พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงท้าให้ใครปฏิเสธธรรมะที่พระองค์รับรอง
.
พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จไปเยี่ยมเยียนสำนักปริพพาชก และสนทนากัน เป็นของมีโดยปรกติ.
ปริพพาชก ท. ! ธรรมบทมีอยู่ ๔ บท ซึ่งรู้จักกันว่า .. - เป็นของเลิศ - เป็นของมีมานาน - เป็นของประพฤติสืบกันมาแต่โบราณ - ไม่ถูกทอดทิ้งเลย - ไม่เคยถูกทอดทิ้งในอดีต - ไม่ถูกทอดทิ้งอยู่ในปัจจุบัน - และจักไม่ถูกทอดทิ้งในอนาคต .. สมณพราหมณ์ทั้งหลายที่เป็นผู้รู้ไม่มีใครคัดค้าน.
(ธรรมบทสี่นี้ เป็นของเก่า ที่พระองค์ทรงรับรอง ไม่ใช่ทรงบัญญัติขึ้นเอง, เป็นการแสดงให้เห็นว่า สิ่งใดเป็นของถูกของดีมาก่อน ก็ทรงรับเข้าไว้.)
๔ บทนั้นคืออะไรเล่า ? คือ .. - อนภิชฌา (ความไม่เพ่งด้วยความใคร่ในอารมณ์), - อพยาบาท (ความไม่คิดประทุษร้าย), - สัมมาสติ (ความระลึกชอบอยู่เสมอ) - และ สัมมาสมาธิ (ความตั้งใจชอบแน่วแน่อยู่เสมอ).
ปริพพาชก ท. ! ถ้าจะพึงมีผู้ใดกล่าวว่า "เราขอปฏิเสธธรรมบทคือความไม่มีอภิชฌา; เราขอบัญญัติสมณะหรือพราหมณ์ ที่มากไปด้วยอภิชฌามีราคะกล้าในกามทั้งหลายแทน" ดังนี้แล้ว
เราก็จะกล่าวท้าผู้นั้นว่า "มาซิท่าน .. จงกล่าวออกไปจงสำแดงให้ชัดแจ้งเถิด เราจักขอดูอานุภาพ" ดังนี้.
ปริพพาชก ท. ! มันไม่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เลย ที่ใครจะปฏิเสธความไม่มีอภิชฌา แล้วไปยกย่องสมณพราหมณ์ผู้มากไปด้วยอภิชฌา มีราคะกล้าในกามทั้งหลายแทน.
ปริพพาชก ท. ! ถ้าจะพึงมีผู้ใดกล่าวว่า "เราขอปฏิเสธความไม่พยาบาท, เราขอบัญญัติสมณพราหมณ์ผู้มีจิตพยาบาท มีความประทุษร้ายเป็นเครื่องดำริอยู่เป็นประจำใจแทน" ดังนี้แล้ว
เราก็จะกล่าวท้าผู้นั้นว่า "มาซิท่าน .. ท่านจงกล่าวออกไป จงสำแดงให้ชัดแจ้งเถิด เราจักขอดูอานุภาพ" ดังนี้.
ปริพพาชก ท. ! มันไม่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เลย ที่ใครจะปฏิเสธความไม่พยาบาท แล้วไปยกย่องสมณพราหมณ์ผู้มีจิตพยาบาท มีความประทุษร้ายเป็นเครื่องดำริอยู่ประจำใจแทน.
ปริพพาชก ท. ! ถ้าจะพึงมีผู้ใดกล่าวว่า "เราขอปฏิเสธสัมมาสติ; เราขอบัญญัติสมณพราหมณ์ผู้ไร้สติปราศจากสัมปชัญญะ ขึ้นแทน" ดังนี้แล้ว
เราก็จะกล่าวท้าผู้นั้นว่า "มาซิท่าน .. ท่านจงกล่าวออกไปจงสำแดงให้ชัดแจ้งเถิดเราจักขอดูอานุภาพ" ดังนี้.
ปริพพาชก ท. ! มันไม่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เลยที่ใครจะปฏิเสธสัมมาสติ แล้วไปยกย่องสมณพราหมณ์ ผู้ไร้สติ ปราศจากสัมปชัญญะ ขึ้นแทน.
ปริพพาชก ท. ! ถ้าจะพึงมีผู้ใดกล่าวว่า "เราขอปฏิเสธสัมมาสมาธิ; เราขอบัญญัติสมณพราหมณ์ผู้มีจิตกลับกลอกไม่ตั้งมั่น ขึ้นแทน" ดังนี้แล้ว,
เราก็จะกล่าวท้าผู้นั้นว่า "มาซิท่าน .. ท่านจงกล่าวออกไปจงสำแดงให้ชัดแจ้งเถิดเราจักขอดูอานุภาพ" ดังนี้.
ปริพพาชก ท. ! มันไม่เป็นสิ่งที่เป็นไปได้เลยที่ใครจะปฏิเสธสัมมาสมาธิ แล้วไปยกย่องสมณพราหมณ์ผู้มีจิตกลับกลอกไม่ตั้งมั่นแทน.
ปริพพาชก ท. ! ผู้ใดเห็นว่าธรรมบท ๔ บทนี้ ควรตำหนิ ควรคัดค้านแล้วไซร้ ในปัจจุบันนี้เองผู้นั้นจะต้องได้รับการตำหนิที่ชอบแก่เหตุ ถูกยันด้วยคำของตนเอง ถึง ๔ ประการ.
๔ ประการคืออะไรบ้างเล่า ? .. ๔ ประการคือ - ถ้ามีสมณพราหมณ์พวกใด มากด้วยอภิชฌา มีราคะแก่กล้าในกามทั้งหลายมา เขาก็ต้องบูชายกย่องสมณพราหมณ์เหล่านั้น.
- ถ้ามีสมณพราหมณ์เหล่าใดที่มีจิตพยาบาท มีความประทุษร้ายเป็นเครื่องดำริอยู่ประจำใจมา เขาก็ต้องบูชายกย่องสมณพราหมณ์เหล่านั้น.
- ถ้ามีสมณพราหมณ์เหล่าใด ที่ไร้สติปราศจากสัมปชัญญะมา เขาก็ต้องบูชายกย่องสมณพราหมณ์เหล่านั้น.
- ถ้ามีสมณพราหมณ์เหล่าใด ที่มีจิตกลับกลอกไม่ตั้งมั่น มา เขาก็ต้องบูชายกย่องสมณพราหมณ์เหล่านั้น, ดังนี้.
ปริพพาชก ท. ! แม้แต่ปริพพาชกชื่อ วัสสะ และปริพพาชกชื่อภัญญะ ซึ่งเป็น .. ลัทธิ อเหตุกทิฏฐิอกิริยทิฏฐิ .. นัตถิกทิฏฐิ ก็ยังถือว่าธรรมบททั้ง ๔ บทนี้ ไม่ควรดูหมิ่นไม่ควรคัดค้าน. เพราะเหตุใดเล่า ?
เพราะกลัวถูกนินทาว่าร้ายและชิงชังนั่นเอง. . . . บาลี จตฺกฺก. อํ. ๒๑/๓๘/๓๐. ตรัสแก่ปริพพาชกทั้งหลาย ที่สำนักปริพพาชก ใกล้เมืองราชคฤห์.
Create Date : 10 พฤศจิกายน 2555 |
|
0 comments |
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2555 4:01:36 น. |
Counter : 1142 Pageviews. |
|
|
|