กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
พฤษภาคม 2567
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
space
space
17 พฤษภาคม 2567
space
space
space

สมถะ วิปัสสนา อีกที

235 สงสัย   450

> ผมมีข้อสงสัยเกี่ยวกับข้อวัตรปฏิบัติของพระป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่นดังนี้   (จะเกี่ยวกับ สติปัฏฐาน นะครับ)

ฯลฯ

    ข้อสงสัยเกี่ยวกับการปฏิบัติในแนวทางหลวงปู่มั่น - Pantip




235 ถ้าจับหลักนี่  450 ได้แล้ว  จะไม่สงสัยสายมีสายไม่มีสายนั่นนี่โน่นเลย  ทั้งจะเข้าใจวิธีแต่ละสายๆด้วยว่าไปถึงไหน   ไม่ไปไหน 

     สติ  ทำกิจสำคัญทั้งในสมถะ และในวิปัสสนา   หากพูดเปรียบเทียบ   ระหว่างบทบาทของสติในสมถะ  กับ ในวิปัสสนา  อาจช่วยให้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวมานั้นชัดเจนยิ่งขึ้น

     ในสมถะ  สติกุมจิตไว้กับอารมณ์ หรือดึงอารมณ์ไว้กับจิต   เพียงเพื่อให้จิตเพ่งแน่วแน่หรือจับแนบสนิทอยู่กับอารมณ์นั้น นิ่งสงบไม่ส่าย ไม่ซ่านไปที่อื่น เมื่อจิตแน่วแน่แนบสนิทอยู่กับอารมณ์นั้น เป็นหนึ่งเดียวต่อเนื่องไปสม่ำเสมอ  ก็เรียกว่าเป็นสมาธิ และเพียงเท่านั้น สมถะก็สำเร็จ

     ส่วนในวิปัสสนา  สติกำหนดอารมณ์ให้แก่จิต หรือ ดึงจิตไว้กับอารมณ์เหมือนกัน  แต่มุ่งใช้จิตเป็นที่วางอารมณ์   เพื่อเสนออารมณ์นั้นให้ปัญญาตรวจสอบพิจารณา  คือ จับอารมณ์ไว้ให้ปัญญาตรวจดู และวิเคราะห์วิจัยโดยใช้จิตที่ตั้งมั่น เป็นที่ทำงาน 

     หากให้อุปมา ในกรณีของสมถะ  เหมือนเอาเชือกผูกลูกวัวพยศไว้กับหลัก  ลูกวัวจะออกไปไหนๆ ก็ไปไม่ได้  คงวนเวียนอยู่กับหลัก ในที่สุด เมื่อหายพยศ ก็หมอบนิ่งอยู่กับหลักนั้นเอง จิตเปรียบเหมือนลูกวัวพยศ  อารมณ์เหมือนหลัก  สติเหมือนเชือก

     ส่วนในกรณีของวิปัสสนา   เปรียบเหมือนเอาเชือกหรือเครื่องมือ  ผูกตรึงคน  สัตว์  หรือวัตถุบางอย่าง  ไว้กับแท่นหรือเตียง แล้วตรวจดู หรือทำกิจอื่น เช่น ผ่าตัด เป็นต้น ได้ถนัดชัดเจน เชือกหรือเครื่องยึดคือสติ  คนสัตว์หรือวัตถุที่เกี่ยวข้องคืออารมณ์  แท่นหรือเตียงคือจิตที่เป็นสมาธิ  การตรวจหรือผ่าตัด เป็นต้น คือปัญญา


     ที่กล่าวมานั้น   เป็นการพูดถึงหลักทั่วไป  ยังมีข้อสังเกตปลีกย่อยที่ควรกล่าวถึงอีกบ้าง อีกอย่างหนึ่ง คือ ในสมถะ   ความมุ่งหมายอยู่ที่ทำจิตให้สงบ  ดังนั้น  เมื่อให้สติกำหนดอารมณ์ใดแล้ว  สติก็ยึดตรึงดึงจิตกุมไว้กับอารมณ์นั้น ที่ส่วนนั้นอย่างเดียว ให้จิตจดจ่อแน่วแน่แนบสนิทอยู่กับอารมณ์นั้นเท่านั้น   ไม่ให้คลาดไปเลย  จนในที่สุด  จิตน้อมดิ่งแน่วแน่อยู่กับนิมิต หรือมโนภาพของสิ่งที่กำหนด  ซึ่งเป็นเพียงสัญญาที่อยู่ในใจของผู้กำหนดเอง

     ส่วนในวิปัสสนา  ความมุ่งหมายอยู่ที่ความรู้ความเข้าใจสภาวธรรม  ดังนั้น สติจึงตามกำหนดตามจับตามถึงอารมณ์เฉพาะตัวจริงของมันตามสภาวะเท่านั้น และเพื่อให้ปัญญารู้เท่าทันครบถ้วนชัดเจนเกี่ยวกับสภาวะของมัน   สติจึงตามกำหนดกำกับจับอารมณ์นั้นๆ ให้ทันความเป็นไปของมัน  เพื่อปัญญาจะได้รู้อารมณ์นั้นโดยตลอด  เช่น  ดูมันตั้งแต่มันเกิดขึ้น คลี่คลายตัว จนกระทั่งดับสลายไป

     นอกจากนั้น จะต้องให้ปัญญาดูรู้อารมณ์ทุกอย่างที่เข้ามา หรือเข้าไปเกี่ยวข้อง ซึ่งปัญญาจะต้องรู้เข้าใจ เพื่อให้เกิดความรู้เท่าทันตามความเป็นจริง สติจึงเปลี่ยนอารมณ์ที่กำหนด หรือที่จับให้ดูไปได้เรื่อยๆ

     อีกทั้งเพื่อให้ปัญญาดูรู้เท่าทันตรงตามที่สิ่งนั้นเป็นอยู่เป็นไปแท้ๆ  สติจึงต้องตามจับให้ทันความเป็นไปในแต่ละขณะนั้นๆ ทุกขณะ ไม่หยุดติดค้างอยู่กับอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของอารมณ์ใดๆ

     ข้อสังเกตปลีกย่อยอื่นๆ ยังมีอีก  เช่น  ในสมถะ  สติกำหนดอารมณ์ที่นิ่งอยู่กับที่  (ตย. กสิณต่างๆ)   หรือ เคลื่อนไหวเป็นรูปแบบเฉพาะซ้ำไปซ้ำมาภายในขอบเขตจำกัด  (ตย. ลมเข้า-ออกๆๆๆๆ  พอง-ยุบๆๆๆๆ)   ส่วนในวิปัสสนา   สติกำหนดอารมณ์ที่กำลังเคลื่อนไหว หรือ เป็นไปในสภาพใดๆก็ได้ ไม่จำกัดขอบเขต

     ในสมถะ  นิยมให้เลือกกำหนดอารมณ์บางอย่าง  ในบรรดาอารมณ์ที่สรรแล้ว ซึ่งจะเป็นอุบายช่วยให้จิตใจสงบแน่วแน่ได้ง่าย   ส่วนในวิปัสสนา  ใช้อารมณ์ได้ทุกอย่างไม่จำกัด สุดแต่อะไรปรากฏขึ้นให้พิจารณา และอะไรก็ตามที่จะให้เห็นความจริง (สรุปลงได้ทั้งหมดใน กาย เวทนา จิต ธรรม หรือในนาม และรูป)


https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=29-10-2023&group=82&gblog=89

 


ส่วนคำบริกรรมประกอบ (เปรียบเหมือนเครื่องตรึงจิต) จะเป็น พุท-โธ  ธัม-โม  สัง-โฆ  พอง-ยุบ  เย-ซู  อัล-ลอฮฺ  นับเลข  ฯลฯ  หากเข้าใจหลัก สมถะ วิปัสสนา ข้างบนแล้ว  ก็เข้าใจคำเสริมพวกนี้ว่าปฏิบัติแนวสมถะ หรือ แนววิปัสสนา  หากต้องการให้เป็นวิปัสสนาต้องทำยังไงด้วย

คำบริกรรม,คำภาวนา จะเรียกอะไรสุดแท้แต่  เบื้องต้นไม่สำคัญนัก  เพียงแต่โยคีตั้งใจตามติดอารมณ์  ลมเข้า-ออก  พอง-ยุบ  เป็นต้น  เข้าที ออกที  พองที  ยุบที  หลงน้อยที่สุด  ไม่หลงลืม   ก็ใช้ได้  ดังตัวอย่างนี้ 450

ฯลฯ  เพราะตอนนี้ไม่ภาวนาเลย  ทุกครั้งที่นั่งผมจะรู้ตลอดเวลา ว่าตอนนี้หายใจเข้าหรือออก

- นั่งสมาธิแล้วเห็นแสงสีขาว สว่างเป็นดวงสีขาวลางๆ ต้องทำยังไงต่อไปครับ

นั่งสมาธิแล้วเห็นแสงสีขาว สว่างเป็นดวงสีขาวลางๆ ต้องทำยังไงต่อไปครับ - Pantip

แต่ถึงขั้นที่จิตสงบๆหน่อย จะมีปัญหาแล้วผู้ปฏิบัติไม่รู้จะเล่นกับมันอิท่าไหนดี    9   นี่พื้นๆ 

- บางคนตอบแนวๆ อิสลาm  โลกนี้คือสนามสอบ  ไม่ต้องสนใจมัน  ทำไปเพื่อ ...    121
 



Create Date : 17 พฤษภาคม 2567
Last Update : 16 มีนาคม 2568 20:23:09 น. 0 comments
Counter : 266 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space