 |
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
 |
|
|
จาก คคห. 8
> แล้วอาการทางกายล่ะคะ คุณเคยได้ยินว่ามีคนผิดปกติทางกายจากการฝึกสมาธิแล้วไม่หายไหมคะ เพราะมันเป็นเหตุนึงที่ดิฉันกลัว จึงไม่กล้าทำอีก เพราะตอนที่เป็นนั้น เหมือนมีคนมาจับหน้าเราบิดแรงๆไปมาตลอดเวลา ตอนออกจากสมาธิก็ยังเป็น ตอนนั้นค่อนข้างหวั่นใจ แต่ก็อดทนนั่งจนหายไป ใช้เวลาช่วงนั้นราวสองวันค่ะ กลัวว่าคราวนี้ทำอีกแล้วเกิดมันเป็นอีก แล้วไม่หายจะแย่ .... (หากเรื่องที่เขาพูดกันว่าหมดวาสนาทางนี้เป็นเรื่องจริง เพราะมีคนพูดใส่เราแบบนั้นเช่นกัน แต่ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ แล้วจะไปป้องกัน หรือเลี่ยงมันได้อย่างไร)
PANTIP.COM : Y9785609 ประสบการณ์จากการฝึกสมาธิ []
> ดิฉันเองไม่อยากจะเชื่อ ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ แต่ดิฉันไม่รู้ว่าเหตุใด ร่างกายเราเกิดอาการผิดปกติเช่นนั้นจากการทำสมาธิ
ถ้า จขกท. ได้ผู้แนะนำที่รู้เข้าใจหลักปฏิบัติแล้ว ไปไกลทีเดียว "ผลของทุกอย่างย่อมเกิดจากเหตุ" ถูกต้องเลย อริยสัจจ์ ๔ ก็มีแต่เหตุกับผล ทุกข์เป็นผล สมุทัยเป็นเหตุ นิโรธเป็นผล มรรคเป็นเหตุ
ที่ จขกท.ไม่รู้เหตุว่าทำไม ร่างกายจึงเกิดอาการเช่นนั้นเพราะไม่กำหนดรู้รู้ทุกๆสภาวะที่ปรากฎทั้งทางกาย ทั้งทางความคิดมาแต่ต้น ก็เลยไม่รู้เหตุ เอาเถอะถึงไม่รู้ว่าเหตุใด แต่มันก็ดับไป (สองวัน) ตามธรรมดาของมัน (สมาธิแรง ที่ขีดเส้นใต้ ปีติก็แรง)
นักปฏิบัติธรรมแนวนี้ พึงดูไว้เป็นตัวอย่าง อย่าฝืนอย่าต้านสภาวะ แต่พึงกำหนดรู้มัน มันเป็นยังไงก็เรื่องของมัน หน้าที่เราคือกำหนดรู้ (ว่าในใจ เหมือนพูดในใจ) ตามที่มันเป็น ไม่ฝืน ไม่ต้าน
Create Date : 10 เมษายน 2567 |
Last Update : 16 มีนาคม 2568 18:53:41 น. |
|
0 comments
|
Counter : 162 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|