กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
ตุลาคม 2567
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
22 ตุลาคม 2567
space
space
space

ความง่วงเป็นอุปสรรคในการปฏิบัติธรรม เราผ่านไปไม่ได้


235 ดูๆก็น่าเห็นใจ      9  

>เราเหนื่อย และท้อกับอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นตอนสวดมนต์และนั่งกรรมฐานมาก

เมื่อก่อนตอนไม่ปฏิบัติธรรม ชีวิตสบายกว่านี้มาก นอนขี้เกียจกี่ชั่วโมงก็ได้ มีเวลาว่างเยอะ อยากไปไหนก็ได้ไป ไม่ค่อยเจ็บป่วย

พอมาปฏิบัติธรรม มันทุกข์สารพัด ถ้าจะบอกว่ามันคือบททดสอบ เราก็ทนและผ่านมาได้หลายอย่างแล้ว ไม่ว่าจะป่วยโรคอะไร กี่โรคต่อกี่โรค หายจากโรคนึงก็ป่วยอีกโรค เดี๋ยวนี้เราไม่ดีใจเลยที่หายป่วย เพราะรู้ว่าหายจากโรคนี้เดี๋ยวก็เป็นโรคอื่น

เราก็ว่าเราอดทน อึดและถึกแล้วนะ แต่อย่างเดียวที่เราแพ้คือความง่วง ง่วงขึ้นมาแต่ละทีทรมานมาก นอนกี่ชั่วโมงก็ง่วง ดื่มกาแฟ ดื่มเครื่องดื่มชูกำลัง ก็ยังง่วง สวดมนต์หรือนั่งกรรมฐานต่อไปไม่ได้ ต้องเลิกไปอย่างน่าเสียดาย

หาวิธีแก้ง่วง แก้ถีนมิทธะ จาก internet ก็ไม่มีวิธีไหนได้ผล

เราควรทำยังไงดี ท้อเหลือเกิน จนไม่อยากปฏิบัติต่อไปแล้ว ใครเจออุปสรรคทุกข์ทนอย่างเราบ้าง ถึงไม่มีคำแนะนำแต่อย่างน้อยมาเล่าประสบการณ์ก็ยังดี

ความง่วงเป็นอุปสรรคอย่างมากในการปฏิบัติธรรม เราผ่านไปไม่ได้ - Pantip



235 พูดให้เห็นภาพ คือ การต่อสู้กับกิเลสเบื้องต้นก็นิวรณ์เนี่ย  กล่าวคือ ความง่วงเหงาหาวนอน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หินเอาการอยู่  แต่ก็ไม่ยากถ้ารู้เท่าทันมัน  การรู้เท่าทันก็ต้องฝึกกำหนดรู้ให้ทันมัน    ถ้ากำหนดความง่วงไม่ทันมันก็ครอบงำจิตเรียบร้อย   11  หัวทิ่ม  มันยากตรงนี้  ยากตรงฝึกหัดพัฒนากุศลจิตให้มีกำลังรู้เท่าทันมันนี่

- จิตใจคนเรานั่น มีทั้งกุศล อกุศล แล้วทั้งกุศลอกุศลนี่แหละมันเหมือนแย่งชิงพื้นที่กัน ฝ่ายไหนมีกำลังมากกว่าก็ครอบงำฝ่ายมีกำลังน้อยกว่า  ปกติฝ่ายอกุศลจะมีกำลังมากกว่ากุศล เพราะอะไร ? เพราะคนเรารับอารมณ์ทางตา ทางหู เป็นต้น มักปรุงแต่งจิตแต่เรื่องที่เป็นฝ่ายลบ นานๆๆจะบวกสักที  การที่คนเราสั่งสมอกุศล (แง่ลบ) บ่อยๆก็กลายเป็นอนุสัยนอนเป็นพื้นจิตอยู่  เปรียบก็เหมือนพื้นห้องที่เราทิ้งไว้ไม่ได้ทำความสะอาดหลายๆปี ฝุ่นก็คลัก ฉันใดก็ฉันนั้น เพราะฉะนั้นการปฏิบัติกวาดล้างกิเลสมันจึงยากส์ ไหนยังต้องอาศัยการปฏิบัติถูกวิธีอีก ไม่จำต้องกล่าวถึงการปฏิบัติผิดวิธี        

- ความหมายนิวรณ์ 

   นิวรณ์  แปลว่า  เครื่องกีดกั้น เครื่องขัดขวาง แปลเอาความตามหลักวิชาว่า สิ่งที่กีดกั้นการทำงานของจิตไม่ให้ก้าวหน้าในกุศลธรรม ธรรมฝ่ายชั่วที่กั้นจิตไม่ให้บรรลุคุณความดี หรืออกุศลธรรมที่ทำจิตให้เศร้าหมองและทำปัญญาให้อ่อนกำลัง
 
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=30-10-2023&group=82&gblog=92

- ความคิดเห็นที่ 24
ชวนคุยแก้ง่วงหน่อย

จขกท. ปฏิบัติยังไงแบบไหนครับผม

- ความคิดเห็นที่ 24-1
เราสวดมนต์เป็นหลักค่ะ (เราท่องจนจำบทสวดได้ ปิดหนังสือ หลับตาสวดจะถนัดกว่า) รอบละประมาณ 2 ชั่วโมง 40 นาที แล้วนั่งสมาธิรอบละประมาณ 20 นาที รวมกันเป็น 3 ชั่วโมงพอดี ทำอย่างนี้ประมาณ 2 - 3 รอบต่อวัน  (ยกเว้นวันที่ท้อหรือเหนื่อยมาก ๆ ก็จะได้แค่รอบเดียว)

เราเคยปฏิบัติอานาปานสติอย่างเดียว แต่ฟุ้งซ่านมาก เลยทำตามคนแนะนำว่าให้ปฏิบัติแนวสติปัฏฐาน 4 เราลองศึกษาแล้วทำตาม  ช่วงภาวนาปกติก็ดูลมหายใจพร้อมคำบริกรรม  พอมีความคิดฟุ้งซ่านก็กำหนดรู้  รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ  จิตมีนิวรณ์  แล้วก็กลับมาที่ลมหายใจใหม่ แต่เราเพิ่งเริ่มปฏิบัติอย่างนี้ไม่นาน  ยังฟุ้งเยอะและนานอยู่  กว่าจะรู้ตัวแล้วกำหนดรู้ก็ผ่านไปหลายนาที  ยังรู้สึกอยากสงบ  รู้สึกว่ายังทำได้ไม่ดีค่ะ


ความคิดเห็นที่ 24-2
"ภาวนาปกติก็ดูลมหายใจพร้อมคำบริกรรม"

บริกรรมพุท-โธ ลมหายใจเข้าว่า พุท ลมหายใจออก ว่า โธ ใช่ไหมครับ

ความคิดเห็นที่ 24-4
"บริกรรมพุท-โธ ลมหายใจเข้าว่า พุท ลมหายใจออก ว่า โธ ใช่ไหมครับ"

ใช่ค่ะ

235 กรณีนี้  ผู้ใช้คำบริกรรมพุท-โธ ควบพร้อมๆกับลมเข้า-ออก ต้องปรับวิธีปฏิบัติ จึงจะเข้าเรื่องกัน ลมหายใจเข้าว่า พุท ลมออกว่า โธ พอได้ แต่จิตคิดฟุ้งซ่าน (คิดฟุ้งซ่านก็กำหนดรู้  รู้ว่าจิตไม่เป็นสมาธิ  จิตมีนิวรณ์) < ตรงนี้ต้องปรับ กำหนดตรงๆกับสภาวะที่เรารู้สึกเลย  เช่น ฟุ้งซ่าน  กำหนดคือว่าในใจ ฟุ้งซ่าน (หนอ) ๆๆๆ สัก ๓-๔ ครั้ง ปล่อย ไปกำหนดลมหายใจเข้า-ออกไปใหม่, รู้สึกง่วงปุ๊บ  กำหนดทันทีปั้ป  ง่วง (หนอ) ๆๆๆ  ๓-๔ ครั้ง ปล่อย ไปกำหนดลมเข้า-ออกไปใหม่ รู้สึกง่วงอีก  กำหนดอีก ง่วง หนอๆๆๆ  ปล่อย ไปกำหนดอารมณ์หลักไปใหม่  รู้สึกฟุ้งซ่านอีก กำหนดอีก ฟุ้งซ่าน หนอๆๆๆ ปล่อย ไปกำหนดกรรมฐานเดิมว่าไปใหม่ 

- สรุปวิธีปฏิบัติก็คือ รู้สึกยังไง เป็นยังไง  กำหนดยังงั้น ตามที่มันเป็น จนกว่าจะหมดเวลา สมมติ ๒๐ นาที ก็ลุกเดินจงกรม ๒๐ นาที  ครบเวลาที่กำหนด  นั่งกำหนดอารมณ์ไปใหม่  เวียนรอบอยู่อย่างนี้  สักเดือน ๒ เดือน  ก็เพิ่มเวลาอีก ๒๕/๓๐ นาที เป็นนั่ง ๒๕ นาที  จงกรม ๒๕ นาที  ฯลฯ


- หลัก จงกรม

https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=samathijit&month=22-04-2021&group=1&gblog=32
 



  
- อย่าจมแช่อยู่กับความคิดครับ กำหนดรู้  รู้แล้วปล่อย ต้องใช้เวลาครับ เรื่องง่วงนี่ต้องรู้ทันมัน  การจะรู้ทันมันก็จากการกำหนดมันนี่ล่ะ  ไม่มีทางอื่น  (ไม่ใช่แก้ปัญหาด้วยการลุกไปเข้าห้องน้ำ ไปนอนให้หายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ทำใหม่  ไม่เอาแบบนั้น    121 )  ใหม่ๆ อาจจะหลับ  มันจะหลับก็ให้มันนั่งหลับอยู่ตรงนั้นแหละ   รู้สึกตัวกำหนดกรรมฐานต่อ  จนกว่าจะครบเวลาที่กำหนดหมายไว้ ๒๐ นาที  ครบแล้วลุกเดินจงกรมไปใหม่ เดินครบ ๒๐ นาที  นั่งอีก วนลูปไปทั้งวัน นั่งเดินจงกรมๆๆ


ก็เณรง่วงอ่ะ นั่งสมาธิหลับเลย - YouTube

 
 

 



Create Date : 22 ตุลาคม 2567
Last Update : 17 มีนาคม 2568 15:29:59 น. 0 comments
Counter : 137 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space