กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
ตุลาคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
12 ตุลาคม 2565
space
space
space

พูด VS ทำ



235 พูดกับทำ  ทำแล้วพูด  พูดแต่ไม่ทำไม่เคยทำ  มีที่ดูที่สังเกตอยู่เหมือนกัน  

    เรื่องการปฏิบัติ   จะเรียกปฏิบัติกรรมฐาน,  อานาปานสติ,  เจริญภาวนา  ภาวนาอะไรต่ออะไรที่พูดๆกันทั่วๆไป   3    ต้องลงมือทำลงมือปฏิบัติด้วยไม่ใช่พูดเฉยๆ  แล้วก็ปฏิบัติอย่างถูกวิธี เรียกว่าเป็นสัมมาปฏิปทาจึงจะได้ผลที่ต้องการ  หากปฏิบัติผิดไม่ถูกวิธี ที่เรียกเป็นศัพท์เฉพาะว่ามิจฉาปฏิปทาแล้ว  ผลก็ไม่เกิด  และที่สำคัญผู้ปฏิบัติจะต้องมีกัลยาณมิตรแนะนำ 


* ถาม 450

- อยากรู้ว่า อานาปานสติ ที่หนังสือตำราต่าง ๆ บอกไว้ หายใจออกสั้นก็รู้ ยาว ก็รู้ จริงๆ แล้วไม่มีใครฝึกได้ใช่มั้ย ?

  คนยุคนี้ไม่มีปัญญาเท่าคนสมัยพุทธกาล ต้องเป็นติเหตุบุคคล อย่างคนสมัยนี้เป็นทวิเหตุบุคคล ยังไงก็ไม่มีทางฝึกได้

อยากรู้ว่า อานาปาณสติ ที่หนังสือตำราต่าง ๆ บอกไว้ หายใจออกสั้นก็รู้ ยาว ก็รู้ จริง ๆ แล้วไม่มีใครฝึกได้ใช่มั้ย ? - Pantip


235 นี่ 450 เขาปฏิบัติแล้วระบายออกจากความรู้สึก ใช้คำตอบข้างบน 451 คำถามภาคปฏิบัติได้ทั้งนั้น 

- นี่เป็นครั้งแรกของผมในเวปบอร์ดนี้  (ลานธรรมเสวนา ล่มสลายไปแล้ว)  ถ้าอย่างไรขอความกรุณาด้วยนะครับ :)

>ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปฏิบัติธรรมจริงๆจังๆเลย  จนกระทั่งไม่นานมานี้ วาสนาพาให้ได้พบกับพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งที่ญี่ปุ่นนี่  ทราบว่าท่านน่าจะมาโปรดสัตว์ ผมได้ถามท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์   ท่านก็ไม่ตอบอะไร   ยื่นหนังสือของท่านให้สามเล่ม  เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางในอานาปานสติสูตร แล้วผมก็กราบลาท่านมา

หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว   ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน  ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน   จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ   แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่   ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้น    ผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน  ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ

หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง    ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา   ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ (ก่อนหน้านี้ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่รร.สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)  ในการนั่งสมาธิครั้งนี้  ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน    แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว  แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น    ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่าผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถแบบอัปปมัญญา ๔    (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถ ๔o วิธีแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)    แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจแผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า จากนั้นก็เบื้องหลัง จากนั้นก็เบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา    พอครบทุกทิศแล้ว    ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ    กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น    จากนั้นผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ   มีแต่ความสุขไปหมด   

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า  "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ  ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว  คนทั้งโลก (ส่วนใหญ่) มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน  ทำไปทำไมนะ  มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย   ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก  อยู่กับตัวเองแท้ๆ  คนในโลกกลับไม่รู้"   จากนั้น   ผมก็สังเกตลมหายใจ   ก็รู้สึกว่า  ลมหายใจตอนนี้มันละเอียดมาก  ถึงค่อยเข้าใจ  คำว่า ลมหายใจหยาบ   ลมหายใจละเอียด   ว่าเป็นยังไง   ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้   มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติค้างอยู่  แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ   แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย คือมีความรู้พร้อมอยู่  จากนั้นผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า   "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่  ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ"  จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน     หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆตะโกนเสียงดัง  (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

แต่หลังจากนั้นมา    ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย   คือทำได้มากสุดก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น   (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที)  แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้   จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ   แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้


133

235 หลักธรรมหมวดหนึ่งว่า  ความสุข มี ๒  คือ  สามิสสุข    ความสุขอิงอามิส คืออาศัยกามคุณ  ๑  นิรามิสสุข   สุขไม่เจืออามิส,สุขที่เป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อวัตถุ ๑ 

อามิส   เครื่องล่อใจ,  เหยื่อ, สิ่งของ  ได้แก่ กามคุณ ๕ 

235 ความสุขที่ผู้ปฏิบัติท่านนั้นเข้าถึง ได้แก่  ความสุขที่ไม่ต้องอาศัยกามคุณ ๕  คือ  รูป  รส  กลิ่น เสียง  สัมผัส  ที่น่าปรารถนา น่าใคร่  น่าพอใจ  เป็นความสุขที่เป็นอิสระตรรกะหยั่งไม่ถึง ซึ่งละทุจริตละอกุศลได้  
 


Create Date : 12 ตุลาคม 2565
Last Update : 15 มีนาคม 2568 15:39:32 น. 0 comments
Counter : 380 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space