กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
space
space
25 กันยายน 2567
space
space
space

ปฏิเวธของพระพุทธเจ้ามาเป็นปริยัติของเรา
 
- พระไตรปิฎก กับ พระสัทธรรม  ๓

     พระพุทธศาสนานี้  ตัวแท้ตัวจริงถ้าสรุปง่าย ๆ ก็เป็น ๓ ดังที่เรียกว่าเป็น สัทธรรม ๓ คือ ปริยัติ ปฏิบัติ และปฏิเวธ

     ปริยัติ ก็คือพุทธพจน์ที่เรานำมาเล่าเรียนศึกษา ซึ่งอยู่ในพระไตรปิฎก  ถ้าไม่มีพระไตรปิฎก พุทธพจน์ก็ไม่สามารถมาถึงเราได้ เราอาจกล่าวได้ว่า ปริยัติเป็นผลจากปฏิเวธ และเป็นฐานของการปฏิบัติ

     พระพุทธเจ้าเมื่อทรงบรรลุผลการปฏิบัติของพระองค์แล้ว  จึงทรงนำประสบการณ์ที่เป็นผลจากการปฏิบัติของพระองค์นั้นมาเรียบเรียงร้อยกรองสั่งสอนพวกเรา  คือ  ทรงสั่งสอนพระธรรมวินัยไว้  คำสั่งสอนของพระองค์นั้น  ก็มาเป็นปริยัติของเรา คือ เป็นสิ่งที่เราจะต้องเล่าเรียน  แต่ปริยัติที่เป็นผลจากปฏิเวธนั้น  หมายถึงปฏิเวธของพระพุทธเจ้าโดยเฉพาะ คือ ผลการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า และที่พระพุทธเจ้าทรงยอมรับเท่านั้น  ไม่เอาผลการปฏิบัติของโยคี ฤๅษี ดาบส นักพรต ชีไพร อาจารย์ เจ้าลัทธิ หรือศาสดาอื่นใด

     ถ้าไม่ได้เล่าเรียนปริยัติ  ไม่รู้หลักคำสอนของพระพุทธเจ้า  การปฏิบัติของเราก็เขว ก็ผิด ก็เฉไฉ ออกนอกพระพุทธศาสนา  ถ้าปฏิบัติผิด  ก็ได้ผลที่ผิด  หลอกตัวเองด้วยสิ่งที่พบ ซึ่งตนหลงเข้าใจผิด  ปฏิเวธก็เกิดขึ้นไม่ได้

     ถ้าไม่มีปริยัติเป็นฐาน ปฏิบัติและปฏิเวธก็พลาดหมด  เป็นอันว่า  ล้มเหลวไปด้วยกัน

     พูดง่ายๆ ว่า จากปฏิเวธของพระพุทธเจ้า ก็มาเป็นปริยัติของเรา แล้วเราก็ปฏิบัติตามปริยัตินั้น เมื่อปฏิบัติถูกต้อง ก็บรรลุปฏิเวธอย่างพระพุทธเจ้า  ถ้าวงจรนี้ยังดำเนินไป  พระศาสนาของพระพุทธเจ้าก็ยังคงอยู่

     ปริยัติที่มาจากปฏิเวธของพระพุทธเจ้า และเป็นฐานแห่งการปฏิบัติของพวกเราเหล่าพุทธบริษัททั้งหลาย  ก็อยู่ในพระไตรปิฎกนี้แหละ

 
 


235 ปฏิเวธของพระพุทธเจ้า   มาเป็นปริยัติของเรา  แล้วเราก็ปฏิบัติตามปริยัตินั้น เมื่อปฏิบัติถูกต้อง ก็บรรลุปฏิเวธอย่างพระพุทธเจ้า
 
 


ยถาปิ  อุทเก  ชาตํ        ปุณฑรีกํ  ปวฑฺฒติ
โน  ปลิปฺปติ  โตเยน      สุจิคนฺธํ   มโนรมํ
ตเถว  จ  โลเก   ชาโต   พุทฺโธ   โลเก   วิหรติ
โน  ปลิปฺปติ  โลเกน      โตเยน  ปทุมํ  ยถา ฯ
 
ดอกบัวเกิดและเติบโตอยู่ในน้ำ  แต่ไม่ติดน้ำ  ทั้งกลิ่นหอม ยังใจให้รื่นรมย์ ฉันใด
พระพุทธเจ้าเกิดในโลกและเติบโตอยู่ในโลก  แต่ไม่ติดโลก  เหมือนบัวไม่ติดน้ำ ฉันนั้น ฯ





Create Date : 25 กันยายน 2567
Last Update : 17 มีนาคม 2568 15:04:12 น. 0 comments
Counter : 195 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space