พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงยืนยันพรหมจรรย์ของพระองค์ว่าบริสุทธิ์เต็มที่
.
พราหมณ์ ! เมื่อผู้ใดจะกล่าวให้ถูกต้อง ว่าใครประพฤติพรหมจรรย์บริสุทธิ์ บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อยแล้ว เขาควรกล่าวเจาะจงเอาเราตถาคต.
พราหมณ์ ! เรานี่แหละ ย่อมประพฤติพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์ ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อยแล้ว.
"ข้าแต่พระโคดม! ความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์ นั้นเป็นอย่างไรเล่า?"
1. กายวิญญาณ-ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! มีสมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ เขาไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคามก็จริงแล แต่ว่า เขายินดี .. - การลูบคลำ - การประคบ - การอาบ - การนวดฟั้น ที่ได้รับจากมาตุคาม. เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการบำเรอเช่นนั้นจากมาตุคาม.
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่แล คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อยของพรหมจรรย์ เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
(หมายเหตุ จขบ .. ลองพิจารณาข้อความที่ขีดเส้นใต้ให้ดี .. จักเห็นได้ว่า ผู้ที่ยังเสพเมถุนนั้น -> ไม่พ้นจาก ชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะและอุปายาส ไปได้ ..
แจ่มแจ้ง ชัดเจน อย่างไม่มีอะไรต้องสงสัยว่า .. ชาติ ชรา มรณะ .. จากการเสพเมถุนนั้น พระองค์หมายถึง ชาติที่เป็น "อัตตา - ความเป็นตัวตนจากอวิชชา และ อุปาทานโง่เขลา" ..
หาใช่ชาติที่เกิดจากท้องแม่ไม่ ! .. แต่เป็นเรื่องของจิตที่กอปรด้วย อวิชชา -> สังขาร -> วิญญาณ -> นามรูป -> สฬายตนะ -> ผัสสะ -> เวทนา -> ตัณหา -> อุปาทาน -> ภพ -> ชาติ -> ชรา -> มรณะ ... ตามสายปฏิจจสมุปบาทล้วนๆ ..
ส่วนคำว่า "มาตุคาม" คือ เพศแม่ หรือ สตรี )
2. ชิวหาวิญญาณ-ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! สมณะหรือพราหมณ์บางพวกในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่า เป็นพรหมจารีโดยชอบ ไม่เสพเมถุนธรรมกับมาตุคาม และไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคามก็จริง แต่เขายัง .. - พูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม, - เขาปลาบปลื้มยินดีด้วยการบำเรอเช่นนั้นจากมาตุคาม
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่แลคือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัสและอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
3. จักษุวิญญาณ-ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ ไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ทั้งไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคามก็จริง แต่เขายัง .. - ชอบสบตาด้วยตาของมาตุคาม, แล้วปลาบปลื้มยินดีด้วยการทำเช่นนั้น.
( แม้เพียงการสบตา แล้วเกิดอารมณ์โลกขึ้นมาในจิต .. พระพุทธองค์ก็ระบุได้แล้วว่า - ไม่ไปรอด - อนาคตคือ โมฆะบุรุษ ! - จขบ)
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่ก็คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อยของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะโสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
4.โสตวิญญาณ-ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำการประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ทั้งไม่ยินดีในการสบตาต่อตากับมาตุคามก็จริง แต่เขายัง .. - ชอบฟังเสียงของมาตุคาม ที่หัวเราะอยู่ก็ดี พูดจาอยู่ก็ดี ขับร้องอยู่ก็ดีร้องไห้อยู่ก็ดี ข้างนอกฝาก็ตาม นอกกำแพงก็ตาม, แล้วปลาบปลื้มยินดีด้วยการได้ฟังเสียงนั้น.
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อยของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, เขายังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
5.มโนวิญญาณ-ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารีโดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีในการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ไม่ยินดีในการสบตาต่อตากับมาตุคาม ทั้งไม่ยินดีในการฟังเสียงมาตุคามก็จริง แต่เขาชอบ .. - ตามระลึกถึงเรื่องเก่า ที่เคยหัวเราะเล้าโลมเล่นหัวกันกับมาตุคาม แล้วก็ปลาบปลื้มยินดีด้วยการเฝ้าระลึกเช่นนั้น.
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่แล คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
6. โลกธรรม - ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารี โดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำ การประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ไม่ยินดีการสบตาต่อตากับมาตุคาม ไม่ยินดีการฟังเสียงมาตุคาม และทั้งไม่ชอบตามระลึกถึงเรื่องเก่าที่เคยหัวเราะเล้าโลมเล่นหัวกับมาตุคามก็จริง แต่เขาเพียงแต่ .. - เห็นพวกคฤหบดี หรือลูกคฤหบดีอิ่มเอิบด้วยกามคุณได้รับการบำเรออยู่ด้วยกามคุณ ก็ปลาบปลื้มยินดีด้วยการได้เห็นการกระทำเช่นนั้น.
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่แลคือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัสและอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
7. จินตนาการเพ้อเจ้อ - ปรุงแต่ง. พราหมณ์ ! สมณะหรือพราหมณ์บางคนในโลกนี้ ปฏิญาณตัวว่าเป็นพรหมจารี โดยชอบ แล้วไม่เสพเมถุนธรรมกับด้วยมาตุคาม ไม่ยินดีการลูบคลำการประคบ การอาบ การนวดฟั้น จากมาตุคาม ไม่ยินดีการพูดจาซิกซี้เล่นหัวสัพยอกกับมาตุคาม ไม่ยินดีการสบตาต่อตากับมาตุคาม ไม่ยินดีการฟังเสียงมาตุคามไม่ยินดีตามระลึกถึงเรื่องเก่าที่ตนเคยหัวเราะเล้าโลมเล่นหัวกับมาตุคาม และทั้งไม่ยินดีที่จะเห็นพวกคฤหบดีหรือบุตรคฤหบดี อิ่มเอิบด้วยกามคุณ แล้วตนพลอยนึกปลื้มใจด้วยก็ตาม แต่เขาประพฤติพรหมจรรย์โดยตั้งความปราถนาเพื่อไปเป็นเทพยาดาพวกใดพวกหนึ่ง.
ดูก่อนพราหมณ์ ! นี่แล คือความขาด ความทะลุ ความด่าง ความพร้อย ของพรหมจรรย์. เรากล่าวว่าผู้นี้ประพฤติพรหมจรรย์ไม่บริสุทธิ์ ยังประกอบด้วยการเกี่ยวพันด้วยเมถุน, ยังไม่พ้นจากชาติ ชรา มรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขโทมนัส และอุปายาส ไปได้, ยังไม่พ้นจากทุกข์.
พราหมณ์เอย ! ตลอดกาลเพียงใด ที่เรายังเห็นการเกี่ยวพันด้วยเมถุนอย่างใดอย่างหนึ่งใน 7 อย่างนั้น ที่เรายังละมันไม่ได้, ตลอดกาลเพียงนั้นเรายังไม่ปฏิญญาตัวเอง ว่าเป็นผู้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ เทวดาแลมนุษย์
พราหมณ์เอย ! เมื่อใด เราไม่มองเห็นการเกี่ยวพันด้วยเมถุนอย่างใดอย่างหนึ่ง ใน 7 อย่างนั้น ที่เรายังละมันไม่ได้, เมื่อนั้น เราย่อมปฏิญญาตัวเองว่าเป็นผู้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ ในโลกพร้อมทั้งเทวดา มาร พรหม หมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณะและพราหมณ์ เทวดาแลมนุษย์, ญาณและทัสสนะได้เกิดขึ้นแก่เราแล้ว. ความหลุดพ้นของเรา ไม่กลับกำเริบ. ชาตินี้เป็นชาติสุดท้าย. บัดนี้การเกิดใหม่ไม่มีอีก. . . . บาลี สัตตัพพิธเมถุนสํโยคสูตร สตฺตก. อํ. ๒๓/๕๕/๔๗. ตรัสแก่ชานุสโสณีพราหมณ์
Create Date : 14 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 15:27:02 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1391 Pageviews. |
|
|
|
|
|