กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
มีนาคม 2567
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
16 มีนาคม 2567
space
space
space

อยากฝึกเจริญเมตตา ที่ช่วยให้จิตมีพลัง

อยากฝึกเจริญเมตตา  450 

> การฝึกการเจริญเมตตา..ที่ช่วยให้จิตมีพลังขึ้น ขอคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์

หลายๆครั้งที่ต้องเจอกับจิตที่ดำดิ่ง อาการนั้นสุดบรรยายเป็นตัวอักษร อยากลองศึกษาการฝึกเจริญเมตตา  จากผู้ที่เคยผ่านการฝึกจริง  ฝึกได้เองแบบถูกวิธีขอคำแนะนำค่ะ

https://pantip.com/topic/42583326

- หลังบ้านยังมีคำถามอีกหลายคำถามที่น่าสนใจ แต่เอาอันนี้ก่อน จขกท.

235 ค่อยๆอ่านทำความเข้าใจตัวอย่างนี้  (ยาวหน่อยนะครับ)


สวัสดีสหายธรรมทุกคนครับ

นี่เป็นครั้งแรกของผมในเวปบอร์ดนี้  ถ้าอย่างไรขอความกรุณาด้วยนะครับ :)

ตอนนี้ผมอยู่ที่ญี่ปุ่นครับ ก่อนหน้านี้ไม่เคยปฏิบัติธรรมจริงๆจังๆเลย จนกระทั่งไม่นานมานี้ วาสนาพาให้ได้พบกับพระสงฆ์ไทยรูปหนึ่งที่ญี่ปุ่นนี่ ทราบว่าท่านน่าจะมาโปรดสัตว์

ผมได้ถามท่านว่า ทำอย่างไรจึงจะพ้นทุกข์ ท่านก็ไม่ตอบอะไร ยื่นหนังสือของท่านให้สามเล่ม เป็นหนังสือเกี่ยวกับการปฏิบัติตามแนวทางในอานาปานสติสูตร แล้วผมก็กราบลาท่านมา

หลังจากได้หนังสือสามเล่มนั้นมาแล้ว ผมก็อ่านแค่เล่มแรกก่อน ใจความในเล่มแรกคือ ให้กำหนดรู้ลมหายใจให้ตลอด ในชีวิตประจำวัน จะทำกิจกรรมอะไรก็ให้กำหนดรู้ลมหายใจไปด้วย ยกเว้นเวลาขับรถ หรือเวลาอ่านหนังสือ แต่ก็ให้มีสติรู้อยู่ว่าเราทำอะไรอยู่ ท่านว่าให้กำหนดรู้ลมหายใจเสมือนว่าลมหายใจเป็นกัลยาณมิตร ให้เรายึดกัลยาณมิตรนี้ไว้

หลังจากนั้นผมก็พยายามกำหนดรู้ลมหายใจในชีวิตประจำวัน เวลาเดิน ก็รู้สึกดีครับ รู้สึกเพลินกับการยึดลมหายใจ
หลังจากนั้นมีวันหนึ่ง ผมเกิดนึกอยากนั่งสมาธิขึ้นมา ผมก็เลยนั่งสมาธิกำหนดลมหายใจ  (ก่อนหน้านี้   ตอนเด็กๆ เวลาคุณครูที่  รร.  สั่งให้นั่งสมาธิในห้องเรียน ให้พยายามตามดูลมหายใจจะรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ น่าปวดหัวมาก แต่คาดว่าคงเป็นเพราะจากที่ได้ฝึกในชีวิตประจำวัน ทำให้ตั้งแต่นั่งครั้งนี้ก็ไม่รู้สึกเช่นนั้นอีก)

ในการนั่งสมาธิครั้งนี้  ผมสามารถรับรู้ลมหายใจได้ตลอดสายเป็นเวลานาน   แต่ผมก็คิดว่าเวลาจิตเราสงบมากแล้ว  แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น   ถ้ายังไงเราลองเปลี่ยนวิธีกำหนดดูดีกว่า ผมเลยเปลี่ยนวิธีกำหนดในใจเป็นสมถะแบบอัปปมัญญา ๔  (ที่ผมเปลี่ยนเป็นวิธีนี้เพราะก่อนหน้านี้เคยอ่านหนังสือเรื่องสมถะ ๔o วิธีแล้วรู้สึกว่าเราน่าจะเหมาะกับวิธีนี้ คือเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นเอง)  แล้วกำหนดคำบริกรรมในใจ  แผ่เมตตาให้สัตว์ทั้งหลายไม่มีประมาณในทิศเบื้องหน้า   จากนั้นก็เบื้องหลัง  จากนั้นก็เบื้องบน  เบื้องล่าง  เบื้องซ้าย แล้วก็เบื้องขวา  พอครบทุกทิศแล้ว  ก็กำหนดแผ่ไปในทุกทิศพร้อมกันไม่มีประมาณ กำหนดแค่ครั้งเดียวเท่านั้น

จากนั้น  ผมก็รู้สึกเหมือนกายผมขยายตามที่กำหนดแผ่เมตตาไปด้วย  รู้สึกว่ากายขยายไปทุกทิศ ความรู้สึกนี้มันเกิดในเวลาแค่แปปเดียว  กายขยายไปทุกทิศจนรู้สึกว่ากายหายไป คือ ไม่มีกาย เวลานี้รู้สึกว่าความรู้สึกของเราเหมือนจุ่มอยู่ในปิติ  มีแต่ความสุขไปหมด

จากนั้นผมก็คิดขึ้นมาว่า   "มีความสุขขนาดนี้ในโลกด้วยหรือ ความสุขนี้ดีกว่าความสุขในโลกที่เราเคยพบมาทั้งหมด โอ ความสุขนี้แค่นั่งก็ได้แล้ว คนทั้งโลก (ส่วนใหญ่) มัวแต่วุ่นวายทำอะไรกันอยู่ บางคนทำทุจริตต่างๆเพื่อหาเงินมาสนองความสุขตน ทำไปทำไมนะ มันเทียบกับความสุขที่เกิดจากความสงบนี้ไม่ได้เลย ความสุขนี้ไม่ต้องไขว่คว้ามาก อยู่กับตัวเองแท้ๆ คนในโลกกลับไม่รู้"

จากนั้นผมก็สังเกตลมหายใจ  ก็รู้สึกว่าลมหายใจตอนนี้   มันละเอียดมาก ถึงค่อยเข้าใจคำว่าลมหายใจหยาบลมหายใจละเอียดว่าเป็นยังไง ก่อนหน้านี้เข้าใจว่าคือลมหายใจแรงๆเบาๆซะอีก :)

ความรู้สึกจากการเกิดสมาธิครั้งแรกนี้ มันเหมือนจุ่มค้างอยู่ปิติ คือปิติเกิดค้างอยู่ แต่ไม่เห็นนิมิตอะไรทั้งสิ้นเลยนะครับ  แต่รู้สึกจิตเวลานี้ไม่มีนิวรณ์เลย  คือมีความรู้พร้อมอยู่

จากนั้น   ผมก็รู้สึกยินดีกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วคิดไปเรื่อยว่า  "นี่คือปฐมฌานหรือเปล่านี่ ปฐมฌานเกิดกับเราหรือ" จนจิตเริ่มไม่เป็นสมาธิ เริ่มปั่นป่วน

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงห้องข้างๆ ตะโกนเสียงดัง (คาดว่าน่าจะดูบอล) ผมก็เลยหลุดออกมาจากสภาวะนั้น

แต่หลังจากนั้นมา  ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสภาวะดังกล่าวได้อีกเลย คือ ทำได้มากสุด ก็แค่ทำปิติให้เกิดขึ้นแวบหนึ่งเท่านั้น  (แต่ก็สามารถทำให้เกิดได้ตลอดเวลา ตามที่ต้องการทันที) แต่ไม่สามารถทำให้เกิดค้างไว้   จนรู้สึกเหมือนจุ่มลงในปิติ  แล้วมีลมหายใจละเอียดแบบครั้งแรกได้


235 ถึงยังไงๆ จิตก็ต้องมีสมาธิระดับหนึ่งก่อน ดังตัวอย่างนั่น  ถ้าจิตไม่มีสมาธิเลย ก็นึกแผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ได้ แต่ว่ามันไม่ค่อยมีพลังเหมือนท่อน้ำที่แตกพรุน น้ำปลายสายก็ไม่แรงพอ



 


 


Create Date : 16 มีนาคม 2567
Last Update : 16 มีนาคม 2567 23:12:42 น. 0 comments
Counter : 83 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space