มารยาทพื้นฐานในสังคม (Social Etiquette) ที่คนไทยทุกคนควรฝึกให้ติดเป็นนิสัย
มารยาทพื้นฐานในสังคม (Social Etiquette) ที่คนไทยทุกคนควรฝึกให้ติดเป็นนิสัย

ครูชัย M.I.B Marketing In Black shared a post. September 15, 2016 · 25 มารยาทพื้นฐานในสังคม (social etiquette) ที่ไม่มีสอนในห้องเรียน ใครนำไปใช้จะทำให้ชีวิตดีขึ้น (ตกผลึกจากประสบการณ์ส่วนตัวของผมเองครับ) Image may contain: 1 person, ocean, water and outdoor Chaiyapon Chai ChawanwanitchaiFollow September 14, 2016 25 มารยาทพื้นฐานในสังคม (Social Etiquette) ที่ถ้าคุณมีแล้วจะดูดีขึ้น! (ตกผลึกจากประสบการณ์ของผมเอง) . . 1. เวลาไปทานข้าวร้านอาหารกับหัวหน้า (หรือใครก็ได้ที่เป็นเจ้าภาพ) ต้องรอให้หัวหน้าเอ่ยปากให้สั่งอาหารได้ตามอัธยาศัย ไม่ยังงั้น ปกติหลักคือคนที่เลี้ยงคือคนที่สั่งได้เท่านั้น . 2. เวลาทานอาหารต้องรอทานพร้อมกันทั้งโต๊ะ และต้องให้หัวหน้าหรือเจ้าภาพ เปิดก่อนเสมอ (แล้วคนอื่นถึงจะเริ่มกินได้) . 3. เวลาไปกินบุฟเฟต์อย่าสั่งเยอะเกิน แล้วอย่าสั่งเผื่อคนอื่นโดยไม่ได้ถามก่อน พอเหลือปุ๊บคนจะมองว่าชีวิตคุณขาดทันที . 4. ระมัดระวังการล้วง แคะ แกะ เกาในที่สาธารณะแบบไม่รู้ตัว เช่น แคะขี้หมู เกาหัว เป็นต้น บางทีเราไม่รู้แต่คนข้างนอกดูรู้ . 5. 3 คนที่ต้องเทคแคร์ คือเด็ก ผู้หญิง ผู้ใหญ่ เจอสามกลุ่มนี้ ต้องเทคแคร์เป็นพิเศษเสมอ เช่นเปิดประตูให้ ตักข้าวให้ ช่วยถือของ . 6. แต่งตัวดีเสมอเสมือนไปเจอประธานบริษัทในทุกครั้งที่ไปไหน สมัยนี้เจอกันแป๊บเดียว บางทีไม่กี่วินาที ไม่ได้นานพอที่จะรู้ถึงภายใน 99%ของคนส่วนใหญ่ จะตัดสินคนจากภายนอกก่อนเสมอโดยที่เขารู้หรือไม่รู้ตัวก็ตาม! . 7. เวลาออกงาน ที่ไม่ใช่ไปเซเว่นหรือไปเดินตลาด ห้ามใส่รองเท้าแตะทุกกรณี ผู้ชายควรเซ็ตผมและสวมนาฬิกาและรองเท้าที่เหมาะสม ในขณะที่ผู้หญิงต้องแต่งหน้าเสมอ และมีกระเป๋ากับรองเท้าที่ดีพอเช่นกัน . 8. ดีพอไม่ได้แปลว่าต้องแบรนด์เนมทุกชิ้น หลักคือๆสี สไตล์ ไซส์ต้องแมทช์กัน ของดีไม่จำเป็นต้องแพง ของดีคือเมื่ออยู่บนตัวคุณแล้วดี ทุกชิ้นรวมพลังกันสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับตัวคุณ . 9. เมื่อคิดจะเข้าสังคม คุณต้องเป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั้น เช่น ไปร้องคาราโอเกะกัน แต่คุณนั่งนิ่งๆทื่อๆอยู่คนเดียว อย่าทำแบบนี้ เพราะนอกจากคุณจะอึดอัดแล้วยังทำให้คนอื่นอึดอัด ไปคาราโอเกะก็ต้องร้อง ไปผับก็ต้องเต้น ถ้าไม่อยากทำแต่แรก อย่าjoin event นั้น จำไว้ว่า "เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามเสมอ" . 10. เวลาออกงานปาร์ตี้ที่มี Theme การแต่งจัดเต็มตามธีมคือการที่คุณเคารพเจ้าภาพ เคารพเจ้าของงาน และสะท้อนถึงการเคารพตัวเอง ไม่ใช่การเล่นใหญ่แต่อย่างใด เข้าใจซะใหม่ด้วย! . 11. เวลาไปพบผู้ใหญ่ที่มีเชื้อสายจีน (ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่ก็เป็นอย่างนัน) การมีของติดไม้ติดมือเป็นเรื่องสำคัญที่ห้ามละเลย . 12. เทศกาลต่างๆก็เช่นกัน การให้ของขวัญในเทศกาลสำคัญ วันปีใหม่ วันเกิดหรือโอกาสได้ตำแหน่งใหม่หรือเปิดธุรกิจใหม่ เป็นเรื่อง a must ที่คุณต้องทำ ถ้าคุณอยากรักษา connection ให้ยั่งยืน . 13. ฝึกนิสัยให้ไม่เบียดเบียนสังคม คือไม่ทิ้งขยะลงตามพื้น ใช้อะไรก็เก็บให้เป็นที่ ไม่จอดรถในที่ห้ามจอดขวางคนอื่น การเบียดเบียนสังคม ส่วนใหญ่คุณมักทำตอนไม่มีใครเห็น แต่ตาวิเศษเห็นนะ นั่นคือตัวคุณนั่นแหละ ยิ่งคุณเบียดเบียนสังคมมากเท่าไหร่ ใจคุณจะถูกหล่อหลอมให้เป็นคนเห็นแก่ตัวมากขึ้นโดยที่คุณไม่รู้ตัว แล้วกฏแห่งจักรวาลคนเห็นแก่ตัวจะดึงดูดคนเห็นแก่ตัวเข้ามา จนคุณจะต้องสงสัยว่าทำไมชีวิตชั้นเจอแต่คนแย่ๆ . 14. เวลาเข้าสังคม บ่อยครั้งที่คุณจะร่วมวงสนทนากับคนที่ไม่เคยคุยมาก่อน สิ่งที่คุณควรทำคือกระจายการคุยให้ทั่วถึง อย่าให้ใครโดดเดี่ยวอยู่นอกวง สิ่งที่ต้องห้ามคือคุยกับคนรู้จักคุณอย่างเดียวโดยไม่สนใจคนอื่น . 15. เสน่ห์ที่ร้อนแรงที่สุดของมนุษย์คือความมั่นใจในตัวเอง และประดิษฐกรรมที่งดงามที่สุดบนร่างกายมนุษย์คือ รอยยิ้ม ดังนั้นจงแจกยิ้มให้บ่อยที่สุด การยิ้มที่ถูกต้องไม่ใช่ยิ้มด้วยปาก แต่จงยิ้มด้วยใจให้ไปทั้งใบหน้า ตา คิ้ว โหนมแก้ม จมูก คนถึงจะสัมผัสได้ จำไว้ว่ารอยยิ้มและความมั่นใจในตัวเองที่พอดี เป็นประตูสำคัญในการเข้าสังคม . 16. มารยาทในการเข้าลิฟท์ คนเข้าคนแรกควรประจำอยู่ที่ปุ่มกดเสมอ คอยกดบริการให้คนอื่น อย่างน้อยคือช่วยกดปุ่มเปิดประตู คนที่เข้าไปตามหลังที่บอกชั้นให้คนช่วยกดให้ต้องจบประโยคด้วยคำว่าขอบคุณทุกครั้งแบบไม่มีข้อยกเว้น และจำไว้เสมอว่า Elevator Pitch เป็นคำอุปมาอุปไมย ในลิฟท์ไม่ควรมีใครคุยอะไรกันทั้งนั้น (ถ้าคุณมากับเพื่อน แล้วคุยค้างอยู่ พอเข้าลิฟท์ต้องหยุดคุยเสมอ) . 17. หลักการสั่งอาหารเมื่อทานข้าวกับผู้ใหญ่ (มีคนเลี้ยง) ไม่ควรสั่งอาหารราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยในเมนู ควรสั่งอาหารราคากลางๆ เพื่อ play safe ข้อห้ามสำคัญคือห้ามสั่งของที่ราคาแพงกว่าเจ้าภาพเด็ดขาด! . 18. ศิลปะในการตักอาหารก็สำคัญมาก คุณต้องคิดถึงคนทั้งโต๊ะเสมอ เช่น โต๊ะมี 8 คน มีสั่งเมนูกุ้งเผา มีกุ้งอยู่ 4 ตัว คุณตักตัดไปได้แค่ครึ่งตัวเท่านั้น การที่คุณยกไปให้ทั้งชิ้น สะท้อนลึกๆว่าคุณสนใจแต่ตัวเอง ไม่แคร์คนอื่น . 19. มารยาทในการเข้าห้องน้ำสาธารณะ สุขภัณฑ์ที่คุณใช้เสร็จต้องสะอาดเท่ากับก่อนที่คุณใช้ สำหรับผู้ชายที่ชอบฉี่ในห้องน้ำ ต้องยกฝาชักโครกก่อนฉี่เสมอ สำหรับห้องน้ำที่มีสายฉีด ระมัดระวังอย่าให้พื้นเปียกน้ำเช่นเดียวกับเวลาล้างมืออย่าสะบัดน้ำลงมือ ให้เช็ดมือด้วยทิชชู่หรือเป่าเครื่องเป่าให้แห้งแทน นอกจากนี้เวลาถ่ายหนักแล้วต้องผายลม ควรกดน้ำเพื่อกลบเสียงด้วย สิ่งสำคัญคือห้ามทิ้งอะไรไปในชักโครกทุกกรณี! . 20. สำหรับสุภาพบุรุษ lady first เป็นมารยาทสากล การเปิดประตูให้ผู้หญิง การให้ผู้หญิงเลือกที่นั่งก่อน การกดลิฟท์ให้เขาเข้าก่อน ทุกๆอย่างล้วนแต่เป็นสิ่งที่ดีงามที่ Gentleman พึงกระทำ . 21. กลิ่นเป็นสิ่งที่ต้องดูแลให้ดี มี 3 กลิ่นเป็นสิ่งที่คุณต้องดูแล คือกลิ่นปาก กลิ่นตัวและกลิ่นเท้า ร้อยละ 80 ของคนมีปัญหาเรื่องกลิ่นมักไม่รู้ตัวเองว่ามีปัญหานี้และมักไม่มีใครกล้าบอก (คนตัวเหม็นอยู่กับตัวเองทั้งวัน จมูกชินกลิ่นเลยไม่รู้ว่าตัวเองตัวเหม็น) ดังนั้นจงระมัดระวังตัวเองเสมอ น้ำหอมขวดจิ๋วกับลูกอมดับกลิ่นอาจเป็น must have item ที่คุณต้องพกติดตัวไว้ตลอดเวลา . 22. การพูดจาที่สุภาพอ่อนโยนคือคุณสมบัติของผู้เป็นใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าคุณห้ามวีน ห้ามด่า ห้ามตำหนิใคร ใครทำผิดคุณควรให้รู้สำนึก แต่ความอ่อนโยนคือสิ่งที่คุณต้องคงไว้ มีผู้ใหญ่ท่านนึงสอนผมว่า การพ่นพิษเป็นเรื่องง่าย ใครๆก็ทำได้ ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่การวางยาพิษเป็นเรื่องที่ยากกว่ามาก พูดจาดีๆนุ่มๆแต่คนฟังรู้สึกผิดเหลือเกิน เนี่ยแหละคือศิลปะแห่งการวางยาพิษที่คุณต้องฝึกฝน . 23. ปริมาณการใส่ในรายละเอียดในเรื่องเล็กน้อย จะทำให้คุณแตกต่างจากคนทั่วไป เลื่อนเก้าอี้เก็บทุกครั้งหลังจากลุก ปิดฝาและจัดวางพวงเครื่องปรุงให้อยู่จุดเดิมทุกครั้งหลังทานร้านก๋วยเตี๋ยว การเก็บถาดอาหารเองในร้านแมคโดนัลด์...จงจำไว้ว่าคนล้มไม่เคยสะดุดภูเขา เคยแต่สะดุดก้อนหิน เรื่องเล็กๆน้อยๆเนี่ยแหละ เป็นสาเหตุของปัญหาที่ยิ่งใหญ่มานักต่อนัก จงฝึกตนให้เป็นคนใส่ใจเรื่องเล็กน้อย . 24. 5 คำที่คุณต้องพูดติดปากคือ สวัสดี(ไหว้) ขอบคุณ ขอโทษ ได้โปรด ยินดี(ด้วย) ยิ่งพูดคำเหล่านี้ได้ง่ายเท่าไหร่ ego คุณจะลดลงเท่านั้น และคุณจะได้เกียรติจากคนรอบข้างมากขึ้น เกียรติเป็นหนึ่งเรื่องที่ต้องให้ก่อนที่จะได้เสมอ . 25. โดยเฉพาะ คำขอบคุณ ต้องพูดให้ติดปาก ขอบคุณทุกครั้งที่ได้รับ ขอบคุณตอนจ่ายเงินให้แท็กซี่ ขอบคุณตอนบริกรมาเสิร์ฟอาหาร ขอบคุณตอนขับรถแล้วทีคนให้ทาง ยิ่งคุณขอบคุณมากและง่ายเท่าไหร่ ชีวิตคุณจะอุดมสมบูรณ์มากขึ้นเท่านั้น
*****
ครูชัย M.I.B Marketing In Black shared a post. September 19, 2016 · 25 มารยาทสังคม (Social Etiquette) พื้นฐานที่ทุกคนควรรู้แล้วชีวิตจะดีขึ้น ตอน 2
สำหรับตอนนี้เป็นตอนที่ 2 แล้วนะครับ หลังจากตอนแรกมีคนสนใจแชร์ไปกว่าหกพันแชร์แล้วตอนนี้ในเฟสบุคส่วนตัว . บทความนี้ เขียนเสร็จผมอ่านเองแก้แล้วแก้อีกเป็นสิบรอบ รักบทความนี้มากๆ อยากให้ทุกคนแชร์เก็บไว้แล้วอ่านอย่างน้อยสามรอบ เพราะมีอะไรหลายๆอย่างที่ต้องตกผลึก เชื่อว่าบทความนี้จะมีประโยชน์มากๆกับทุกคนๆครับ . ครูชัย Image may contain: 1 person, standing and suit Chaiyapon Chai ChawanwanitchaiFollow September 19, 2016 · Bangkok, Thailand 25 มารยาทสังคม(Social Etiquette) พื้นฐานที่คุณควรรู้แล้วจะดูดี Part 2 . หลังจากปล่อยภาคแรกไป ไม่น่าเชื่อมีคนสนใจเรื่องนี้กันมาก มียอดแชร์กว่า 5 พันแชร์ เลยขอมาขยายความเขียน Part 2 ต่อครับ :) . 1. ตัวเปิดของทุกบทสนทนาคือการไหว้ทักทาย หลายคนเข้าใจว่า คนด้อยอาวุโสกว่าจะต้องเป็นคนเริ่มไหว้ทักทายก่อนเสมอ ซึ่งไม่ผิดแต่ไม่ถูก เพราะที่จริงคนที่ยิ่งใหญ่มักจะไหว้คนอื่นก่อนแทบทุกครั้ง (โดยที่ไม่กลัวว่าจะเสียเกียรติ เพราะเขามีเกียรติมากเหลือเฟือ คนที่กลัวเสียเกียรติ คือคนที่ไม่ค่อยมีมัน เลยกลัวที่จะเสียมันไป) . 2. ทริคเล็กน้อยของการไหว้ คือไม่ควรนั่งไหว้ ยืนได้ควรยืน โดยเฉพาะกับผู้ใหญ่ ถ้าเรานั่งโต๊ะอยู่ก่อนในร้านอาหาร ผู้ใหญ่มาถึงทีหลัง สิ่งดีงามที่สุดสิ่งหนึ่งที่คุณจะทำได้คือ ยืนขึ้นต้อนรับพร้อมไหว้แบบเต็มรูปแบบ และรอให้ผู้ใหญ่นั่งลงก่อนทุกครั้ง . 3. ความอ่อนน้อมถ่อมตัวคือหัวใจสำคัญในการเป็นที่รักของผู้คน ทะเลที่มันยิ่งใหญ่เพราะมันอยู่ต่ำ แม่น้ำทุกสายจึงไหลเข้ามาหา มารวมกันที่ทะเล ถ้าคุณได้มีโอกาสเจอคนที่ยิ่งใหญ่จริงๆ คุณจะต้องประหลาดใจว่าทำไมเขาอ่อนน้อมมาก ไหว้เราก่อนและก้มต่ำจนเราเขิน ไหว้คืนแทบไม่ทัน (มหาเศรษฐีหลายคนเป็นแบบนี้!) . 4. ตรงข้ามกับความอ่อนน้อมถ่อมตัว คือการขี้อวด 3 อวดที่คุณต้องระวังสุดๆ คืออวดเก่ง อวดรวย และอวดรู้ ในวงสนทนาใดๆใครอวดหนึ่งในสามอย่างนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ จะเป็นที่น่าหมั่นไส้ น่ารำคาญพาลไปถึงน่ารังเกียจ จงจำไว้เสมอว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่ชอบคนขี้อวด ซึ่งอาจไม่ทุกคนที่ชอบคนอ่อนน้อม แต่ทุกคนไม่ชอบคนขี้อวดแน่นอน และให้จำไว้อีกว่า ยิ่งใครอวดเรื่องไหน คนจะมองว่าคุณยิ่งขาดเรื่องนั้นมากขึ้นเท่านั้น! (ไม่มีราชสีห์ตัวไหน ไปยืนคำรามริมผาทุกชั่วโมงหรอก ที่เห่าบ่อยๆคือหมาทั้งนั้น! คนเบ่งคือไม่จริง คนจริงคือไม่เบ่ง เพราะไม่จำเป็น!) . 5. มารยาทสากลในการโทรศัพท์ สำหรับฝั่งคนโทร ถ้าเรื่องทั่วไป โทรไปไม่รับให้ missed call 1 สายแล้วเว้นไว้ซัก 2-3 ชั่วโมงแล้วค่อยโทรใหม่ แต่ถ้าเรื่องด่วนประมาณหนึ่ง อนุญาตให้ missed call 2 สายในครั้งเดียวได้พร้อมส่ง SMS ไปแจ้งให้โทรกลับพร้อมระบุหัวเรื่องสั้นๆ ไม่มีใครควร missed call เกิน 2 สายติดกันทั้งนั้น ยกเว้นเรื่องคอขาดบาดตาย . 6. ส่วนฝั่งคนรับโทรศัพท์เมื่อเห็น missed call ควรโทรกลับให้เร็วที่สุด เวลาที่คุณใช้โทรกลับยิ่งน้อยเท่าไหร่แสดงถึงปริมาณความใส่ใจที่มากขึ้นเท่านั้น สิ่งที่อยากให้ทำตอนที่ติดงานคุยไม่สะดวก คือรับสายแล้วบอกว่าไม่สะดวกคุยพร้อมแจ้งว่าจะโทรกลับตอนกี่โมง หรืออย่างน้อย SMS ก็ยังดี เพราะไม่มีใครควรรออย่างไร้ความหวังทั้งนั้น ซึ่งสิ่งที่เสียมารยาทที่สุด ไม่ควรทำอย่างยิ่งในทุกกรณี คือเห็น missed call แล้วไม่โทรกลับภายในวัน . 7. หลักสำคัญของการคุยโทรศัพท์คือ คนที่โทรมาไม่ว่าสนิทกันแค่ไหนต้องถามเปิดก่อนเสมอ ว่าสะดวกคุยสายไหม? ยิ่งถ้าก่อนเก้าโมงและหลังสองทุ่ม ถ้าไม่ด่วนหรือไม่สนิทจริงๆไม่ควรโทรเลยเพราะถือเป็นการเสียมารยาท แต่ถ้าจำเป็นจริงๆต้องขอโทษก่อนทุกครั้ง และคนที่เป็นฝ่ายรับสายต้องให้คนที่โทรมาเป็นคนวางสายก่อนเสมอ (หลายคนชอบรีบวาง ทั้งๆที่อีกฝ่ายคุยไม่จบ) . 8. สิ่งแรกที่คุณต้องทำเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคุณ ไม่ใช่การรับโทรศัพท์ แต่เป็นการปิดเสียงโทรศัพท์ก่อนแล้วค่อยว่ากัน ถ้าเป็น iPhone กดปุ่ม volume มันจะหยุดเสียงหยุดสั่นทันที...และสำหรับการปิดเสียง หลายคนคนเข้าใจว่าต้องปิดเสียงโทรศัพท์เวลาเข้าโรงหนัง เวลาประชุม เวลาคุยงานกับลูกค้า แต่ความจริงก็คือคุณต้องปิดเสียงทุกเวลา! ตอนที่คุณจะเปิดเสียงมือถือของคุณได้ คือเวลาที่คุณอยู่คนเดียว หรืออยู่กับเพื่อนกับครอบครัวเท่านั้น! . 9. ศิลปะในการใช้ภาษาเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะ request อะไรใคร ไม่ว่าจะแค่สั่งอาหารกับพนักงานหรือสั่งงานลูกน้อง พูดคำว่า "รบกวน" ขึ้นต้น และลงท้ายว่า "ขอบคุณ" เสมอ และในภาษาไทยหางเสียง(ครับ/ค่ะ)สำคัญมาก ไม่ว่าจะพูดกับใครต้องใส่หางเสียงเสมอทุกกรณีแบบไม่มีข้อยกเว้น ในบางครั้งกับบางสถานการณ์หางเสียงสำคัญกว่าทั้งประโยคซะอีก!...Tip เล็กน้อยในการใช้ภาษาคือใส่คำอุทานที่เหมาะสมไปด้วยเสมอบวกอารมณ์ที่ใหญ่ขึ้นอีกหน่อย จะทำให้คนประทับใจมากขึ้นหลายเท่า เช่น จาก "เยี่ยมมาก" เป็น "โว้ว! เยี่ยมมากก!" หรือจาก "น่ากินนะ" เป็น "หูวว น่ากินจังง!" . 10. การใช้ภาษาว่าสำคัญแล้ว แต่ที่สำคัญกว่าคือการใช้น้ำเสียง แววตาและภาษากาย ในทุก communication สิ่งที่คุณไม่ได้พูดออกมา (non-verbal) สำคัญกว่าสิ่งที่คุณพูดออกมา (verbal) เสมอ...วิธีฝึกคือ ลองฝึกใช้คำพูด น้ำเสียง แววตาและภาษากายที่อ่อนโยนกับคนที่ธรรมดาที่สุดเช่น พนักงานเสิร์ฟ แม่บ้าน ภารโรง รปภ. ถ้าคุณปฏิบัติต่อคนเหล่านี้ได้อย่างจริงใจและเป็นธรรมชาติได้มากเท่าไหร่ คุณจะทำกับทุกคนได้เหมือนกัน...ยิ่งคุณให้เกียรติคนที่คนส่วนใหญ่ให้เกียรติเขาน้อยที่สุดได้มากเท่าไหร่ คุณจะได้รับเกียรติที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยได้มากที่สุดเท่านั้น...การให้เกียรติเพื่อนมนุษย์ทุกคนอย่างเท่าเทียม จะเป็นหนึ่งในนิสัยติดตัวที่ดีที่สุดในชีวิตคุณ! . 11. โปรดจงจำไว้เสมอ คนที่อยู่ข้างหน้าคือคนที่สำคัญที่สุดเสมอ อย่ารับโทรศัพท์ใครต่อหน้าถ้าสายนั้นไม่จำเป็นและสำคัญจริงๆ และจงเดินไปคุยที่อื่นเสมอ เพราะจริงๆแล้วไม่มีใครควรใช้มือถือต่อหน้าคนอื่นทั้งนั้น ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการโทร รวมถึงการเล่นเฟส เล่นไลน์ด้วย!...เวลาเข้าสังคม จงเข้าสังคม ให้เกียรติคนที่อยู่ข้างหน้าคุณเสมอ ใช้มือถือเฉพาะเท่าที่ถ้าจำเป็นจริงๆ รวมถึงต้องขอโทษและขออนุญาตก่อนเสมอ...การหยิบมือถือมาเล่นโดยที่ไม่มีเหตุผล (คล้ายๆกับเล่นแก้เก้อ แก้เขินหรือฆ่าเวลา) ถือเป็นภาษากายเชิงลบ สื่อถึงการป้องกันตัวเอง (Defense mechanism) คล้ายๆกับการนั่งไขว้ห้าง กอดอก เพราะฉะนั้น เวลาคุยกับใคร เวลาไปปาร์ตี้ เวลาเข้าสังคม อย่าหยิบมือถือมาเล่นเลย เพราะคนจะไม่อยากหรือไม่กล้ามาคุยกับคุณ . 12. มารยาทในการขึ้นรถโดยสารสาธารณะ เช่นรถไฟฟ้า คือ ขยับชิดในเสมอ อย่าขวางประตูเพราะแค่อยากลงง่ายๆ อย่าทำให้การลงรถง่ายๆของคุณทำให้คนอื่นลงยาก อย่ายืนพิงเสา เพราะเสาไม่ใช่ของคุณ และเช่นเดียวกับในลิฟท์ ไม่ควรรับโทรศัพท์หรือพูดคุยเสียงดัง และจงระมัดระวังเสียงจากหูฟังของคุณ บางทีคุณอาจไม่รู้ตัวว่าคุณเปิดดังเกินไปแล้ว และอย่าละเลยมารยาทพื้นฐานในการเสียสละที่นั่งให้เด็ก คนแก่ ผู้หญิงท้อง(อันนี้ต้องดูดีๆ) . 13. การตรงต่อเวลาเป็นหนึ่งในมารยาทสังคมที่สำคัญที่สุด คนที่ตรงต่อเวลาไม่ใช่คนที่เคารพเวลา แต่เป็นคนที่เคารพคนอื่น ให้เกียรติคนอื่นเสมอ เพราะคุณไม่มีสิทธิมีเวลาในชีวิตมากขึ้น โดยการไปเบียดเบียนเวลาชีวิตคนอื่นให้น้อยลง . 14. แต่ในบางครั้งคุณ accident ต้องไปสายจริงๆ ศิลปะของการสาย คือห้ามสายแบบไม่รู้เหนือรู้ใต้ เมื่อคุณรู้ว่าคุณต้องสายแน่ๆ สิ่งแรกที่คุณต้องทำให้เร็วที่สุด คือแจ้งคนที่เรานัดด้วยว่าเราสาย พร้อมบอกเวลาว่าคุณจะถึงประมาณเท่าไหร่ (สมัยนี้ใช้ app google map สามารถประมาณเวลาได้อย่างแม่นยำแล้ว) อย่างที่บอกไป ว่าไม่มีใครควรรอแบบไร้ความหวังทั้งนั้น! สิ่งที่แย่คือก่อนเวลานัดสิบนาทีเพิ่งมาบอกว่าสาย (เพราะจริงๆใครก็ดูรู้ว่าคุณต้องรู้ก่อนหน้านานแล้ว) แต่สิ่งที่แย่ที่สุดคือสายโดยไม่บอก ให้เขารอไปเรื่อยจนต้องโทรมาตามถามว่าถึงไหนแล้ว ห้ามเด็ดขาด! อีกอย่างที่อยากให้ท่องไว้ให้ขึ้นใจ ไปทันเวลา=เซฟ คนอื่นจะมองคุณโอเค ไปก่อนเวลา=ดูดี คนอื่นจะมองคุณยอดเยี่ยม (บางประเทศในยุโรป มาตรงเวลา=สาย เพราะคุณต้องมาก่อน 15 นาที เป็นมาตรฐาน บางทีความรู้สึกสายไม่ได้เกี่ยวกับเวลา แต่เกี่ยวกับพอตอนมาถึง แล้วมีคนนั่งรออยู่อีกเพียบ!) . 15. ในวงสนทนา ทักษะการฟังบางครั้งสำคัญกว่าการพูด การฟังอีกฝ่ายให้จบโดยไม่พูดขัดขึ้นมาเป็นเรื่องที่บางคนอาจไม่เคยทำได้เลยในชีวิต... สำหรับการเข้าสังคม การฟังคนอื่นให้จบแล้วเราค่อยพูดเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่ระดับแอดวานซ์คือฟังแบบเอาใจใส่ ฟังแบบตื่นเต้น ฟังแบบอยากให้พูดอีก ศิลปะการฟังขั้นสูงคือฟังยังไงให้อีกฝ่ายคิดว่าเราสนใจเรื่องราวของเขามากๆ และอยากเล่าต่ออีกเยอะๆๆ จำไว้ว่าทุกคนเวลาพูดอยากมีคนตั้งใจฟังมากๆ ฟังแบบสบตาเราแล้วตาเป็นประกาย พยักหน้าตามตลอด อินตามความรู้สึกเรา ถามเราว่าแล้วยังไงต่อเสมอ...ลองสังเกตตัวเราเองก็ได้ ใครที่เป็นผู้ฟังที่ดีของเรา เรามักจะชอบคนนั้นเป็นพิเศษ บางทีไม่มีเหตุผลด้วยซ้ำไป . 16. การที่เราจะใช้ของคนอื่น ทำอะไรบนพื้นที่ของคนอื่น (โต๊ะคนอื่น บ้านคนอื่น แม้กระทั่งกรุ๊ปไลน์คนอื่น) ต้องขอ"อนุญาต"ก่อนเสมอในทุกกรณีไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นเพื่อนคุณสนิทด้วยที่สุดหรือกระทั่งเป็นแฟนของคุณก็ตาม เพราะการพูดขออนุญาต บางครั้งเราก็ไม่ได้ต้องการขออนุญาตจริงๆก็มี(เพราะเรารู้ว่าเขาให้อยู่แล้ว) แต่มันคือการ inform ว่าเราจะใช้ และเมื่อใช้เสร็จต้องบอกอีกครั้งใช้เสร็จแล้ว และต้องพูดขอบคุณเสมอในทุกครั้งไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนๆ เรื่องเล็กๆน้อยๆพวกนี้แหละสะท้อนถึงการได้รับการอบรมที่ดี . 17. คุณรู้อยู่แล้ว มารยาทพื้นฐานที่ดีในการอยู่ร่วมกันในสังคม คือการไม่ทิ้งขยะลงในที่สาธารณะ แต่นอกจากขยะที่เป็นชิ้นๆแล้ว ผมยังหมายถึงขยะความคิด พวก junk thought ความคิดลบๆ คำพูดลบๆพวกนี้ ต้องระวังในการทิ้งมาในที่สาธารณะ เช่น ในวงสังคมใหญ่ที่คุณไม่ได้สนิทด้วยทุกคน หรือในเฟสบุคของคุณที่อาจมีคนไม่เกี่ยวมาเห็นด้วย...พวก junk thought หรือความคิดขยะพวกนี้ ผมเข้าใจว่าบางทีคุณอยากบ่น อยากระบาย แต่เรื่องจริงก็คือ คุณบ่นได้กับเพื่อนสนิทของคุณในที่ไพรเวทเท่านั้น แต่เรื่องจริงกว่าคือ จริงๆไม่ควรปล่อยความคิดขยะไปให้ใครทั้งสิ้น!...คนที่พูดบวกมากกว่าพูดลบ จะมีความสุขมากกว่าใครทุกคนบนโลกนี้! และไม่ว่าคนๆนี้จะไปที่ไหน เขาจะทำให้ society นั้นๆมีความสุขไปกับเขาด้วยได้เสมอ . 18. ศิลปะของการใช้เสียง เป็นอีกเรื่องที่ต้องเอาใจใส่ หลักสำคัญก็คือ เวลาคุณจะทำอะไรต้องทำให้เบากว่าเสียงสิ่งแวดล้อม 1 level เสมอ...ถ้าไปร้านอาหารริมทางที่โช้งเช้งเสียงดัง คุณคุยดังหน่อยได้...แต่ถ้าไปร้านหรูบนโรงแรมที่ร้านเงียบมาก มีแค่เสียงเพลงคลอๆเบา คุณต้องคุยเบา เคี้ยวอาหารให้เบา วางช้อนส้อมให้เบา อย่างตอนดูหนังก็เหมือนกัน เนื่องจากในโรงจะเงียบมาก การคุยกัน การเล่นมือถือ เป็นเรื่องต้องห้ามที่คุณรู้อยู่แล้ว แต่การเคี้ยวป๊อบคอร์นให้เบาที่สุด เป็นมารยาทที่หลายคนมองข้าม การระมัดระวัง volume ของตัวเองเป็นหนึ่งในคุณสมบัติของผู้ดี...เรื่องพวกนี้บางทีต้องฝึก เริ่มฝึกจากการเป็นใส่ใจรายละเอียดของสิ่งแวดล้อม ฝึกใช้ชีวิตให้ประณีตขึ้น แล้วคุณจะได้ชีวิตที่ประณีตขึ้นมาในระดับที่คุณคู่ควร . 19. หลายคนชอบสงวนคำชม จริงๆแล้วคนที่ชมคนง่ายจะเป็นที่รักของทุกคน เป็นคนมีเสน่ห์ที่ใครๆก็จดจำได้และอยากเข้าใกล้ จงชื่นชมสิ่งรอบตัว คนรอบตัว แล้วโลกรอบตัวคุณจะสดใสขึ้นโดยที่ไม่ต้องใช้ตังค์ซักบาท! เทคนิคการชมที่ทำให้คนชอบที่สุด คือชื่นชมยินดีในความสำเร็จของเขา ยิ่งเขาภูมิใจกับความสำเร็จนี้เท่าไหร่ เวลาคุณพูดถึงเรื่องนี้ เขาจะยิ่งประทับใจคุณมากเท่านั้น! . 20. ในขณะที่หลายคนกลับตำหนิง่าย วีนง่าย บ่นง่าย พวก negative พวกนี้เป็นสิ่งที่ต้องระมัดระวังมากกว่า อย่าพูดตำหนิใครไวเกินไปโดยที่ไม่ well-design การจะ blame หรือ complain ใครในแต่ละครั้ง คำพูด ท่าทาง น้ำเสียงของคุณต้องผ่านการ well-design มาแล้ว คือคัดสรรมาอย่างดีแล้ว นั่นแปลว่าคุณต้องสงบอารมณ์มาก่อนแล้ว แล้วจึงใช้สมองมาดีไซน์ มาคิดประมวลผล ก่อนที่จะพูดอะไรออกไป...จำไว้เสมอว่า คำพูดเป็นหนึ่งใน 3 สิ่งที่ย้อนคืนไม่ได้ (คำพูด เวลาและโอกาส ผ่านไปแล้วย้อนคืนไม่ได้) แม้ว่าจะขอโทษทีหลังก็ตาม และคุณไม่มีทางรู้เลยว่าคำพูดไหนของคุณอาจจะบาดใจเขาไปทั้งชีวิต! คุณมีคำพูดลบของใครที่เขาพูดมานานแล้วจนคนพูดลืมไปแล้ว แต่คุณยังฝังใจอยู่ไหม? นั่นแหละ! อย่าทำสิ่งนี้กับคนอื่น! . 21. จริงๆแล้วศิลปะของการพูดชม-ตำหนิ หัวใจสำคัญที่สุด คือความจริงใจ ทุกอย่างต้องมีพื้นฐานจากความจริงใจและความอยากให้เสมอ แต่หลักที่ผมอยากให้ยึดก็คือ เวลาชมใครให้ใส่อารมณ์ไปเยอะๆ แต่เวลาจะตำหนิใครให้ใส่เหตุผลเท่านั้น แยกอารมณ์เก็บไว้ก่อนเลย!...และอีกหลักที่เป็นหัวใจสำคัญของผู้นำทุกคน คือเวลาชมให้ชมต่อหน้า แต่เวลาว่าให้ว่าลับหลังเสมอ ตอนชมคนต้องให้มีคนอื่นอยู่รอบๆเยอะๆ แต่ตอนว่าใครต้อง keep private เท่านั้นเลย . 22. แต่สิ่งเดียวในโลกที่ห้ามตำหนิ ห้ามดูถูก ห้ามวิจารณ์โดยเด็ดขาด คือเรื่องร่างกายของคน อย่าไปดูถูกรูปร่างหน้าตาของใคร คุณไม่มีสิทธิไปวิจารณ์หรือตัดสินใครในเรื่องนี้ทั้งนั้น!! (ซีเรียสมาก) ยิ่งเอาปมลบคนอื่นมาวิจารณ์ในกลุ่มแบบเป็นเรื่องตลก คนพวกนี้สมควรถูกประนาม...เรื่องพวกนี้ชมได้อย่างเดียว ด่าไม่ได้ แต่ถ้าไม่ชัวร์อย่าพูดถึงเลยดีกว่า มันยังมีเรื่องอีกมากในโลกนี้ที่จะเอามาคุยกันได้ . 23. เวลาคุยกับใครก็ตามต้องทำ 3 อย่างนี้เสมอ หนึ่งคือยิ้มเสมอ เทคนิคการยิ้มที่แนะนำคือเทคนิคการยิ้มแบบแม่ชีเทเรซ่า (คือยิ้มทั้งหน้าและคิดในใจเหมือนส่งกระแสจิตไปว่า ฉันรักคุณนะ) สองคือสบตาตลอด เทคนิคก็คือ ใน 10 วินาทีของการคุย สบตา 8 วิเว้นไปมองอย่างอื่น 2 วิ(เพื่อไม่ให้ดูเคอะเขินและรุกรานเกินไป) เวลาสบตาคือสบตาจริงๆมองเข้าไปในลูกตาดำ ไม่ใช่แค่มองหน้า แต่ถ้ามือใหม่ 8 วิไม่ไหว อนุโลมให้สลับมองคิ้วได้ สามคือพยักหน้าตามตลอด ทั้งสามอย่างที่พร้อมกันเวลาคุยกับใคร ยิ้ม สบตา พยักหน้า ฝึกทำจนเป็นธรรมชาติแล้วคุณจะสงสัยว่าทำไมคุณมีแต่คนที่รักและหวังดีกับคุณเยอะจัง . 24. ชื่อของคนๆหนึ่ง คือคำที่ไพเราะที่สุดในชีวิตของคนๆนั้น จงหาวิธีที่จะจำชื่อคนในเร็วที่สุดและนานที่สุดในแบบของตัวเอง แล้วเวลาเจอหน้าเขา ให้เริ่มทักทายพร้อมเอ่ยชื่อเขา และพยายามเอ่ยให้บ่อยที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เขาจะหลงรักคุณโดยไม่รู้ตัว หลักจิตวิทยาคือมนุษย์ทุกคนต้องการการมีตัวตน การที่คุณจำชื่อเขาได้และพูดชื่อเขาบ่อยๆ ทำให้เขามีตัวตนมากขึ้นและเขาจะชอบคุณมากขึ้นไปโดยปริยาย . 25. จงรักษาคำพูดเสมอ ถ้าคุณบอกจะไปงานนี้ คุณต้องไป ถ้าคุณบอกว่าจะทำสิ่งนี้ คุณต้องทำ ถ้าคุณกลัวทำไม่ได้อย่ารับปากแต่แรก จงคิดก่อนรับปากอะไรใครเสมอ อย่าเสีย commitment บ่อยๆกับใครซ้ำๆ เพราะเขาจะมองว่าคุณเป็นคนแบบนี้ติดในภาพจำของเขาไปทั้งชีวิต . จบแล้วนะครับ 2 ตอน รวมกัน 50 ข้อ หลายๆข้อผมตกผลึกจากประสบการณ์ตรง บางข้อผมสังเกตจากผู้ใหญ่ที่นับถือ และหลายข้อผมก็ถูกสอนโดยตรงจนผมรู้สึกโชคดีมาก ซึ่งหลายข้อผมก็กำลังฝึกฝน grooming ตัวเองในนิสัยนั้นๆเหมือนกัน . หวังว่า article นี้จะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะครับ ไม่มีข้อไหนเลยที่ต้องใช้เงินลงทุน ทุกข้อลงทุนฟรี และได้ผลตอบแทนคุ้มค่าแน่นอน
ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก https://www.facebook.com/marketinginblack/posts/1781393802075948
สาขา Education BLog

newyorknurse
Create Date : 20 มิถุนายน 2561 |
Last Update : 6 กรกฎาคม 2561 4:54:42 น. |
|
15 comments
|
Counter : 4283 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณTui Laksi, คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณเพรางาย, คุณmoresaw, คุณเนินน้ำ, คุณข้ามขอบฟ้า, คุณRananrin, คุณกะว่าก๋า, คุณวลีลักษณา, คุณยังไงก็ได้ว่ามาเลย, คุณmambymam |
โดย: Tui Laksi วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:7:21:44 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:8:04:48 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:8:08:23 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:8:54:00 น. |
|
|
|
โดย: เพรางาย วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:14:14:53 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 6 กรกฎาคม 2561 เวลา:20:27:52 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 7 กรกฎาคม 2561 เวลา:6:28:20 น. |
|
|
|
โดย: Rananrin วันที่: 7 กรกฎาคม 2561 เวลา:6:31:53 น. |
|
|
|
โดย: วลีลักษณา วันที่: 7 กรกฎาคม 2561 เวลา:7:39:45 น. |
|
|
|
โดย: เพรางาย วันที่: 7 กรกฎาคม 2561 เวลา:11:15:03 น. |
|
|
|
โดย: แอมป์อร (peeamp ) วันที่: 7 กรกฎาคม 2561 เวลา:12:46:25 น. |
|
|
|
โดย: Artagold วันที่: 7 กรกฎาคม 2561 เวลา:17:01:53 น. |
|
|
|
โดย: mambymam วันที่: 8 กรกฎาคม 2561 เวลา:7:30:16 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอบคุณคุณพี่น้อยด้วยคะที่นำมาแบ่งปัน