Group Blog
 
<<
มกราคม 2556
 
11 มกราคม 2556
 
All Blogs
 
อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. ผู้ประกอบด้วยอวิชชา คือผู้ไม่มีความรู้สี่อย่าง

.




"พระองค์ผู้เจริญ !
พระองค์กล่าวว่า "อวิชชา อวิชชา" ดังนี้. ก็อวิชชานั้นเป็นอย่างไร ? และด้วยเหตุเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงแล้วซึ่งอวิชชา ?"

แน่ะภิกษุ ท !
ความไม่รู้อันใด ..
- เป็นความไม่รู้ในทุกข์,
- เป็นความไม่รู้ในเหตุให้เกิดทุกข์,
- เป็นความไม่รู้ในความดับไม่เหลือของทุกข์,
- และเป็นความไม่รู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ :

นี้เราเรียกว่า อวิชชา; และบุคคลชื่อว่าถึงแล้วซึ่งอวิชชา ก็เพราะเหตุไม่รู้ความจริงมีประมาณเท่านี้แล.

"พระองค์ผู้เจริญ !
พระองค์กล่าวว่า 'วิชชา วิชชา' ดังนี้. ก็วิชชานั้นเป็นอย่างไร? และด้วยเหตุเท่าไร บุคคลจึงชื่อว่าเป็นผู้ถึงแล้วซึ่งวิชชา ?"

แน่ะภิกษุ !
ความรู้อันใด ..
- เป็นความรู้ในทุกข์,
- เป็นความรู้ในเหตุให้เกิดทุกข์,
- เป็นความรู้ในความดับไม่เหลือของทุกข์,
- และเป็นความรู้ในทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือของทุกข์ :

นี้เราเรียกว่า วิชชา; และบุคคลชื่อว่าถึงแล้วซึ่งวิชชา ก็เพราะเหตุรู้ความจริงมีประมาณเท่านี้แล

ภิกษุ ท. !
เพราะเหตุนั้น ในกรณีนี้ พวกเธอพึง ทำความเพียรเพื่อให้รู้ตามเป็นจริงว่า ..
- นี้เป็นทุกข์.
- นี้เป็นเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์,
- นี้เป็นความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
- นี้เป็นทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์,
ดังนี้เถิด.
.
.
.
มหาวาร. สํ. ๑๙/๕๓๘-๕๓๙/๑๖๙๔–๑๖๙๕.


หมายเหตุ จขบ.

สำหรับคนในยุคปัจจุบันอาจมีคำถามว่า .. ทุกข์ .. เหตุแห่งทุกข์ .. ความดับสนิทแห่งทุกข์ .. ทางให้ถึงความดับสนิทแห่งทุกข์ นั้น .. เราจะแยกแยะได้อย่างไร ?

จากเหตุที่ว่า ทุกขณะของความรู้ตัวทั่วพร้อม หรือ ความมีสติสัมปชัญญะ นั้นภาวะรับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวมันแนบแน่นอยู่กับความรู้สึกว่า "ตัวเรา" ตลอดเวลาอย่างแยกไม่ออก ..

ด้วยการมองโลกที่แวดล้อมอยู่ผ่าน"ตัวเรา-ตัวกู"นี้เอง .. ทุกอย่างจึงอยู่บนการ"ตัดสินให้คุณค่า" โดยมี"ตัวกู" เป็นที่สิ้นสุดของเรื่องราวเสมอไป ไม่ว่าด้านชอบหรือด้านชัง .. จึงแยกย่อยโลกออกไม่ได้ .. จึงมองไม่เห็นตัวเรา-ตัวกู ว่ากำลังเป็นดารานำที่เกี่ยวข้องตัดสินโลกรอบตัวอยู่

ทุกข์ จึงเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น .. แยกแยะไม่ได้ .. ด้วยความเป็นตัวเรา-ตัวกู บดบังอยู่จนมืดมิด

ในสาย ปฎิจจสมุปบาท นั้นแยกแยะละเอียดออกได้ว่า ..

ทุกข์ เกิดจาก ชาติ - การเกิดของสังขาร (สิ่งปรุงแต่งทั้งปวง)
ชาติ เกิดจาก ภพ - ภาวะชีวิตของสัตว์ - หมายเอาภาวะทางจิตเป็นสำคัญ
ภพ เกิดจาก อุปาทาน - ความยึดมั่น, ความถือมั่นด้วยอำนาจความพึงพอใจของตน
อุปาทาน เกิดจาก ตัณหา - ความทะยานอยาก, ความดิ้นรน, ความปรารถนา, ความเสน่หา
ตัณหา เกิดจาก เวทนา - การเสวยอารมณ์ (ทั้งต่อใจและกาย), ความรู้สึก,ความรู้สึกในรสของอารมณ์ (Feeling)
เวทนา เกิดจาก ผัสสะ - การประจวบกันของอายตนะภายใน๑ และอายตนะภายนอก๑ และวิญญาณ๑
ผัสสะ เกิดจาก สฬายตนะ - อายตนะภายใน ๖ อันมี ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ
สฬายตนะ เกิดจาก นามรูป เมื่อ:
- นาม หมายถึง สิ่งที่ไม่มีรูป คือรู้ไม่ได้ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่รู้ได้ด้วยใจ ได้แก่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ;
- รูป หมายถึงสิ่งที่มีรูป สิ่งที่เป็นรูป ได้แก่รูปขันธ์ทั้งหมด
นามรูป เกิดจาก วิญญาณ - การรับรู้จากอายตนะ หรือความรู้แจ้งอารมณ์
วิญญาณ เกิดจาก สังขาร - อำนาจแห่งการปรุงแต่งทางใจตามที่ได้สั่งสม, อบรมไว้แต่อดีต
สังขาร เกิดจาก อวิชชา - สภาพที่ปราศจากความรู้ในอริยสัจ ๔


ต้นตอ คือ อวิชชา
ดังนั้น คนในโลกที่ถูกทุกข์กัดกินทุกวันมากน้อยต่างกันไป ก็ด้วยความรู้ในอริยสัจจ์ 4 ที่มากน้อยต่างกันไป ..

ที่รู้มาก เข้าใจโลกได้มาก ทุกข์ก็น้อย หรือหากรู้ถึงที่สุด จนไม่เกิดทุกข์ในจิตอีกเลยก็บรรลุ อรหันต์

ส่วนที่รู้น้อย จน น้อยมาก หรือแทบไม่รู้เลย .. ก็พวกระดับจิตใจเช่นเดียวกับสัตว์ลำตัวขวางทั้งหลาย (เดรัจฉาน) คือมีชีวิตอยู่ด้วยสัญชาติญาณแห่งการ ..
- หาอาหารเลี้ยงร่างกาย ..
- จ้องแต่จะสืบพันธุ์ (แบบไม่เลือกคู่-ใครก็ได้ - เป็นลักษณาการเดียวกับสัตว์ในฤดูติดสัด) ..
- ต่อสู้ แย่งชิง ทำร้ายกันด้วยอำนาจความโกรธ ความเกลียด ความหวงแหนของในครอบครอง (ผลประโยชน์) .. ดินแดนที่อาศัย
- หมกมุ่นในลาภยศ คำสรรเสริญเยินยอ
- เป็นอยู่ด้วยความเท็จที่คอยมอบให้กันและกัน
กลุ่มก้อนนี้สักแต่ว่ามีรูปลักษณ์เป็นคนเท่านั้น !
.
.
.
ไม่มีเรื่องสะสมบุญข้ามภพ ข้ามชาติ โดยการเอาไปฝากไว้กับหลวงพ่อ หลวงพี่ หลวงลุง หลวงปู่ แต่อย่างใด ในการไปสู่ความหลุดพ้นแห่งวัฏฏะสงสาร


เพราะนั่นมันเรื่อง ผลประโยชน์ทับซ้อน เรื่องลวงโลก ของบรรดาบุรุษโล้นห่มเหลือง ผู้พ่ายแพ้ต่อโลกอามิสส หรือที่พระพุทธองค์มักเรียกว่า โมฆะบุรุษ - สำหรับมอมเมาเหล่า บัวใต้น้ำ .. เท่านั้นเอง !





Create Date : 11 มกราคม 2556
Last Update : 11 มกราคม 2556 13:56:54 น. 0 comments
Counter : 1235 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.