อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. พระพุทธองค์คือผู้ทรงชี้ให้รู้จักทุกข์
.
พระพุทธเป็นดุจดั่งผู้ชี้ทาง พระธรรมซึ่งมีอริยสัจเป็นแก่นเป็นตัวทาง พระอริยสงฆ์สาวก คือผู้ที่ได้เดินไปตามทางแล้ว
แต่สัตว์โลกผู้ยังถูกอวิชชากดให้จมติดอยู่ในเปือกตมแห่งโอฆะ กำลังต้องการทางนั้นอยู่, เมื่อใดเขาศึกษาจนรู้จักพระพุทธองค์อย่างลึกซึ้งถึงที่สุด ดุจลูกที่เข้าใจบิดาดี เมื่อนั้นเขาจะพบทางนั้นด้วย และเดินตามรอยท่านผู้ประเสริฐ ที่เดินไปแล้วนั้นได้.
ถ้าเข้าใจไม่ตรงพอ เช่นเห็นพระพุทธองค์เป็นพระเป็นเจ้าไป ก็จะมีความมุ่งหมายและการตั้งหน้าทำที่พลาดในที่สุดก็ปราศจากผล เพราะความจริงพระองค์เป็นแต่ผู้ชี้ทาง เท่านั้น.
...................................................
ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนบุรุษผู้หนึ่ง ว่ายล่องกระแสแม่น้ำ ลงไปเพราะเหตุสิ่งที่น่ารักน่าเพลินใจ, บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่บนฝั่ง เห็นบุรุษผุ้นั้นแล้วร้องบอกว่า ..
"บุรุษผู้เจริญ ! ท่านย่อมว่ายล่องตามกระแสแม่น้ำ เพราะเหตุสิ่งที่น่ารักน่าเพลินใจโดยแท้ แต่ว่า ทางเบื้องล่าง มีห้วงน้ำ ประกอบด้วยคลื่น ประกอบด้วยน้ำวน. มียักษ์มีรากษส ซึ่งเมื่อท่านไปถึงแล้ว จักต้องตาย หรือได้รับทุกข์เจียนตาย."
ภิกษุ ท. ! บุรุษผู้ว่ายล่องตามกระแสนั้นครั้นได้ฟังแล้วก็พยายามว่ายกลับทวนกระแสทั้งด้วยมือและด้วยเท้าทั้งหลาย.
ภิกษุ ท. ! คำอุปมานี้ เราผูกขึ้น เพื่อให้รู้เนื้อความ. นี้เป็นเนื้อความ คือ ..
คำว่า 'กระแสแม่น้ำ ' เป็นชื่อแห่งตัณหา, คำว่า 'สิ่งน่ารักน่าเพลินใจ' เป็นชื่อแห่งอายตนะหกในภายใน, คำว่า 'ทางเบื้องล่างมีห้วงน้ำ' เป็นชื่อแห่งโอรัมภาคิยสังโยชน์ห้า, คำว่า 'คลื่น' เป็นชื่อแห่งความโกรธและความคับแค้น, คำว่า 'น้ำวน' เป็นชื่อแห่งกามคุณห้า, คำว่า 'ยักษ์และรากษส' เป็นชื่อแห่งมาตุคาม. คำว่า 'ทวนกระแส' เป็นชื่อแห่งเนกขัมมะ, คำว่า 'พยายามด้วยมือและเท้า' เป็นชื่อแห่งการปรารถความเพียร, คำว่า 'บุรุษผู้มีจักษุยืนอยู่บนฝั่ง' เป็นชื่อแห่งตถาคตผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธะ;
ดังนี้. . . . อิติวุ. ขุ. ๒๕/๓๑๖/๒๘๙.
Create Date : 25 มกราคม 2556 |
Last Update : 25 มกราคม 2556 6:52:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1326 Pageviews. |
|
|
|
|
|