ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 300 "ทศวรรษที่สาบสูญ"

 

ตะพาบประจำหลักกิโลเมตรที่ 300
"ทศวรรษที่สาบสูญ"
โจทย์โดย
คุณ toor36 และคุณ กะว่าก๋า

 
 

"ทศวรรษที่สาบสูญ"
10 ปีที่สาบสูญ ช่วงเวลา ปี 1972/2515 - 1982/2525
เป็นช่วงชีวิตที่ลำบากจริงๆ แต่ก็เป็นการเริ่มต้นชีวิตที่มั่นคงมาปัจจุบัน

ช่วงแรกที่จขบ. เดินทางมานิวยอร์ก วางแผนไปทำงานเป็นพยาบาลและคุณสามีจะมาเรียนปริญญาโท และคงกลับเมืองไทยภายในไม่กี่ปี ช่วงเดินทางก็มีประสบการณ์ที่วิบากพอสมควร
เดินทางจากกรุงเทพ ต้องไปต่อเครื่องบินที่ประเทศอังกฤษ ต้องนอนสองคืน เพื่อขี้นเครื่องบิน
ขณะที่อยู่ประเทศอังกฤษ นอนโรงแรมของคนขายตั๋วเครื่องบินจัดให้ ไปถึงโรงแรมคืนแรก
คงราวๆเที่ยงคืน ความฝัน คิดว่าประเทศอังกฤษคงเจริญมากๆ แต่พอไปเข้าโรงแรม งง เลย
(ตอนนี้มาคิดว่า คนขายตั๋วเครื่องบิน คงหาโรงแรมชนิดราคาถูกสุดมัง) ไปถึงเขาแจกผ้าปูทีนอน
ให้ไปทำเตียงเอง แถมห้องน้ำก็ไม่มีกระดาษอีก ต้องลงไปขอ  เรียกว่างง มากที่โรงแรมอะไร
ต้องทำเตียงเองอีกด้วย  ก็นอนกันไป คิดว่าสองคืน

เช้าเขาก็แนะนำให้ไปเดินแถวๆโรงแรม จะมีร้านอาหารหลายแห่ง พอไปร้านอาหาร สั่งอาหาร
จ่ายเงินค่าอาหาร เขาคิดค่าน้ำ คิดเป็นเงินไทย ก็หลายบาท (ตอนนั้นคิดว่าแพง) อยู่สองคืน
กว่าจะบินต่อไปนิวยอร์ก 

พอถึงนิวยอร์กก็เกือบเที่ยงคืนวันที่ 30 มิถุนายน  1972 /2515 ฝนตกด้วย อากาศเย็นๆ  กว่าจะ
ผ่านแผนตรวจคนเข้าเมือง ออกมาที่นอกสนามบิน เป็นครั้งแรกที่ใช้บริการแทกซี่ โชคดีที่ก่อนมา
ติดต่อเพือนที่เคยมาก่อน  เพื่อนให้ไปพักที่อพาทเมนท์ของเพื่อนก่อน ตกลงก็เดินทางจากสนามบิน
JFK นั่งแทกซี่ ไปพักกับเพือนที่ ถนน 120 Street Amsterdam ave  New York City  ฝนตกพร้ำๆ
ตอนนั้ง​  Taxi  อากาศเย็นๆ ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร  เกิดคิดว่าเราคิดถูกหรือเปล่า ที่เดินทาง
มานิวยอร์ก  ชักใจไม่ดีแล้ว งานก็ยังไม่มี แล้วเดินทางมาแบบมาตายดาบหน้า มีเงินติดตัวก็ไม่มาก ที่ดีคือมีใบเขียว มาแล้วหางานทำได้ถูกต้องตามกฎหมาย คิดว่าคงจะหางานทำได้.

พอถึง Apartment ของเพือน  เพื่อนไม่อยู่เขาฝากกุญแจเพื่อนข้างห้องไว้ให้ เราสองคนก็เข้าห้อง
เพื่อน เกิดเป็นห้องอยู่ใต้ดิน ห้องเย็นมาก สองคนราวๆตีสอง  เหงา นั่งๆไป ร้องไห้กันเลย
คิดว่าจะมาทำไม   มีพี่ชายอยู่ LA โทรศัพท์ คุยกับพี่ชาย พี่ชายบอกหาตั๋วเครื่องบิน บินไป
อยู่ที่ LA เถอะ แต่เรามีใบประกอบโรคศิลป์ ทีจะได้ทำงานนิวยอร์ก บอกพี่ชายว่าลองดูที่นิวยอร์ก
ก่อน ถ้าไม่มีงานค่อยคิดย้ายรัฐอีกที

ความทรงจำที่ดีคืนนั้นก็คือ โทรหาเพื่อนสนิท เขาอยู่ Brooklyn แต่งงานกับคุณหมอ เพื่อนอยู
กับอพาทเมนต์ของรพ. ที่คุณหมอสามีเพื่อนที่ทำงานอยู่  คุณหมอก็อุส่าห์แวะมาหา ขับรถมา
เกือบครี่งชั่วโมง ตอนตีสาม คุณหมอจะมารับให้ไปอยู่ด้วย แต่ฟังดูเขาก็อยู่กันหลายคนรวม
พี่สาวคุณหมอด้วย  ถ้าเราไปอีกสองคน ก็คงจะแน่น   ขอบคุณคุณหมอและบอกว่าขออยู่
ห้องเพื่อนก่อน พอเขากลับมา ค่อยคิดว่าจะทำอย่างไรดี  ตอนนั้นคิดว่าเอเราจะเดินทางอย่างไร
ถามคุณหมอว่าจะซื้อรถดีไหม คุณหมอบอกซื้อรถจะลำบาก เพราะหาที่จอดยากและอยู่นิวยอร์ก
มีรถไฟ ไปไหนๆสะดวก มีรถ จะกลายเป็นภาระด้วย  ประทับใจคุณหมอสามีเพื่อนมาก ที่เดินทาง
มาหาตั้งตีสาม คุณหมอเดินทางกลับเช้าต้องไปทำงานต่อ

เช้าวันรุ่งขี้นมีเพื่อนคุณสามี พักที่ตึกไทยคู่ฟ้า (สมัยนั้นเป็นตึกที่คนไทยอยู่กันมาก เป็น Apartment ใกล้มหาวิทยาลัย Columbia มีห้องให้เช่า ทั้งห้องเล็กห้องใหญ่  อยู่กันแบบ
คนเดียวหรือเป็นครอบครัว ราคาสมัยนั้น ห้องหนี่งห้องนอน ราคาค่าเช่า $180 มี Funiture ครบ
ดีสำหรับคนมาพัก ไม่ต้องหาซื้อ Funiture ห้องพักใกล้สถานีรถไฟใต้ดิน เดินทางไปไหนๆสะดวก
เพื่อนแวะมาและพาไปนั่งรถไฟใต้ดิน ไปเที่ยวดาวน์ทาวน์ นิวยอร์ก และไปเที่ยว Liberty กัน 
พอได้เจอเพื่อนหน่อย ก็ค่อยสบายใจขี้น 

เราอยู่กับเพื่อนสักพัก พอได้งานก็ย้ายมาอยู่ Apartment ที่ตึกไทยคู่ฟ้ากัน



ตีกไทยคู่ฟ้า - Apartment 110 st  -  Broadway  

*****

พักที่ห้องเพื่อนสองสามวัน ก็เริ่มหางาน มีเพื่อนอีกคนบินมานิวยอร์กหลังจากเราหนี่งอาทิตย์
พักแถวถนน 180 เราพักถนน 120  เราประหยัดกัน ทุกเช้าเพื่อนจะเดินมาเจอเราที่ถนน 120
เพื่อนแข็งแรงมาก เดินตั้ง 60 ถนน ความยาวประมาณ 4.8 กม. เพื่อนจะเดินมาทุกเช้า
และเราไปหางานกัน เดินบ้าง นั่งรถใต้ดินบ้าง เราหางานกันหลายเดือนตั้งแต่เดือนมิถุนายน
กว่าจะได้งานก็เดือนตุลาคม  กำลังท้อว่าจะกลับเมืองไทยแล้ว
สาเหตุที่หางานไม่ได้สักที่  เพราะไปสมัครงานที่ไหน เขาก็จะเอาประสบการณ์ที่อเมริกา
ประสบการณ์ เรามีกัน แต่ที่เมืองไทย เขาไม่นับ ... โชคดี รพ. Metropolitan เขารับ
เราไปกันสองคง เขารับทั้งสองคน  ระยะนั้นๆเพื่อนๆก็มานิวยอร์กกันหลายคน เราหางาน
กัน พอรู้ว่าที่ไหนรับ ก็ส่งข่าวกัน วันนั้นถามเขาว่ามีเพื่อนอีกสองคนจะพามาได้ไหม
เขาก็บอกให้มาวันรุ่งขี้น  พอไม่มีงานก็หางานจนจะกลับเมืองไทย พอได้งานก็รับ
เลยหลายคน 



รพ.แห่งแรกที่ทำงาน _ Metropolital Hospital

********




St Francis College  

ทำงานได้สักพัก ก็สมัครไปเรียนต่อ เป็นสวัสดิการของรพ. ส่งเรียนฟรีเทอมละ 3 วิชา
แต่ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า B  เราจ่ายก่อนและพอได้คะแนน มาเบิกที่รพ.ได้ 
ทำงานด้วย เรียนด้วย เริ่มมีลูกปี 1976 /2519 
เรามาทำงานที่นิวยอร์ก ก็ไม่มีญาติพี่น้อง

พอมีลูก ก็คิดหนักว่าจะหาคนเลี้ยงลูกได้ที่ไหนเผอิญมีคนในตึกอายุราวๆ 50เป็นคนแมกซิกัน
เราไปติดต่อให้ช่วยดูลูกให้ตอนเราไปทำงาน ตอนแรกคุณ Laurence ก็ไม่ยอมรับเลี้ยงเด็กแต่ทนเราขอร้องไม่ได้  ก็รับปากจะเลี้ยงเด็กให้ ก็ตกลงว่าต้นเดือนหน้าจะพาลูกมาฝาก ระยะนั้นก็ค่อยๆเอาลูกมาฝากวันละชม.ฝีกก่อน  พอกลับไปทำงานก็มีคนเลี้ยงลูกให้
ระยะนั้นก็เหนื่อยพอสมควร เพราะเช้าไปทำงาน เย็นวิ่งไปเรียนต่อ ลูกฝากคนเลี้ยงตั้งแต่เช้ากว่าจะรับกลับก็สามสี่ทุ่ม ลูกก็หลับแล้ว ต้องอุ่มมา แต่โชคดีที่คนเลี้ยงอยู่ตึกเดียวกัน
เราอยู่ชั้นห้า คนเลี้ยงอยู่ชั้น 12 ทั้งทำงาน เรียน เลีัยงลูกเหนือยพอสมควร

เราทำงานและเรียน ฝากลูกคุณ Laurence ทุกวัน  พอลูกอายุเกือบห้าขวบ
เราก็พอมีเงินซื้อบ้านและย้ายออกมานอกเมือง ชวนคนเลี้ยงมาอยู่ด้วย
เขาก็มาอยู่ได้ไม่ถึงสองเดือนบอกว่าเหงามาอยู่บ้านเงียบเหงา ไม่มีเพื่อน
ตอนเขาอยู่ในเมือง มีเพื่อนๆแวะมาคุยทุกวัน อยู่นอกเมือง
ไม่มีใครเลย ก็เลยไม่อยากอยู่

เราก็ต้องหาคนเลี้ยงเด็กแถวบ้าน และกลางวันก็ส่งลูกไปโรงเรียน 
เป็นช่วงชีวิตเกือบสิบปีแรกที่มานิวยอร์กที่ลำบากมาก จนตอนนี้เป็นสว.
ก็เกือบลืมไปแล้ว พอดีวันนี้ได้มาเขียนเรื่องนี้ ทำให้ความทรงจำกลับมาใหม่
จำได้ถึงชีวิตตอนนั้น ว่าเราผ่านอะไรๆมามากจริงๆกว่าจะมีชีวิตมาถึงตอนนี้
มีประสบการณ์มากมายที่เรามาจากเมืองไทย ปรับตัวเข้ากับชีวิตคนเมืองนี้ไม่เป็น
แค่ตอนมีลูกจะซื้อของเล่นให้ลูก เราก็ไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร แค่ไปร้านขายของเล่นชอบอะไร
ก็ซื้อให้ลูกเล่น ที่จริงคนเมืองนี้เขามีวิธีสอนลูกตั้งแต่เล็กๆ เช่นสอนให้รู้จักสีต่างๆ
ต่อบล็อกต่างๆ  ... เราไม่เคยทำ พอลูกไปโรงเรียน เพื่อนๆเขารู้จักกันเกือบหมด 
ทางโรงเรียนก็มองว่าลูกเราเป็นเด็กที่เจริญช้า ถามว่าสีอะไรก็ไม่รู้ เอาบล็อกให้ต่อ
ก็ทำไม่เป็น ขนาดเขาจะส่งไปให้หมอตรวจว่าลูกเราเป็นเด็กมีความเจริญทางสมองช้า
กลายเป็นเรืองสนุกตอนนี้ลูกมักจะบอกว่าแม่ไม่สอน ลูกจะกลายเป็นเด็กสมองช้า
ลูกโตเรียนได้เหมือนเด็กปกติ

จนกระทั้งเราสว. ก็ยังมีอีกหลายอย่างของคนเมืองนี้ที่เรายังไม่รู้อีกเยอะ
วันนี้เล่าช่วงแรกๆ ของการเดินทางมานิวยอร์กให้เพื่อนๆอ่านกัน
เดี๋ยวนี้คนสมัยใหม่แม้แต่เด็กยังไม่จบมหาวิทยาลัย สามาาถมาเมกา
และปรับตัวได้ดี เขาค้นคว้าข้อมูลต่างๆมาก่อนไม่มีปัญหาเหมือนสมัยก่อนแล้ว
หลายครั้งไปเที่ยวที่ต่างๆจะพบเด็กไทยมาเที่ยว คุยกันเขาบอกมาเที่ยงเองคนเดียว
หาที่พักและเดินทางคนเดียวด้วย มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เก่งจริงๆ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านเรื่องช่วงที่มานิวยอร์กใหม่ๆค่ะ

 
 
Friendship Blog/Klaibannn blog


 
newyorknurse



Create Date : 16 เมษายน 2565
Last Update : 17 มิถุนายน 2565 7:09:11 น. 6 comments
Counter : 946 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณปรศุราม, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณทนายอ้วน, คุณเริงฤดีนะ, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณtoor36, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณThe Kop Civil, คุณSleepless Sea, คุณปัญญา Dh


 
คุณน้อย เก่งและอดทนมาก นับถือเลยครับ


โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:8:53:48 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่น้อย

สิบปีแรกในอเมริกาไม่ง่ายเลยค่ะ
ตั้งแต่วันที่พี่น้อยเดินทางมาถึง ช่วงหางาน
ได้ทำงาน ได้เรียนต่อและต้องดูแลลูกไปด้วย
เห็นด้วยกับคอมเมนท์พี่ไวน์อย่างมากค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:11:23:45 น.  

 
ชีวิต คือ การต่อสู้
ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นไป


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:15:56:55 น.  

 
ตอนนั้นน่าจะลำบากมากจริง ๆ ไปต่างแดนอะไร ๆ ก็ไม่ลงตัวเลย
แต่ก็อดทนจนผ่านมาได้ ขอชื่นชมครับ


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:18:20:08 น.  

 
ส่งการบ้าน ตะพาบ 300 ค่ะ พี่น้อย


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:19:12:34 น.  

 
สมัยก่อนดูแล้วลำบากจริงๆ แค่ต่อเครื่องยังต้องรอขนาดนี้ ส่วนหนึ่งเพราะจำนวนประชากรในโลกมีไม่มากด้วย สมัยนี้ถ้าต้องต่อเครื่องรอก็ไม่กี่ชั่วโมง ไม่รอเป็นวันแบบนี้

สมัยก่อนมันเหงาจริงๆ แหละครับ ขนาดโทรศัพท์ในไทยยังไม่ค่อยจะมีเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงต่างประเทศ ไปทีนึงแทบจะตัดขาดกับเมืองไทยเลย


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 16 เมษายน 2565 เวลา:20:46:11 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

newyorknurse
Location :
ราชบุรี .. New York ... United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 164 คน [?]






เริ่มเขียนBlog
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2553

ยินดีต้อนรับค่ะ

จขบ.บันทึกประสบการณ์ต่างๆ
ระยะเวลาทำงานและระยะเกษียณ
เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ

จขบ.พยายามใช้ชีวิตเกษียณให้มีคุณค่า
รักษาสุขภาพใจและกาย ท่องเที่ยวกับเพื่อนๆ
ทำสวนดอกไม้ ออกกำลังกาย
สมัครเป็นสมาชิก 24 Hrs Fitness
เพื่อให้ชีวิตที่เหลืออยู่มีคุณภาพ
จะได้ไม่เป็นภาระกับคนที่รักและห่วงใย

จขบ.เพิ่มบล็อกสุขภาพ
เพื่อจะได้นำสาระที่มีประโยชน์
เกี่ยวกับสุขภาพทั่วๆไป

จขบ.หวังว่าข้อมูลต่างๆช่วยให้
ทุกท่านที่มาอ่าน รักษาสุขภาพ
ไปตรวจเพื่อเป็นการป้องกัน
และได้รับการรักษาเนิ่นๆ เพื่อ
ชีวิตที่แข็งแรงและมีคุณภาพ

"A time to enjoy,
a time to spend time with your family
and a time to be with your friends
all comes with retirement"


*****


"Live The Moment"

อยู่กับปัจจุบันขณะ หยุดเสียใจกับสิ่งที่เกิดขี้น
ในอดีตและกลัวหรือกังวล
สิ่งทีเกิดขี้นในอนาคต "วันนี้" และ "ขณะนี้"
คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของคุณ !!
ใช้มันให้ดีที่สุดให้เป็นช่วงเวลาทีมีคุณค่า
น่าจดจำเพราะว่าเวลาเป็นสิ่งที่ผ่านมา
และผ่านเลยไป เอาคืนไม่ได้และ
หาเพิ่มก็ไม่ได้เช่นกัน

ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ


*********


ขอบคุณ Bloggang ทำให้เราได้เขียนบล็อกต่างๆ
ขอบคุณสำหรับคะแนนโหวด
ทุกๆคะแนน นะคะ

BG Popular Award # 19


BG Popular Award # 18


BG Popular Award # 17


BG Popular Award # 16


BG Popular Award # 15


BG Popular Award # 14


BG Popular Award # 13


BG Popular Award # 12


BG Popular Award # 11


BG Popular Award # 10


BG Popular Award # 9


BG Popular Award # 8

**********



ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2561
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ


ขอบคุณทุกหัวใจวาเลนไทน์ 2560
ที่เพื่อนๆมอบให้ค่ะ
Flag Counter
New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
16 เมษายน 2565
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add newyorknurse's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.