จะเป็นแชมป์ปีนี้ต้องถูกล็อตเตอรี่ทุกวันอาทิตย์?
จากความเห็นของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ แชมป์โลก 7 สมัยเกี่ยวกับการมีบทบาทของยางปิเรลลี่ต่อการลุ้นแชมป์ในปีนี้ตามที่เราเล่าให้ฟังเมื่อวันก่อน (//www.bloggang.com/mainblog.php?id=f1star&month=23-04-2012&group=1&gblog=625) ทำให้หลายฝ่ายออกมาวิเคราะห์วิจารณ์ว่าความเห็นนั้นถูกต้องหรือไม่อย่างไร ซึ่งเว็บไซต์ autosport เป็นหนึ่งในนั้นที่หยิกยกประเด็นนี้ขึ้นมาค่ะ
บทวิเคราะห์ของสำนักนี้บอกว่าที่จริงชูมัคเกอร์ไม่ใช่คนเดียวที่คิดแบบนี้หรอกค่ะ แต่น่าจะเป็นคนแรกที่กล้าพูดออกมาอย่างจริงจัง แสดงให้เห็นว่าตอนนี้บรรดาทีมและนักขับต่างไม่แฮปปี้กับสถานการณ์ที่กลายเป็นว่าทีมใดหรือนักขับคนใดบริหารยางได้ดีที่สุดคือผู้ชนะ ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยการพัฒนาด้านเทคนิคของรถเสียแล้ว
และถ้าคิดดีๆ อาจไม่ใช่แค่การบริหารยาง "โชค" ในวันอาทิตย์ก็มีส่วนด้วยเช่นกัน
โชคที่ว่านั้นหมายถึงสภาพอากาศค่ะ สนามไหนมีสภาพอากาศที่เข้าทางทีมใดและสามารถวางกลยุทธ์การใช้ยางได้อย่างเหมาะสม ทีมนั้นก็มีชัยไปกว่าครึ่ง จากหลักฐานที่ปรากฏ เริ่มจากออสเตรเลียซึ่งแม็คลาเรนลอยลำสบายๆ ต่อมาที่มาเลเซีย ฝนที่ตกลงมาอำนวยโอกาสให้เฟอร์รารี่และเซาเบอร์ จากนั้นที่จีนซึ่งแทร็คเย็นสามารถช่วยเมอร์เซเดสได้มาก จนกระทั่งล่าสุดที่บาห์เรน เร้ดบูลและโลตัสทนต่อสภาพอากาศร้อนและผิวแทร็คที่สากด้วยฝุ่นทรายได้มากกว่าใคร นั่นแสดงให้เห็นว่าอุณหภูมิที่แตกต่างกันไม่กี่องศาสามารถชี้วัดความเป็นผู้ชนะหรือผู้แพ้ได้เลยทีเดียว
มิชาเอล ชูมัคเกอร์ คิดว่ายางปิเรลลี่มีบทบาทต่อการลุ้นแชมป์มากเกินไป
อีกปัจจัยสำคัญหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือการที่เอฟไอเอห้ามใช้ "โบลว์นดิฟฟิวเซอร์" ผลที่ตามมาคือส่วนท้ายของรถมีดาวน์ฟอร์ซลดลง ยางหลังจึงมีพลังลดลง ยิ่งทำให้งานยากขึ้น โดยเมื่ออุณหภูมิสูงขึ้นเพียงนิดเดียวก็มีผลให้หาจุดที่ลงตัวในการจัดการกับยางลำบากยิ่งขึ้นไปอีก
ถ้าอย่างนั้นความคิดเห็นของชูมัคเกอร์ถูกต้องแล้วหรือ?
เราลองมาฟังทางด้านปิเรลลี่บ้างนะคะ พอล เฮมเบรี่ ผู้อำนวยการด้านมอเตอร์สปอร์ตของยางจากอิตาลีรายนี้กล่าวว่าสิ่งที่เกิดขึ้นใน 4 สนามแรกไม่ใช่การถูกล็อตเตอรี่ของผู้ชนะ แต่เป็นเพราะการวางกลยุทธ์ที่เหมาะสมต่างหาก ถึงสิ่งแวดล้อมจะเอื้ออำนวยแล้วก็ยังต้องยกเครดิตให้ทีมงานและนักขับในการที่พวกเขาเลือกใช้กลยุทธ์อย่างถูกต้องเพื่อสร้างโอกาสการเป็นผู้ชนะในการแข่งขัน โดยเขากล่าวไว้ "ตราบใดที่ทุกคนตกอยู่ในความท้าทายเดียวกัน นักขับและทีมงานที่ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะ"
นอกจากนี้ ปิเรลลี่ยังเห็นว่าความท้าทายที่สุดสำหรับฤดูกาลนี้คือการที่รถมีความสามารถใกล้เคียงกันมากขึ้น การแซงจึงท้าทายมากขึ้น ทำให้ตำแหน่งในสนามมีความสำคัญขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา สอดคล้องกับผู้วิเคราะห์ที่มองว่าเราต้องไม่ลืมว่ารถของทีมต่างๆ ในปีนี้สูสีมากขึ้น ไม่เหมือนปีที่แล้วที่รถมีความแตกต่างกันมากกว่านี้ เพราะฉะนั้นเรื่องการบริหารยางอาจไม่ส่งผลให้เห็นชัดเท่ากับปีก่อน ซึ่งสำหรับปีนี้หากรีดประสิทธิภาพยางออกมาไม่ได้ถึงขีดสุด นักขับก็ต้องสูญเสียเวลาต่อรอบที่มีค่าไปด้วย ความแตกต่างน้อยนิดเช่นนั้นจึงส่งผลอย่างใหญ่หลวงต่ออันดับไม่ว่าจะในรอบควอลิฟายหรือการแข่งขันอย่างที่เราเห็นมาแล้วใน 4 สนามแรก
จากเรื่องราวทั้งหมด บทความในเว็บไซต์ได้ข้อสรุปว่า ทีมอาจต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจเรื่องยางและอาจโมโหแบบชูมัคเกอร์ไปอีกสักระยะ ในขณะที่ปิเรลลี่ก็ยังคงสร้างความปวดหัวให้พวกเขาต่อไป แต่โลกของฟอร์มูล่าวันไม่มีอะไรง่ายอยู่แล้ว และแฟนๆ ย่อมอยากเห็นการแข่งขันที่สนุกตื่นเต้นแบบคาดเดาอะไรไม่ได้ทุกวันอาทิตย์ไม่ใช่หรือคะ?
*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1
Create Date : 29 เมษายน 2555 |
Last Update : 29 เมษายน 2555 16:08:26 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1272 Pageviews. |
|
|