"เพราะไม่เข้าใจ
ธรรมจึงสอนให้ทำ
สมาธิ"

กล่าวย้อนว่า เพราะไม่เข้าใจ
สมาธิจึงไม่เข้าใจ
ไตรสิกขา คือ
ศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อไม่เข้าใจไตรสิกขา ก็ไม่เข้าใจพระพุทธศาสนา

ซึ่งมีคติว่า ศีลเพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุตติ
ศีลกำจัดกิเลสอย่างหยาบ
สมาธิกำจัดกิเลสอย่างกลาง
ปัญญากำจัดกิเลสอย่างละเอียด
สรุป เสียเวลาเปล่า

เมื่อเข้าใจหลักใหญ่ผิดเสียแล้ว ต่อให้พูดหลักย่อยๆอีกกี่หน้ากี่บรรทัดกี่เล่มกี่คลิปก็ตามผิดหมด เพราะนั่นมันเกิดจากการเข้าใจหลักใหญ่ผิดเข้าใจพุทธธรรมคลาดเคลื่อน เหมือนคนติดกระดุมเม็ดแรกผิด ถึงเขาพยายามติดเม็ดที่เหลือทั้งหมด ก็ผิดไปตามๆกันหมด ฉะนั้น.
"ทรงสรรเสริญคุณธรรมในการเจริญ
กายคตาสติไว้มาก"
ทรงสรรเสริญคุณธรรมในการเจริญกายคตาสติไว้มาก (อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์) - Pantip-
กายคตาสติ ก็เป็นหนึ่งในบรรดาอนุสติ ๑๐ (ข้อ ๘) อนุสติ ๑๐ เป็นธรรมหมวดหนึ่งในหลายๆหมวดแห่งกัมมัฏฐาน ๔๐
- อนุสสติ ๑๐ คือ อารมณ์ที่ควรระลึกถึงเนืองๆ ได้แก่
๑. พุทธานุสติ
๒. ธัมมานุสติ
๓. สังฆานุสติ
๔. สีลานุสติ
๕. จาคานุสติ
๖. เทวตานุสติ
๗. มรณสติ
๘.
กายคตาสติ สติอันไปในกาย หรือระลึกถึงเกี่ยวกับร่างกาย คือ กำหนดพิจารณากายนี้ ให้เห็นว่าประกอบด้วยส่วนต่างๆ คือ อาการ ๓๒ อันไม่สะอาด ไม่งาม น่าเกลียด เป็นทางรู้เท่าทันสภาวะของกายนี้ มิให้หลงใหลมัวเมา
๙.
อานาปานสติ สติกำหนดลมหายใจเข้า ลมหายใจออก
๑๐. อุปสมานุสติ

ข้อ ๘ ข้อ ๙ พูดถึงกันบ่อย
สติปัฏฐาน ธรรมเป็นที่ตั้งแห่งสติ, ข้อปฏิบัติมีสติเป็นประธาน การตั้งสติกำหนดพิจารณาสิ่งทั้งหลายให้รู้เห็นเท่าทันตามความเป็นจริง, การมีสติกำกับดูสิ่งต่างๆและความเป็นไปทั้งหลาย โดย
รู้เท่าทันตามสภาวะของมัน ไม่ถูกครอบงำด้วยความยินดียินร้าย ที่ทำให้มองเห็นเพี้ยนไปตามอำนาจกิเลส
วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือเห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความ
หลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้,
การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความ
เห็นแจ้งรู้ชัดภาวะของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น
รู้เห็นตามที่มันเป็น
ไม่ใช่รู้เห็นตามที่ตัวเองอยากให้มันเป็นหรือไม่อยากให้มันเป็น
สมาธิ ความมีใจตั้งมั่น, ความตั้งมั่นแห่งจิต, การทำให้ใจสงบแน่วแน่ ไม่ฟุ้งซ่าน, ภาวะที่จิตตั้งมั่นเรียบแน่วอยู่ในอารมณ์คือสิ่งอันหนึ่งอันเดียว, มัก
ใช้เป็นคำเรียกง่ายๆ สำหรับ
อธิจิตตสิกขา (อธิ
สีลสิกขา อธิ
จิตตสิกขา อธิ
ปัญญาสิกขา - ศีล สมาธิ ปัญญา)
กรรมฐาน (กัมมัฏฐาน) ที่ตั้งแห่งการทำงานของจิตหรือ
ที่ให้จิตทำงาน มีความหมายเป็นทางการว่า สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ในการเจริญภาวนา หรืออุปกรณ์ในการฝึกอบรมจิต หรืออุบายหรือกลวิธีเหนี่ยวนำสมาธิ พูดง่ายๆว่า สิ่งที่เอามาให้จิตกำหนดด้วยสติ จิตจะได้มีงานทำเป็นเรื่องเป็นราว สงบอยู่ที่ได้ ไม่ฟุ้งซ่านเลื่อนลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
พูดสั้นๆ
กรรมฐาน คือ สิ่งที่ใช้เป็นอารมณ์ของจิตที่จะชักนำให้เกิดสมาธิ หรือ
อะไรก็ได้ที่พอจิตเพ่งหรือ
จับแล้ว จะช่วยให้
จิตแน่วแน่อยู่กับมัน เป็นสมาธิได้เร็ว และมั่นคงที่สุด พูดให้สั้นที่สุดว่า
สิ่งที่ใช้ฝึกสมาธิ
(สิ่งที่ใช้ฝึกจิต - อธิจิตตสิกขา) คำว่า "
ธรรม" ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง
ไม่มีอะไรอยู่นอกเหนือคำว่า "ธรรม" ไม่ว่าสิ่งใดๆ ใช้คำว่าธรรมเรียกได้ทั้งหมด
เมื่อธรรม ครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง
ธรรม จึงจำแนกออกไปได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่อาจจัดประมวลได้เป็นกลุ่มเป็นประเภท การจัดกลุ่มหรือประเภท ได้แก่ สังขตธรรม และอสังขตธรรม
สังขตธรรม คือ ธรรมที่ปัจจัยปรุงแต่ง หรือสภาวะที่เกิดจากปัจจัยหนุนเนื่องกันขึ้นมา เรียกง่ายๆว่า "สังขาร" ได้แก่ รูปธรรมและนามธรรมทั่วไป ที่จัดเข้าในขันธ์ ๕
อสังขตธรรม คือ ธรรมที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง หรือสภาวะที่มิใช่เกิดจากปัจจัยหนุนเนื่องกันขึ้นมา เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "วิสังขาร" ได้แก่ สภาวะอันพ้นจากขันธ์ทั้ง ๕ คือ นิพพาน

ดูความหมายหลักเข้าใจแล้ว ไม่ใช่จบแค่นั้น ยังต้องไปเจริญไปภาวนาอีก (ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ) ขณะที่ฝึกหัดปฏิบัติทำก็ยังมีปัญหาให้ต้องแก้