Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
12 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 

Konnichiwa Nihon no densha (7)

วันนี้เป็นวันแรกที่เริ่มต้นเดินทางออกต่างจังหวัดแล้วล่ะครับ



เริ่มต้นชีวิตเดินทางเมื่อเวลา 05.00 น. เวลาญี่ปุ่น (ถ้าเป็นบ้านเราก็ราวตีสาม) จัดการเรื่องราวส่วนตัวพร้อมรับประทานมื้อเช้าแล้วเสร็จ ออกจากที่พัก ลากกระเป๋ากึงกังๆ ไปยังสถานีรถไฟอูเอะโนะ รอขึ้นรถไฟด่วน ชิน กังเซ็น ฮายาบูสะ ไปยังเมืองเซ็นได



สูดลมเย็นหน้าที่พัก โชคดีที่ฝนหยุดตกแล้ว



บรรยากาศที่เงียบสงบ ทำให้ผมสงสัยว่า ชาวบ้านชาวเมืองเขาไปไหน ? ถ้าเป็นบ้านเรา แออัดคึกคักกันตั้งแต่ตีห้าแล้ว

อ.วิรัตน์ อธิบายว่า ช่วงนี้เป็นช่วงวันหยุดยาวของญี่ปุ่น

และชาวบ้านชาวเมืองตามปกติ จะไม่ออกไปไหน จนกว่าจะได้เวลาไปทำงาน เพราะอากาศหนาวครับ



อย่าคิดอะไรมากเน้อ ถ่ายรูปเล่นๆ เท่านั้นแหละ



ชานชาลาสำหรับรถไฟด่วน ชินกังเซ็น ของสถานีอูเอะโนะนี้ จะอยู่ชั้นใต้ดินลึกสุด

ดังนั้น เห็นตัวอาคารสถานีเพียงเดี่ยวโดด ไม่ได้หมายความว่า จะมีรถไฟวิ่งเพียงเท่าที่เห็น อาจขวักไขว่อยู่ใต้ดินหลายชั้นก็ได้



มาล่ะครับ ขบวนรถด่วน ชินกังเซ็น ฮายาบูสะ พ่วงรวมกับ ขบวน อากิตะ โดยไปแยกกันที่เมือง โมริโอกะ ขบวนสีแดงที่เห็นอยู่ข้างหน้า



เริ่มต้นด้วยการนั่งรถด่วน ชิง กังเซ็น ฮายาบูสะ จากสถานีอูเอะโนะ ไปยังเซ็นได ก่อน



ลองเอาเหรียญสิบบาทของเราวางด้านขอบบนชั้นวางของหลังพนักพิง ไม่มีล้มเลยล่ะ

เส้นทางเขานิ่มจริงๆ ตามคำโฆษณา



ลองบันทึกภาพผ่านกระจกรถ แต่ประสบความผิดหวังครับ

นอกจากเสาไฟฟ้าที่มักเข้ามาบังหน้ากล้องแทบทุกระยะแล้ว ยังมีแนวกำแพงกันเสียง โดยเฉพาะในเมือง ที่สูงร่วมอก มาบังเป็นระยะ ไม่นับท้องฟ้าที่มืดครึ้ม พร้อมสายฝนที่โปรยมาอีกด้วย

ขอวางกล้อง จัดการกับกาแฟที่ซื้อติดมือมาจากร้านสะดวกซื้อในสถานี และเห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่า คนไทยนั้น กินหวานที่สุดในโลก



ราว 1.50 ชั่วโมง ชาวคณะก็ถึงสถานีเซ็นได

มีผู้โดยสารรอขึ้นรถไปทางเหนืออีกเพียบ โดย อ.วิรัตน์ให้ความเห็นว่า ช่วงวันหยุดยาว ชาวญี่ปุ่นมักจะไปพักผ่อนทางเหนือ คงเหมือนบ้านเรานิยมขึ้นไปเที่ยวเชียงใหม่กระมัง ?



ปล่อยให้เขาลงไปก่อน แล้วเราค่อยตามไป



หลังจากผู้โดยสารขึ้นรถเสร็จสรรพแล้ว รถด่วน ชิน กังเซ็น ฮายาบูสะ ก็ออกเดินทางต่อไป



เพื่อมิให้เป็นการเสียเวลา อ.วิรัตน์ ได้วางแผนให้ชาวคณะนั่งรถไฟสาย senzan จากสถานีเซ็นได ไปยังสถานียะมะงะตะ ใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงสามสิบนาที

ที่เมืองยะมะงะตะ มีรถด่วน ชิน กังเซ็น สาย ยะมะงะตะ วิ่งผ่านด้วยครับ สุดสายที่เมืองชินโจ



แนวเส้นทางซึ่งผ่านเทือกเขาเจแปนนีส แอลป์ เช่นเดียวกับเส้นทางสายเหนือช่วง ลำปาง - เชียงใหม่



ไปกันดีกว่า



ออกจากตัวเมือง ก็ขึ้นเขาเลยล่ะ



ชานเมืองเซ็นได ก่อนจะเข้าเขตป่าไม้



เป็นภาพที่ผมคิดว่าชัดที่สุดบนเส้นทางสายนี้ครับ



อ.วิรัตน์ บอกให้ผมกับคุณอรรณพไปถ่ายภาพบริเวณหลังห้องขับ แต่สภาพฝนตกหนัก เลยได้ผลงานเพียงแค่นี้เอง



ถ่ายภาพไปด้วย พลางหมายตาภาพสองข้างทางไว้เก็บภาพซ้ำช่วงขากลับ



ชุมชนตามหุบเขา แต่ไม่มีร่องรอยของการบุกรุกทำลายป่าแต่อย่างใด



น่าจะเป็นสถานียามาเดระ ถ้าเทียบกับ google earth ครับ



คงจะเป็นไม้ผลที่ลงไว้ แน่นอนว่า ดำเนินการในรูปสหกรณ์การเกษตรทั้งหมด



ถึงสถานียะมะงะตะ ปลายทางของรถไฟขบวนนี้



ตามเขาไปสิ เพราะไม่มีทางเดินข้ามรางรถไฟแต่อย่างใด นอกจากใช้สะพานลอยเท่านั้น



ข้ามชานชาลามาขึ้นรถไฟเที่ยวกลับเซ็นได



ครั้นได้เวลา พขร.ก็นำขบวนรถออกจากสถานียะมะงะตะโดยมิรอช้า



ผ่านย่านสถานีก่อนเข้าทางแยกมายังเซ็นได



มีผู้โดยสารมากพอควร แต่ส่วนใหญ่จะลงตามสถานีระหว่างทาง



ตัวเมืองยะมะกะตะ เป็นเมืองใหญ่ทีเดียว



ผ่านไปเรื่อยๆ ครับ



จะเห็นความสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบ มองแล้วสบายตา



แม้แต่ถนนหนทาง จะเป็นสะพานข้าม หรือทำทางลอด พร้อมทางเดินเท้าเสร็จสรรพ



สถานีอูเซ็ง ชิโตเสะ ถือเป็นชุมทางแยกไปยังเมืองเซ็นได เท่าที่เห็น เขาไม่นิยมเรียกว่า ชุมทาง นำหน้าชื่อสถานีแบบบ้านเรา



บรรดาผู้โดยสารที่รอขึ้นรถ จะเห็นอุ้มลูกน้อยกันหนาตา มาจากนโยบายของรัฐบาลส่งเสริมการเพิ่มจำนวนประชากร โดยให้สวัสดิการต่างๆ จากปัญหาผู้สูงวัยมีจำนวนมากขึ้นทุกขณะ



มองไกลๆ นึกว่าเป็นโรงเรียนฮอกว็อตส์ ในเรื่อง พ่อมดน้อย ครับ



สถานีขนส่งต่างๆ จะถูกให้อยู่นอกเมือง



เกษตรกรที่นี่ นิยมปลูกดอกไม้ พืขผักต่างๆ ด้วยวิธีการกางมุ้ง เพื่อป้องกันพืชผลเสียหายจากสภาพอากาศที่มักแปรปวนบ่อย



บางบ้าน สวยแบบญี่ปุ่นจริงๆ



เข้าเขตชนบทแล้วล่ะ



ชีวิตน่าอิจฉา อยู่ใกล้ชิดกับภูเขาอีกด้วย



ทำนาแบบสันโดษจริงๆ



มีระบบฝายขั้นบันไดด้วยนะ เพื่อทดน้ำเข้าไร่นาของเหล่าเกษตรกร



อยู่ใกล้ชิดทางรถไฟแบบนี้ ไม่มีทางลักผ่านแม้แต่แห่งเดียว แถมไม่มีการเจาะรั้วกั้นแนวทางรถไฟที่มีอยู่ตลอดด้วย



รถซ่อมบำรุงทาง ที่มีจอดเป็นแห่งๆ ตามหน่วยซ่อมบำรุงทาง อาจมาจากสภาพอากาศที่แตกต่างจากบ้านเราก็ได้ จึงไม่มีแบบรถต๊อกให้เห็น



สังเกตดูแล้ว ที่นั่น มักนิยมรถเอนกประสงค์ขนาดเล็กมากกว่ารถเก๋งบ้านเรา



มีน้ำตกริมทางให้ดู ช่วงอยู่บนเขาด้วย



สถานีโอกุ นิกกาวะ เราเข้าเขต จ.เซ็นได แล้วล่ะ ตัวป้ายมีรูปทิวทัศน์ประดับอย่างสวยงาม



โรงเก็บรถซ่อมบำรุงทางอีกแห่งหนึ่งครับ



สะพานโค้งข้ามแม่น้ำชินคาวา ซึ่งไหลไปทางเมืองเซ็นได



เสียดายที่ภาพไม่ชัดจากความเร็วรถครับ ทำให้ผมนึกถึงข่าวเกี่ยวกับ JR เปิดสถานีให้บริการรับผู้โดยสารซึ่งเป็นนักเรียนหญิงเพียงคนเดียว จนกว่าจะย้ายไปเรียนต่อที่อื่น จึงจะปิดให้บริการ



บรรยากาศเหมือนสะพานข้ามถนนสุรนารายณ์ ที่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ



ดูบรรยากาศคนในรถบ้างดีกว่า อิ อิ



ใกล้ตัวเมืองเซ็นไดเข้าทุกขณะแล้ว



ดูคล้ายๆ วัดชินโตครับ



ข้ามทางลอดอีกแห่งหนึ่งแล้ว อาจมาจากสภาพพื้นที่เป็นป่าเขาก็ได้



ถึงเมืองเซ็นไดแล้ว



สถานีเซ็นไดยามเที่ยงนี้ ผู้คนหลากหลายครับ มีทั้งรอขึ้นรถไฟ และหาซื้อเสบียงขึ้นไปกินบนรถ รวมทั้งชาวคณะด้วย



มีชีวิตชีวาคึกคักดีแท้ๆ



มีถังขยะแยกประเภทให้ทิ้ง ไม่ปะปนกัน แถมนักการภารโรงจะมารวบรวมเก็บตามกำหนดเวลาอีกด้วย



ชานชาลาสำหรับขบวนรถชินกังเซ็นของสถานีแห่งนี้อยู่ชั้นบนสุด เลยออกแรงขึ้นบันไดเลื่อนกันนิดหน่อย



ตามสถานีเกือบทุกแห่งจะมีห้องพักผู้โดยสารนั่งรอขึ้นรถไฟ โดยติด heater ให้เสร็จสรรพ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับบางวันที่อากาศหนาวเย็นขนาดติดลบครับ



พอดีมีขบวนรถด่วน ชิน กังเซ็น ฮายาบูสะ พ่วงกับขบวน อากิตะ มุ่งหน้าเข้าสู่โตเกียว เข้าเทียบชานชาลาพอดี เลยชวนกับบันทึกภาพว่าเขาพ่วงกันอย่างไร ?



เอาแบบบใกล้ชิดเผาขนเลยนะครับ ขอพ่วงสมัยใหม่จะรวมลมเบรก ไฟฟ้า และระบบควบคุมต่างๆ ไว้เข้าด้วยกัน พอต่อขบวน พนักงานไม่ต้องลงไปต่อท่อลมเบรก สายไฟให้วุ่นวายอีก

เรียกว่าครั้งเดียวอยู่กระมัง ?



ก่อนจะเคลื่อนขบวนออกไป แต่ไม่พ้นฝีมือช่างภาพทั้งสองคนคอยทีอยู่แล้ว



และแล้ว ขบวนที่ชาวคณะจะเดินทางไปด้วยก็มาถึง จากสถานีเซ็นได ไปยังสุดทางที่สถานี ชิน ฮะโกะดะเตะ โฮกุโตะ บนเกาะฮอกไกโด (ฮกไกโด) โดยลอดอุโมงค์ใต้ทะเล เซกัง ซึ่งมีความยาวถึง 53.85 กม.

ก่อนที่จะต่อขบวนรถด่วน ซุเปอร์ โฮกุโตะ ไปยังสถานีซัปโปะโระ ต่อไป



บรรยากาศขณะที่ขบวนรถวิ่งลอดอุโมงค์เซกัง

เท่าที่สังเกต จะมีไฟฟลูออกเรสเซนต์ให้ความสว่างอยู่ผนังอุโมงค์เป็นระยะๆ เช่นเดียวกับอุโมงค์พระพุทธฉาย เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ทีมงานซ่อมบำรุงเข้าปฏิบัติหน้าที่ หลังจากขบวนรถหยุดให้บริการประจำวัน

โดยมีอุโมงค์ซ่อมบำรุงอยู่ตรงกลางและมีทางเชื่อมกับอุโมงค์เซกังเป็นระยะเช่นกัน



ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ wikipediathai.com ระบุว่า

อุโมงค์เซกัง (อังกฤษ: Seikan Tunnel) เป็นอุโมงค์รถไฟคู่ขนาน ที่ลอดใต้ทะเลที่ให้บริการโดยบริษัทรถไฟญี่ปุ่นฮกไกโด (JR ฮกไกโด)

โดยทางรถไฟในอุโมงค์จะเป็นทางร่วมระหว่างความกว้าง 1.067 เมตร และความกว้างมาตรฐานของระบบซิน กังเซ็น

สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมระหว่างเกาะฮนชู กับเกาะฮกไกโดในประเทศญี่ปุ่น บริเวณช่องแคบสึงารุ

เป็นอุโมงค์สัญจรที่ยาวเป็นอันดับสองของโลกรองจากอุโมงค์ฐานกอทท์ฮาร์ดในสวิตเซอร์แลนด์ มีความยาวกว่า 53.85 กิโลเมตร (23.3 กิโลเมตรบริเวณพื้นทะเล)

เนื่องมาจากปริมาณผู้ที่ข้ามช่องแคบสึงะรุมีมากขึ้นทุกปี และรถไฟโดยสารต้องเสียเวลาในการโดยสารขึ้นเรือเฟอร์รี เพื่อที่จะข้ามช่องแคบไปอีกฝั่ง ทำให้มีการขุดอุโมงค์นี้ขึ้นในเดือนสิงหาคม ปี พ.ศ.2525 (ค.ศ.1982) และเปิดใช้เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2531 (ค.ศ.1988)

ใช้งบประมาณในการก่อสร้างทั้งสิ้น 3.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักโยธาธิการการรถไฟ การขนส่ง และเทคโนโลยี เป็นเจ้าของอุโมงค์นี้ และดำเนินงานโดยบริษัท JR ฮกไกโด



ไม่นานนัก เราก็เห็นตัวเมือง ชิน ฮะโกะดะเตะ ซึ่งเป็นเมืองปลายทางแล้ว



บรรดาผู้โดยสาร เตรียมลงจากรถ เพื่อต่อรถด่วน Limited Express ซูเปอร์ โฮกุโตะ ไปยังเมืองซัปโปะโระ กันล่ะ



อีกไม่นาน ฉันจะไปถึงเมืองซัปโปะโระ



ตอนนี้ต้องอดใจรอ เพราะเส้นทางช่วงดังกล่าวยังสร้างไม่เสร็จครับ



ขอเซลฟี่กันหน่อย ที่มาถึงปลายทางเหนือสุด สถานีชิน ฮะโกะดะเตะ โฮกุโตะ ในตอนนี้



รวมทั้ง อ.วิรัตน์ ด้วย ถึงจะมาเที่ยวหลายหนเต็มทีก็ตาม



โดยมีตัวเราซึ่งมาถึงเป็นครั้งแรกในชีวิต ส่งท้าย



แถมด้วยป้ายสถานี ซึ่งบอกสถานีถัดไปทางใต้ สถานีคิโกไน บนเกาะฮอนชู



มองไปทางใต้ครับ เป็นเส้นทางรถไฟมาจากเมืองฮะโกะดะเตะ ซึ่งอยู่ถัดไปเพียงสถานีเดียวเท่านั้น

บริษัท JR ฮอกไกโด ลงทุนตัดเส้นทางขึ้นใหม่เพื่อแวะสถานีแห่งนี้โดยเฉพาะ ก่อนบรรจบเส้นทางเดิม



ย่านสถานีรถไฟ ชิน ฮะโกะดะเตะ โฮกุโตะ ครับ



แค่มองดูรถคันแดง ก็รู้เลยว่าคงกลับมาเยี่ยมญาติในช่วงวันหยุดยาวนี้แน่นอน



มาแล้วครับ รถด่วน Limited Express ซูเปอร์ โฮกุโตะ ที่ออกจากสถานีฮะโกะดะเตะ ไปยังซัปโปะโระ แล่นเข้าเทียบชานชาลา



สภาพภายในรถขบวนนี้ ค่อนข้างหนาแน่น คิดว่าคงถึงซัปโปะโระ ราวสองทุ่มครึ่งพอดี



ตอนนี้ค่อนข้างยาวหน่อยครับ...

ออกจากสถานีชิน ฮะโกะดะเตะ โฮกุโตะ ก็ขึ้นเขากันเลยล่ะ ผ่านโรงงานแปรรูปไม้ ซึ่งมีวัตถุดิบคือป่าสนที่ปลูกไว้จนหนาตา



ไม่นานนัก ถนนสายซัปโปะโระ - ฮะโกะดะเตะ ก็มาขนานอยู่ข้างทางเสียแล้ว

จากการติดตามดูใน google map เส้นทางรถไฟช่วงนี้ จะตัดขึ้นใหม่แยกจากทางเดิม เพื่อความปลอดภัย และสามารถใช้ความเร็วได้สูงกว่า



เป็นถนนขนาดสองเลนปกตินี่แหละครับ อาจมาจากปริมาณการสัญจรของยวดยานยังไม่มากก็ได้ แต่บางช่วง จะขยายเป็นขนาด 4 เลน ด้วยยวดยานมีมากขึ้นนั่นเอง



สถานีบางแห่ง มีขบวนรถ Local Train จอดเพื่อทำขบวนในเช้าวันรุ่งขึ้นไปยังสถานีฮะโกะดะเตะ ผมคิดว่า คงแล่นไปตามเส้นทางเดิม



สภาพค่อนข้างเงียบเหงา เหมือนสถานีบ้านเราที่อยู่ไกลเมือง



บรรยากาศข้างนอกคงค่อนข้างเย็น ดูจากชุดกันหนาวที่สวมอยู่ครับ



เห็นภูเขาอยู่ไกลๆ คงมีร่องรอยของหิมะอยู่บนยอดแน่ๆ



เจอรถซ่อมบำรุงทางอีกคันแล้ว มีสีสันสดุดตาด้วยสิ



ผ่านโรงงานแปรรูปไม้ ที่มีอยู่ค่อนข้างหนาตา



แปลงปลูกพืชผลการเกษตร โดยเกษตรกรจะมีแผ่นพลาสติกปูคลุมพันธุ์พืชที่กำลังเล็กอยู่ให้พ้นจากสภาพอากาศที่มักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว



ผ่านภูเขาแล้วก็ออกสู่ชายทะเลครับ ที่อ่าวอะชิอุระ เส้นทางช่วงนี้มีหมู่บ้านชาวประมงอยู่ติดๆ กันนับสิบ กม.ทีเดียว



อาคารบ้านเรือนของชาวฮอกไกโดมักจะมีหลังคาแบบนี้ อาจมาจากพายุฝน หรือหิมะตกหนัก จนต้องออกแบบหลังคาให้น้ำฝน หรือหิมะตกลงสู่พิ้นได้รวดเร็วที่สุด ก่อนที่หลังคาจะพังลง

ยังไม่ฟันธง ต้องรอผู้รู้เข้ามาอธิบายครับ



เส้นทางเลียบชายฝังตอนนี้ ดูเวิ้งว้าง อึมครึมด้วยบรรยากาศยามพลบ ทำให้ผมนึกถึงนวนิยายเพื่อชีวิตของญี่ปุ่นเรื่อง "เรือนรก" ขึ้นมาทันได

ปัจจุบัน แม้เรือประมงจะมีอุปกรณ์ที่ทันสมัย แต่ทะเลแบริ่งนั้น สุดแสนจะปั่นป่วนตลอดฤดูกาล

ใครที่ชอบกินปูอลาสก้าอันโอชารส ตัวเบ้อเริ่มนั้น อย่าลืมนึกถึงความลำบากของชาวประมงที่หามาด้วยนะครับ



ถ้าอากาศดีๆ พอให้ฝันถึงเส้นทางรถไฟแถวชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์บ้างหรอก



บ้านเรือนระหว่างทางยามพลบครับ



สถานีริมทาง เมื่อเวลาประมาณทุ่มเศษ



เอาภาพตู้คอนเทนเนอร์ JRF (JR Freight) ซึ่งเป็นบริษัทเดินรถสินค้าโดยเฉพาะของกลุ่ม JR มาฝาก ซึ่งมีขนาดแค่ครึ่งหนึ่งของที่เราเห็นทั่วไป



เวลาสองทุ่มครึ่ง ชาวคณะก็มาถึงสถานีซัปโปะโระ



ขอเซลฟี่ซ้อนเป็นที่ระลึกหน่อยน่า



นับว่าเป็นการเดินทางค่อนข้างยาวนาน แถมบรรยากาศเมืองซัปโปะโระต้อนรับชาวคณะด้วยอุณหภูมิ 18 เซลเซียส

มติโดยไม่ต้องรอความเห็นชอบ ให้เข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระเบาทุกสถานีของชิน กังเซ็น ที่ไปถึง



ขนาดนั้น ยังมีผู้คนคึกคักอยู่เลย เพื่อรอขึ้นรถไฟไปยังที่ต่างๆ อีกด้วย

ส่วนชาวคณะนั้น เพียงแต่ยื่นบัตร JR Rail Pass หรือตามที่ อ.วิรัตน์ ชอบเรียกว่า "บัตรเบ่ง" ให้เจ้าหน้าที่ของสถานีที่ช่องด้านขวามือดู ก็ผ่านตลอด

พอออกมานอกบริเวณ ก็พบบาซาร์ใต้ดินอันกว้างขวางที่มีร้านอาหาร และอื่นๆ เช่าจากทางสถานี ตั้งอยู่เพียบ แถมมีการรอคิวอีกด้วยสิ



ท้ายสุด ชาวคณะเลยต้องอิ่มอร่อยอยู่ที่นั่น ก่อนที่จะลูบพุงเข้าสู่ที่พักในคืนนั้น




 

Create Date : 12 ธันวาคม 2562
0 comments
Last Update : 12 ธันวาคม 2562 11:14:02 น.
Counter : 750 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


owl2
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Friends' blogs
[Add owl2's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.