British Grand Prix 2011 - Friday Practice
ฝนมาจนได้!
เมื่อวานนี้การซ้อมทั้ง 2 ช่วงถูกขัดขวางด้วยปรอยฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ช่วงบ่ายดูเหมือนจะเปียกชุ่มกว่าช่วงเช้าด้วยซ้ำ ทำให้ผลการซ้อมดูแปลกตาเล็กน้อย เรียกว่าใครใคร่ลุย (ฝน) ก็ลุยไป
รอบเช้า (Free Practice 1)
1. Mark Webber (Red Bull-Renault) 1m46.603s (19 laps) 2. Michael Schumacher (Mercedes) 1m47.263s / + 0.660 (20) 3. Rubens Barrichello (Williams-Cosworth) 1m47.347s / + 0.744 (23) 4. Sergio Perez (Sauber-Ferrari) 1m47.422s / + 0.819 (22) 5. Felipe Massa (Ferrari) 1m47.562s / + 0.959 (13) 6. Nico Rosberg (Mercedes) 1m47.758s / + 1.155 (23) 7. Fernando Alonso (Ferrari) 1m48.161s / + 1.558 (16) 8. Lewis Hamilton (McLaren-Mercedes) 1m48.549s / + 1.946 (21) 9. Nico Hulkenberg (Force India-Mercedes) 1m48.598s / + 1.995 (19) 10. Jaime Alguersuari (Toro Rosso-Ferrari) 1m48.678s / + 2.075 (22) 11. Paul di Resta (Force India-Mercedes) 1m48.730s / + 2.127 (18) 12. Sebastien Buemi (Toro Rosso-Ferrari) 1m48.778s / + 2.175 (18) 13. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1m48.794s / + 2.191 (21) 14. Pastor Maldonado (Williams-Cosworth) 1m48.809s / + 2.206 (17) 15. Jenson Button (McLaren-Mercedes) 1m48.841s / + 2.238 (23) 16. Nick Heidfeld (Renault) 1m48.941s / + 2.338 (20) 17. Vitaly Petrov (Renault) 1m49.603s / + 3.000 (15) 18. Kamui Kobayashi (Sauber-Ferrari) 1m50.133s / + 3.530 (17) 19. Jarno Trulli (Lotus-Renault) 1m50.222s / + 3.619 (14) 20. Karun Chandhok (Lotus-Renault) 1m51.119s / + 4.516 (17) 21. Timo Glock (Virgin-Cosworth) 1m52.470s / + 5.867 (17) 22. Tonio Liuzzi (HRT-Cosworth) 1m53.143s / + 6.540 (20) 23. Jerome D'Ambrosio (Virgin-Cosworth) 1m53.469s / + 6.866 (26) 24. Daniel Ricciardo (HRT-Cosworth) 1m54.334s / + 7.731 (24)
การซ้อมช่วงแรกรถทุกคันใส่ยางอินเตอร์มีเดียตสีฟ้าลงมาวิ่ง กลุ่มนำก็สลับกันทำเวลาขึ้นนำ โดยน่าจับตามองที่รถเมอร์เซเดสของแชมป์โลก 7 สมัย มิชาเอล ชูมัคเกอร์ รวมไปถึงเพื่อนร่วมทีม นิโค รอสเบิร์ก ที่ดูจะทำได้ดี สุดท้ายไฮไลท์ไปอยู่ช่วงหลังเมื่อคามูอิ โคบายาชิ ทำรถหลุดโค้ง 18 รถกระดอนกับพื้นไปฟาดเข้ากำแพงเสียหายพอสมควร และท้ายที่สุด มาร์ก เว็บเบอร์ ซึ่งทำเวลาได้ดีที่สุดในช่วงเช้า รถเกิดเข้าเกียร์ว่างดื้อๆ เมื่อกำลังจะวิ่งกลับเข้าพิตตอนหมดเวลาแล้ว รถหยุดนิ่งคาทางเข้าพิต กรรมการจึงต้องช่วยเข็นกลับไปให้ แต่ก็ไม่มีรายงานว่าปัญหาที่แท้จริงคืออะไร
รอบบ่าย (Free Practice 2)
1. Felipe Massa (Ferrari) 1m49.967s (9 laps) 2. Nico Rosberg (Mercedes) 1m50.744s / + 0.777 (16) 3. Kamui Kobayashi (Sauber-Ferrari) 1m51.395s / + 1.428 (16) 4. Lewis Hamilton (McLaren-Mercedes) 1m51.438s / + 1.471 (6) 5. Jenson Button (McLaren-Mercedes) 1m51.518s / + 1.551 (6) 6. Adrian Sutil (Force India-Mercedes) 1m51.738s / + 1.771 (18) 7. Paul di Resta (Force India-Mercedes) 1m51.781s / + 1.814 (7) 8. Rubens Barrichello (Williams-Cosworth) 1m51.992s / + 2.025 (13) 9. Sergio Perez (Sauber-Ferrari) 1m52.169s / + 2.202 (12) 10. Sebastien Buemi (Toro Rosso-Ferrari) 1m52.189s / + 2.222 (21) 11. Vitaly Petrov (Renault) 1m52.198s / + 2.231 (9) 12. Michael Schumacher (Mercedes) 1m52.325s / + 2.358 (12) 13. Heikki Kovalainen (Lotus-Renault) 1m52.578s / + 2.611 (16) 14. Mark Webber (Red Bull-Renault) 1m52.587s / + 2.620 (6) 15. Fernando Alonso (Ferrari) 1m52.869s / + 2.902 (8) 16. Nick Heidfeld (Renault) 1m54.023s / + 4.056 (8) 17. Jaime Alguersuari (Toro Rosso-Ferrari) 1m54.274s / + 4.307 (16) 18. Sebastian Vettel (Red Bull-Renault) 1m54.545s / + 4.578 (4) 19. Jerome D'Ambrosio (Virgin-Cosworth) 1m54.714s / + 4.747 (13) 20. Pastor Maldonado (Williams-Cosworth) 1m55.155s / + 5.188 (8) 21. Jarno Trulli (Lotus-Renault) 1m55.155s / + 5.188 (12) 22. Timo Glock (Virgin-Cosworth) 1m55.549s / + 5.582 (10) 23. Daniel Ricciardo (HRT-Cosworth) 1m55.828s / + 5.861 (10) 24. Tonio Liuzzi (HRT-Cosworth) 1m56.037s / + 6.070 (6)
รอบนี้ยิ่งวิ่งกันน้อยลงไปอีกเนื่องจากแทร็คเปียกชุ่มมากอย่างที่บอกไปตอนต้นนั่นแหละค่ะ สนามถูกปล่อยว่างเกือบหนึ่งชั่วโมงเพราะฝนยังตกไม่หยุด รถเซาเบอร์ของโคบายาชิซ่อมเสร็จทันเวลาแต่ก็ยังลงวิ่งไม่ได้เช่นเดียวกับคันอื่นๆ จนกระทั่งประมาณ 20 นาทีสุดท้ายที่ดูเหมือนแทร็คเริ่มแห้งขึ้น รถหลายคันจึงทยอยออกมาจากพิต และเป็นเฟลิเป้ มาสซ่า ที่ทำเวลาเร็วที่สุดของช่วงบ่ายได้ในนาทีสุดท้าย เป็นอันว่าจบวันแล้วก็ยังไม่เห็นผลกระทบจากการห้าม off-throttle blown diffuser ที่ชัดเจน
แถมท้ายกับเรื่องโซนใช้ DRS ของสนามนี้ซึ่งจะกลับมาเป็นโซนเดียวแล้วค่ะ หลังจากเอฟไอเอทดลองใช้แบบสองโซนที่แคนาดาและบาเลนเซีย
โซน DRS สำหรับซิลเวอร์สโตน
จุดที่เริ่มใช้ DRS ได้คือ 45 เมตรหลังผ่านโค้ง 4 และจุดตรวจจับเวลาจะอยู่ที่ 25 เมตรก่อนเข้าโค้ง 3 ค่ะ
********************************************
เมื่อวานการซ้อมอาจดูกร่อยๆ แต่ที่ดุเด็ดเผ็ดมันคือช่วงการสัมภาษณ์ของทีมบอสในห้องแถลงข่าวหลังการซ้อมช่วงบ่ายค่ะ
เป็นข่าวพาดหัวกันเลยทีเดียวเมื่อมาร์ติน วิทมาร์ช บอสของแม็คลาเรน และคริสเตียน ฮอร์เนอร์ บอสของเร้ดบูล ถกเถียงกันหน้าดำหน้าแดงในเรื่อง off-throttle blown diffuser ระหว่างการแถลงข่าว
บอสแม็คลาเรนและเร้ดบูลแสดงทัศนะไม่ตรงกัน
เรื่องของเรื่องมาจากการที่ก่อนเข้าสู่การซ้อมเช้าวันศุกร์ไม่กี่นาที เอฟไอเอประกาศลดหย่อนผ่อนผันกฎการห้ามใช้ off-throttle blown diffuser หรือ "ลมเย็น" ให้เครื่องยนต์ของเรโนลต์ ซึ่งใช้อยู่ 3 ทีม ทั้งทีมเรโนลต์เอง เร้ดบูล และทีมโลตัส เปิดวาล์วของคันเร่งได้เป็น 50% ขณะเบรก เพราะไม่อย่างนั้นจะเกิดปัญหาเรื่องสมรรถนะของเครื่อง (reliability) แม้ก่อนหน้านี้เอฟไอเออนุญาตให้เพียง 10% ทำให้ทางแม็คลาเรนรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง บอสเร้ดบูลจึงแย้งกลับว่าเครื่องเมอร์เซเดสก็เคยขอผ่อนผันกฎเกี่ยวกับเครื่องยนต์เรื่อง fire over-run (ซึ่งคนเขียนไม่รู้จักและไม่รู้จะแปลว่าอย่างไร ขอความช่วยเหลือด้วยนะคะ) มาแล้วในปีก่อนๆ โดยขอให้ลูกสูบ 4 จาก 8 ลูกสูบยังจุดติดขณะ over-run หรือเรียกว่าเป็น "ลมร้อน" ซึ่งช่วยเอื้อให้กับทีมอย่างแม็คลาเรนและเฟอร์รารี่
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนยังมีเรื่องหนึ่งที่เห็นตรงกันคือ เอฟไอเอน่าจะรอจนจบฤดูกาลจึงค่อยมาปรับเปลี่ยนกฎ เพราะตอนนี้ทำให้เกิดความสับสนกันพอสมควรเลยทีเดียว
จากเรื่องดังกล่าวซึ่งสร้างความขุ่นข้องใจต่อทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักๆ อย่างแม็คลาเรนและเร้ดบูล เอฟไอเอจึงจะสรุปอีกครั้งวันนี้ในช่วงเช้าก่อนการซ้อมครั้งสุดท้าย ตรงกับเวลาบ้านเรา 16.00 น. ว่าจะตัดสินใจดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไปหรือไม่ อย่างไรค่ะ
*ข้อมูลจากและภาพจาก autosport.com/f1 และ espnf1.com
Create Date : 09 กรกฎาคม 2554 |
|
10 comments |
Last Update : 9 กรกฎาคม 2554 10:48:18 น. |
Counter : 1449 Pageviews. |
|
|
|