กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
มกราคม 2568
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
17 มกราคม 2568
space
space
space

จิตแพทย์


235 นายแพทย์  (จิตแพทย์)  ท่านนี้เก่งสมกับวิชาชีพที่จบมา พูดเข้าหลักพุทธธรรมภาคปฏิบัติทางจิตใจได้ค่อนข้างลึก



โรคซึมเศร้ากับการฝึกสติ ช่วยให้สามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ทางลบ

นพ.พลภัทร์ โล่เสถียรกิจ จิตแพทย์  โรงพยาบาล BMHH – Bangkok Mental Health Hospital แนะนำการฝึกจิตให้ควบคุมสติสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ทางลบ เกิดการตระหนักรู้ถึงอารมณ์ และมีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น

อาการของโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้าเป็นความผิดปกติทางอารมณ์ ผู้ที่ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าจะมีอาการเศร้าเกือบทั้งวัน เป็นติดต่อกันนานอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ร่วมกับมีอาการหมดความสนใจ ในกิจกรรมที่เคยชอบทำ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดลง นอนหลับ ๆ ตื่น ๆ หรือตื่นเช้ากว่าปกติ รู้สึกเหนื่อยล้าง่าย รู้สึกไร้ค่า หรือรู้สึกผิด สมาธิจดจ่อ หรือความจำลดลง ความสามารถในการคิดหรือตัดสินใจลดลง หากมีอาการรุนแรงก็อาจจะมีความคิดทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตายได้

โรคซึมเศร้ากับการฝึกสติ

ปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคซึมเศร้าอาจเป็นไปได้ทั้งจากปัจจัยด้านพันธุกรรม ปัจจัยด้านความไม่สมดุลของสารเคมีในสมอง ปัจจัยด้านสภาพแวดล้อม รวมไปถึงปัจจัยด้านบุคลิกภาพ และความสามารถในการจัดการกับความเครียด โดยแนวทางหลักของการรักษาโรคซึมเศร้าในปัจจุบัน ยังคงเป็นการรักษาด้วยยา และการทำจิตบำบัด  ซึ่งหนึ่งในการทำจิตบำบัดได้แก่การรักษาด้วยการฝึกสติในโปรแกรม mindfulness based cognitive therapy (MBCT) ซึ่งพบว่า วิธีการนี้ ใช้ได้ผลดี โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าเรื้อรัง หรือว่ามีการกลับกำเริบซ้ำของโรคซึมเศร้าหลายครั้ง เพราะปัจจัยที่สำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ภาวะซึมเศร้ายังคงอยู่ต่อเนื่อง  ได้แก่  ภาวะคิดวกวนเกี่ยวกับประสบการณ์ด้านลบที่เคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต เรียกภาวะนี้ว่า rumination ส่วนการฝึกสติ (Mindfulness) จะช่วยให้ผู้ป่วยเรียนรู้ และสังเกตเห็นความคิดว่าเป็นเพียงความคิด และไม่จำเป็นต้องคิดต่อ ซึ่งจะทำให้ภาวะ rumination ลดลง

ความหมายของสติ

การฝึกสติ  หมายถึง  การฝึกรับรู้ร่างกายและจิตใจ  ในปัจจุบัน ทีละขณะ โดยไม่ตัดสิน ซึ่งการอยู่กับปัจจุบัน จะทำให้ผู้ฝึกสติรู้ทันความคิดวกวนได้มากขึ้น ลดการคิดถึงเรื่องราวร้าย ๆ ที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และไม่กังวลไปกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นในอนาคต ส่วนการไม่ตัดสิน จะทำให้ผู้ฝึกสามารถรับรู้ความคิด อารมณ์ ได้ตามความเป็นจริงมากขึ้น เพราะความคิดตัดสิน เช่น มองว่าเราเป็นคนไม่ดีหรือเป็นคนไร้ค่า หรือโลกนี้ช่างโหดร้ายเหลือเกิน ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ภาวะซึมเศร้าเกิดขึ้นหรือดำรงต่อไป

ประโยชน์ของการฝึกสติ

ในแง่จิตวิทยา  พบว่าการฝึกสติจะช่วยให้ผู้ฝึกมีการตระหนักรู้ถึงอารมณ์ และมีความมั่นคงทางอารมณ์มากขึ้น ทำให้ลดความคิดวกวนที่นำความทุกข์ใจมาให้  สามารถเห็นความคิดเป็นเพียงความคิดและไม่คิดต่อ  รวมถึงลดการตัดสินตัวเองและคนอื่น  ทำให้เกิดความรู้สึกเข้าใจและเห็นใจผู้อื่นมากขึ้นด้วย น อกจากนั้น  การฝึกสติสามารถเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและการทำงานของสมองได้  งานวิจัยพบว่าผู้ที่ฝึกสติอย่างสม่ำเสมอมีการทำงานที่เพิ่มขึ้นในสมองส่วนหน้าผาก (prefrontal cortex) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจและการควบคุมอารมณ์ ในขณะที่สมองส่วนอะมิกดาลา (amygdala) ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตอบสนองทางอารมณ์เชิงลบและความเครียดก็ทำงานที่ลดลง ทำให้ผู้ฝึกสติมีความยืดหยุ่นทางอารมณ์มากขึ้น และสามารถจัดการกับความเครียดได้ดีขึ้น ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการกลับกำเริบซ้ำ


วิธีการฝึกสติ
แบ่งเป็น 2 ลักษณะ ได้แก่

1) การฝึกสติในชีวิตประจำวัน ได้แก่ การสังเกต ความคิด ความรู้สึก พฤติกรรมที่เกิดขึ้นในระหว่างที่ทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การอาบน้ำ การรับประทานอาหาร การมีสติระหว่างเดินไปทำงาน การรับรู้ความหงุดหงิดเวลาไม่ได้ดั่งใจ รวมถึงการรับรู้ว่ามีความคิดวกวน หรือความทุกข์ในเกิดขึ้น

2) การฝึกสติในรูปแบบ เป็นการแบ่งเวลาว่างสักช่วงหนึ่งในแต่ละวันมาฝึกการนั่งสังเกตลมหายใจ (การนั่งสมาธิ) หรือฝึกซ้อมโดยการเดินกลับไปกลับมา  (เดินจงกรม)  การฝึกสติทั้ง 2 ลักษณะ มีความสำคัญและจำเป็น เพราะจะช่วยให้สติแข็งแรงและว่องไว  ไม่เผลอจมไปกับความคิดหรืออารมณ์นานจนเกินไป

สรุป

โรคซึมเศร้าเป็นภาวะที่ส่งผลกระทบต่ออารมณ์ ความคิดและความสามารถในการทำงานของผู้ป่วย และหากปล่อยไว้นานอาจจะรุนแรงจนถึงมีความคิดฆ่าตัวตายได้  การฝึกสติเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถจัดการกับความคิดและอารมณ์ทางลบ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของจิตใจและสมอง และยังป้องกันการกำเริบซ้ำของโรคซึมเศร้าได้ด้วย.


- สารสำคัญของสติปัฏฐาน

     การเจริญสติปัฏฐาน คือการเป็นอยู่ด้วยสติ สัมปชัญญะ ซึ่งทำให้ภาพตัวตนที่จิตอวิชชาปั้นแต่ง ไม่มีช่องที่จะแทรกตัวเข้ามาในความคิดแล้วก่อปัญหาขึ้นได้

     การปฏิบัติตามแนวสติปัฏฐาน นี้ นักศึกษาฝ่ายตะวันตกบางท่าน  นำไปเปรียบเทียบกับวิธีการแบบจิตวิเคราะห์ ของจิตแพทย์  (Psychiatrist)  สมัยปัจจุบัน และประเมินคุณค่าว่า สติปัฏฐานได้ผลดีกว่า และใช้ประโยชน์ได้กว้างขวางกว่า  เพราะทุกคนสามารถปฏิบัติได้เอง และใช้ในยามปรกติเพื่อความมีสุขภาพจิตที่ดีได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ในที่นี้จะไม่วิจารณ์ความเห็นนั้น แต่จะขอสรุปสาระสำคัญของการเจริญสติปัฏฐานตามแนวความคิดเห็นแบบใหม่อีกครั้งหนึ่ง ดังนี้

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=29-10-2023&group=82&gblog=85

235 ต้องทำเป็นทำถูกวิธีจึงจะได้ผล  หากทำไม่ถูกวิธีทำจนตายก็ไม่อะไร  ยิ่งไปได้มิจฉาทิฏฐิบุคคลเป็นครูเป็นอาจารย์ด้วยแล้วอาจถึงขั้นจำเลขที่บ้านไม่ได้      11   


 




 

Create Date : 17 มกราคม 2568
0 comments
Last Update : 17 มีนาคม 2568 19:23:07 น.
Counter : 124 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space