European Grand Prix - Race Day: อลเวงเซฟตี้คาร์
เห็นพูดกันจังว่าตั้งแต่แข่งมาสนามนี้เซฟตี้คาร์ยังไม่เคยออกมาเลย อ่ะ เมื่อวานก็ออกมาให้เห็นและเป็นที่มาของเรื่องราวอลเวงในสนามนี้ค่ะ
เซบาสเตียน เวทเทล ของเร้ดบูลคว้าชัยชนะได้อย่างสบายไร้ซึ่งปัญหากวนใจ จะมีหวาดเสียวก็ตอนออกสตาร์ทที่เบียดกับลูอิส แฮมิลตัน แต่สามารถเอาตัวรอดได้ ส่วนมาร์ก เว็บเบอร์ อันดับหล่นตอนเริ่มต้นสตาร์ทจากที่ 2 ลงไปที่ 9 เนื่องจากต้องหลบการจราจรช่วงโค้งแรกๆ และเมื่อเข้าพิทในรอบที่ 7 เพื่อเปลี่ยนยาง ออกมาไม่ได้กี่รอบเลย รถก็เสยกับรถของเฮกกิ โควาไลเน่น ขณะเข้าโค้ง 17 ทำให้รถหมายเลข 6 ของเว็บเบอร์ตีลังกากลางอากาศ ลงมากระแทกกับพื้นทั้งๆ ที่หงายท้อง และเมื่อรถตั้งได้ก็พุ่งเข้าหากำแพงยางอย่างจัง
เว็บเบอร์ออกจากรถได้อย่างปลอดภัย
โชคดีค่ะที่เว็บเบอร์ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยแม้จะเป็นอุบัติเหตุรุนแรงครั้งหนึ่ง นี่คือเหตุที่เซฟตี้คาร์ต้องออกมาและส่งผลต่อการแข่งขันมากมาย...
- เริ่มจากลูอิส แฮมิลตัน ที่ไปแซงรถเซฟตี้คาร์ตอนที่ถูกปล่อยออกจากพิท ขณะรถคันอื่นที่ตามกันมาต่างชะลอให้เซฟตี้คาร์ไปก่อน กรรมการตัดสินให้แฮมิลตันเข้ามาถูกทำโทษแบบ "ขับผ่าน" (Drive-through penalty) โชคยังดีที่ออกมาอยู่อันดับที่ 2 ตามเดิม ซึ่งเรื่องนี้เฟอร์นันโด อลอนโซ่ และทีมเฟอร์รารี่ต่างออกอาการโกรธที่กรรมการพิจารณาลงโทษเมื่อการแข่งขันผ่านไปอีกหลายรอบ ทำให้แฮมิลตันซึ่งนำหน้าอันดับที่ 3 คือ คามูอิ โคบายาชิ ของเซาเบอร์ได้มากพอที่จะออกมาหลังถูกทำโทษจะยังอยู่ตำแหน่งเดิม ทั้งนี้ อลอนโซ่ รวมถึงเฟลิเป้ มาสซ่า เพื่อนร่วมทีมต้องเสียเวลาและเสียไปหลายอันดับเพราะชะลอให้รถเซฟตี้คาร์ผ่านไปก่อน
อลอนโซ่ออกมาบ่นอยู่ประโยคหนึ่งว่า ไม่ยุติธรรมที่เขาซึ่งปฏิบัติตามกฎจะสูญเสียอันดับของตนเองไปมาก ขณะที่คนที่ไม่ปฏิบัติตามกฎ (หมายถึงแฮมิลตัน) กลับได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้
- รถอีก 9 คันถูกปรับเวลาหลังการแข่งขัน โดยการได้รับการบวกเวลาเข้าไปคนละ 5 วินาที จากการใช้ความเร็วขณะเซฟตี้คาร์ออกมาวิ่งเพื่อทำการเข้าพิทเกินกำหนด โดย 9 คนนี้ได้แก่ 1) เจนสัน บัตตัน (แม็คลาเรน) 2) รูเบนส์ บาร์ริเคลโล่ (วิลเลียมส์) 3) นิโค ฮูลเคนเบิร์ก (วิลเลียมส์) 4) โรเบิร์ต คูบิซ่า (เรโนลต์) 5) วิทาลี เปตรอฟ (เรโนลต์) 6) วิตันโตนิโอ ลิอุซซี่ (ฟอร์ซ อินเดีย) 7) อาเดรียน ซูทิล (ฟอร์ซ อินเดีย) 8) เซบาสเตียน บูเอมี่ (โตโร รอสโซ่) 9) เปโดร เดอ ลา โรซ่า (เซาเบอร์)
โดยทิโม กล็อค ของเวอร์จิ้น ได้รับโทษต่างหากโดยปรับเวลาเพิ่ม 20 วินาที จากการไม่ปฏิบัติตามธงฟ้า
ผลของการปรับเวลาเพิ่มดังกล่าว ทำให้อันดับการแข่งขันเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แต่อันดับบนโพเดียมไม่เปลี่ยนแปลงค่ะ โดยเฉพาะบัตตันไม่ตกโพเดียมเพราะบาร์ริเคลโล่ก็โดนเหมือนกัน
สรุป 3 อันดับแรกของสนามนี้ 1. เซบาสเตียน เวทเทล (เร้ดบูล) 1:40:29.571 2. ลูอิส แฮมิลตัน (แม็คลาเรน) +5.0 secs 3. เจนสัน บัตตัน (แม็คลาเรน) +12.6 secs
เวทเทลกับชัยชนะครั้งที่ 7 ในชีวิต
2 หนุ่มของเฟอร์รารี่ ทั้งอลอนโซ่และมาสซ่า ผู้ซึ่งได้รับผลกระทบจากเซฟตี้คาร์อย่างจัง จบในอันดับที่ 8 และ 11 ตามลำดับ ส่วนคนที่น่าชมเชยที่สุดในสนามนี้ ยกให้โคบายาชิ ซึ่งขับอยู่ในอันดับที่ 3 มาจนกระทั่งต้องเข้าพิทครั้งแรกของตนเองก่อนจบการแข่งขัน 4 รอบ และยังออกมาไล่แซงได้อีก 2 อันดับ เขาจึงจบได้ในอันดับที่ 7 อย่างสวยงาม
และเรื่องราวของความอลเวงก็จบลงอย่างนี้...
*************************************
บางส่วนจากแถลงข่าวหลังการแข่งขัน เซบาสเตียน เวทเทล: ตอนที่ผมได้แมสเซจบอกว่าลูอิสต้องเข้าพิทเพื่อรับโทษ ผมเบาเครื่องลงนิดหน่อยและในที่สุดเราก็ได้กลับมายืนตรงนี้ เป็นเรื่องดีที่ได้คะแนนมากๆ ดีกับการลุ้นแชมป์ และรู้สึกน่าพอใจมากในวันนี้ ผมคิดว่าทีมงานคงภูมิใจมากเช่นกัน...แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการได้รู้ว่ามาร์กปลอดภัยจากอุบัติเหตุนั้น
ลูอิส แฮมิลตัน: พูดตามจริง ผมจำอะไรไม่ได้มากนักเกี่ยวกับเรื่องเซฟตี้คาร์ ตอนนั้นผมอยู่โค้ง 1 และขณะที่ผมถึงเส้นเซฟตี้คาร์ผมก็เห็นเซฟตี้คาร์อยู่ข้างๆ ผมคิดว่าผมผ่านเส้นนั้นไปแล้วก็เลยขับต่อไป แล้วก็เป็นอย่างที่เห็น
เจนสัน บัตตัน: ผมคิดว่าไม่น่าแปลกใจที่สตาร์ทจากที่ 7 แล้วจบในอันดับ 3 ผมได้รับความช่วยเหลือจากเซฟตี้คาร์จริงๆ เซฟตี้คาร์เพิ่งออกมาตอนผมเข้าพิท เลยโชคดีสำหรับผมขณะที่คนอื่นๆ ต้องวิ่งอีกรอบหนึ่ง
*ข้อมูลจาก formula1.com และภาพจาก autosport.com/f1
Create Date : 28 มิถุนายน 2553 |
Last Update : 28 มิถุนายน 2553 13:41:58 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1162 Pageviews. |
|
|
ยินดีกับเจ้าเวทเทลก่อนละกัน หุๆ ชนะจากตำแหน่ง Pole เนี่ย มันเจ๋งจริงๆนะเออ ฮ่าๆ แต่ก็มีเสียวๆเหมือนกัน ตอนที่เจ้าเซปขับแบบกินลม ชมทะเล เหมือนจะเพลินเกินไป โดนแฮมไล่มาจนเหลือ 6 วิ เง้อ... แต่น่าแปลกใจตรงที่ ยางสึกหรอน้อยกว่าปกติแฮะ
แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เจ้าหนูซูชิ ซิ่งแซง 2 คันในรอบสุดท้ายในสนามที่ว่ากันว่าแซงยากมากๆสนามนึง เป็นอีกความสนุกของเมื่อวานเลยครับ ส่วนพี่ใหญ่ Ferrari ก็ออกมาโวยวายเสียงดังอีกรอบ ส่วนตัวก็พอเข้าใจนะ สำหรับอาการโกรธอลองโซ่ ที่สจ๊วตตัดสินลงโทษแฮมมิลตันช้าจนเหมือนได้รับผิดน้อยเกินไป ซึ่งมันก็ไม่ค่อยแฟร์จริงๆ ซึ่งตรงนี้ก็เป็นความผิดพลาดของสจ๊วตไป แต่เรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบจาก SC มันก็เป็นแบบนี้มาหลายปีละ หลายๆครั้งที่ทีมอื่นก็เสียประโยชน์เหมือนกัน (ตูก็เคยเซ็งเฟร้ยยย) ท่านประธานออกมาโวยแบบนี้ ดูเหมือนทาง Ferrari จะขี้โมโหง่ายไปหน่อยมั้ยเนี่ย อิอิ
สุดท้าย ดีใจที่ Red Bull กลับมาชนะได้อีก แน่นอนว่าการแข่งขันจะกลับมาแบบเต็มรูปแบบอีกครั้ง Red Bull ยังคงยืนระยะได้ McLaren ก็ขยับติดเข้ามา ส่วน Ferrari ก็แรงต่อเนื่องเช่นกัน คอยดูสนามหน้าที่ Silverstone ครับ โค้งเยอะแบบนั้น อยากให้ RBR นอนมาจังเลย 555+
ขอบคุณสำหรับข่าวสารดีๆครับ