไม่พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะและอุปายาส ไปได้ ..

แจ่มแจ้ง ชัดเจน อย่างไม่มีอะไรต้องสงสัยว่า .. ชาติ ชรา มรณะ .. จากการเสพเมถุนนั้น พระองค์หมายถึง ชาติที่เป็น "อัตตา - ความเป็นตัวตนจากอวิชชา และ อุปาทานโง่เขลา" ..

หาใช่ชาติที่เกิดจากท้องแม่ไม่ ! .. แต่เป็นเรื่องของจิตที่กอปรด้วย อวิชชา -> สังขาร -> วิญญาณ -> นามรูป -> สฬายตนะ -> ผัสสะ -> เวทนา -> ตัณหา -> อุปาทาน -> ภพ -> ชาติ -> ชรา -> มรณะ ... ตามสายปฏิจจสมุปบาทล้วนๆ ..

ส่วนคำว่า "มาตุคาม" คือ เพศแม่ หรือ สตรี
)



2. ชิวหาวิญญาณ-ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
สมณะหรือพราหมณ์บางพวกในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่า เป็นพรหมจารีโดยชอบ ไม่เสพเมถุนธรรมกับมาตุคาม และไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคามก็จริง แต่เขายัง ..
- พูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม,
- เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการบำเรอเช่นนั้นจากมาตุคาม


ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่แลคือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัสและอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.


3. จักษุวิญญาณ-ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ ไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ทั้งไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคามก็จริง แต่เขายัง ..
- ชอบสบตาด้วยตาของมาตุคาม, แล้วปลาบปลื้มยินดีด้วยการทำเช่นนั้น.

( แม้เพียงการสบตา แล้วเกิดอารมณ์โลกขึ้นมาในจิต .. พระพุทธองค์ก็ระบุได้แล้วว่า - ไม่ไปรอด - อนาคตคือ โมฆะบุรุษ ! - จขบ)

ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่ก็คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อยของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะโสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.


4.โสตวิญญาณ-ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำการประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ทั้งไม่ยินดีในการสบตาต่อตากับมาตุคามก็จริง แต่เขายัง ..
- ชอบฟังเสียงของมาตุคาม ที่หัวเราะอยู่ก็ดี พูดจาอยู่ก็ดี ขับร้องอยู่ก็ดีร้องไห้อยู่ก็ดี ข้างนอกฝาก็ตาม นอกกำแพงก็ตาม, แล้วปลาบปลื้มยินดีด้วยการได้ฟังเสียงนั้น.

ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อยของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, เขายังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.


5.มโนวิญญาณ-ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ไม่ยินดีในการสบตาต่อตากับมาตุคาม ทั้งไม่ยินดีในการฟังเสียงมาตุคามก็จริง แต่เขาชอบ ..
- ตามระลึกถึงเรื่องเก่า ที่เคยหัวเราะเล้าโลมเล่นหัวกันกับมาตุคาม แล้วก็ปลาบปลื้มยินดีด้วยการเฝ้าระลึกเช่นนั้น.

ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่แล คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.


6. โลกธรรม - ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารี โดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ไม่ยินดีการสบตาต่อตากับมาตุคาม ไม่ยินดีการฟังเสียงมาตุคาม และทั้งไม่ชอบตามระลึกถึงเรื่องเก่าที่เคยหัวเราะเล้าโลมเล่นหัวกับมาตุคามก็จริง แต่เขาเพียงแต่ ..
- เห็นพวกคฤหบดี หรือลูกคฤหบดีอิ่มเอิบด้วยกามคุณได้รับการบำเรออยู่ด้วยกามคุณ ก็ปลาบปลื้มยินดีด้วยการได้เห็นการกระทำเช่นนั้น.

ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่แลคือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัสและอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.


7. จินตนาการเพ้อเจ้อ - ปรุงแต่ง.
พราหมณ์ !
สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารี โดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำการประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ไม่ยินดีการสบตาต่อตากับมาตุคาม ไม่ยินดีการฟังเสียงมาตุคามไม่ยินดีตามระลึกถึงเรื่องเก่าที่ตนเคยหัวเราะเล้าโลมเล่นหัวกับมาตุคาม และทั้งไม่ยินดีที่จะเห็นพวกคฤหบดีหรือบุตรคฤหบดี อิ่มเอิบด้วยกามคุณ แล้วตนพลอยนึกปลื้มใจด้วยก็ตาม แต่เขาประพฤติพรหมจรรย์โดยตั้งความปราถนาเพื่อไปเป็นเทพยาดาพวกใดพวกหนึ่ง.

ดูก่อนพราหมณ์ !
นี่แล คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.



พราหมณ์เอย !
ตลอดกาลเพียงใด ที่เรายังเห็นการเกี่ยวพันด้วยเมถุนอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 อย่างนั้น ที่เรายังละมันไม่ได้, ตลอดกาลเพียงนั้นเรายังไม่ปฏิญญาตัวเอง ว่าเป็นผู้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ เทวดาแลมนุษย์

พราหมณ์เอย !
เมื่อใด เราไม่มองเห็นการเกี่ยวพันด้วยเมถุนอย่างใดอย่างหนึ่ง ใน 7 อย่างนั้น ที่เรายังละมันไม่ได้, เมื่อนั้น เราย่อมปฏิญญาตัวเองว่าเป็นผู้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ เทวดาแลมนุษย์, ญาณและทัสสนะได้เกิดขึ้นแก่เราแล้ว. ความหลุดพ้นของเรา ไม่กลับกำเริบ. ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย. บัดนี้การเกิดใหม่ไม่มีอีก.
.
.
.
บาลี สัตตัพพิธเมถุนสํโยคสูตร สตฺตก. อํ. ๒๓/๕๕/๔๗.
ตรัสแก่ชานุสโสณีพราหมณ์



Create Date : 14 กรกฎาคม 2555
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 15:27:02 น. 0 comments
Counter : 1391 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.