ไฮไลท์

- ฝนโปรยตั้งแต่ยังไม่เริ่มรอบวอร์มอัพและยิ่งหนาเม็ดขึ้นเมื่อสัญญาณไฟแดง 5 ดวงดับลง จากนั้นเรื่องราววุ่นวายทั้งหมดก็เริ่มขึ้น เซบาสเตียน เวทเทล ผู้นำคะแนนสะสมในกริดอันดับที่ 4 ออกตัวไม่ดีจึงรูดลงมาถึงที่ 7และเมื่อถึงโค้ง 4 เขาโดนบรูโน่ เซนน่า ชนท้าย รถเร้ดบูลหมุน 180 องศาพร้อมกับรอยแตกบริเวณท่อไอเสียด้านซ้ายแต่ยังวิ่งต่อได้ ในขณะที่เซนน่าและเซอร์จิโอ เปเรซ ผู้ที่ติดร่างแหในจังหวะนี้ต้องออกจากการแข่งขัน

- ด้านเฟอร์นันโด อลอนโซ่ คู่แข่งลุ้นแชมป์ของเวทเทล รวมถึงเฟลิเป้ มาสซ่า ทำได้ดีกว่าในโค้งแรก โดยลูอิส แฮมิลตัน และเจนสัน บัตตัน ทิ้งห่างออกไปในสองอันดับแรก ในขณะที่มาร์ก เว็บเบอร์ และนิโค ฮูลเคนเบิร์ก เกาะอยู่ในกลุ่มนำก่อนที่ฝนจะเริ่มเทหนักขึ้น ซึ่งต่อมาอลอนโซ่วิ่งหลุดแทร็คที่โค้ง 1 ทำให้ฮูลเคนเบิร์กที่แซงมาสซ่าและเว็บเบอร์มาก่อนแล้วผ่านเขาขึ้นไปในอันดับที่ 3 และค่อยๆ กดดันสองคันข้างหน้าของแม็คลาเรน

- แฮมิลตันและบัตตันต่อสู้กันเองในขณะที่เม็ดฝนโปรยหนักขึ้น จากนั้นรถหลายคันเข้าพิตไปเปลี่ยนเป็นยางอินเตอร์มีเดียต แต่บัตตันและฮูลเคนเบิร์กยังคงใช้ยางปกติต่อไป ในที่สุดฮูลเคนเบิร์กก็แซงขึ้นนำการแข่งขันได้และมีเซฟตี้คาร์ออกมาในระหว่างรอบที่ 23-29 เนื่องจากมีเศษชิ้นส่วนของรถที่เกิดการชนกระจายอยู่หลายแห่ง โดยนิโค รอสเบิร์ก เป็นคนที่โชคไม่ดีก่อนหน้านั้นเมื่อขับไปเหยียบเศษชิ้นส่วนบางอย่าง ยางจึงแตกทันที และเป็นที่มาให้เซฟตี้คาร์ออกมานำการแข่งขัน

- รถทุกคันใช้ยางอินเตอร์มีเดียตแล้ว และฮูลเคนเบิร์กยังนำการแข่งขันต่อไป แต่ขณะเดียวกันแฮมิลตันทำเวลาดีขึ้นมากจนสามารถไล่แซงบัตตันได้ จนกระทั่งในรอบที่ 49 ด้วยจังหวะหมุนกลางแทร็คของฮูลเคนเบิร์ก แฮมิลตันจึงขับผ่านขึ้นนำอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ต้นรอบที่ 55 ฮูลเคนเบิร์กไล่มาและจะพยายามแซงแฮมิลตันที่โค้งแรกแต่พลาด ทั้งสองคันเกี่ยวกันออกไปข้างแทร็คโดยที่รถของแฮมิลตันเสียหายเกินกว่าจะวิ่งต่อได้ ส่วนรถฟอร์ซอินเดียยังวิ่งต่อได้และอยู่ในอันดับที่ 2 ตามหลังบัตตัน ต่อมาฮูลเคนเบิร์กโดนลงโทษแบบขับผ่านพิตเนื่องจากเป็นต้นเหตุของอุบัติเหตุดังกล่าว โดยเมื่อออกจากพิตแล้ว เขายังอยู่ในอันดับที่ 5

- การเข้าไปรับโทษของฮูลเคนเบิร์กส่งผลให้มาสซ่าเลื่อนขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 2 และอลอนโซ่อยู่ในอันดับที่ 3 ซึ่งฝนยังตกเบาสลับหนักเป็นระยะ ไม่นานนักมาสซ่าผ่อนคันเร่งรอให้อลอนโซ่ตามมาทันและแซงเอาอันดับที่ 2 ไปได้ ในขณะที่เวทเทลเข้าพิตไปเพื่อเปลี่ยนเป็นยางอินเตอร์มีเดียตเหมือนคันอื่นๆ ทั้งที่เพิ่งตัดสินใจเปลี่ยนเป็นยางมีเดียมก่อนหน้านั้นไม่กี่รอบ ด้วยเร้ดบูลคาดว่าฝนจะหยุดแต่กลับผิดคาด ยิ่งไปกว่านั้น พิตสุดท้ายของเวทเทลยังเกิดความล่าช้าของทีมงานจนทำให้อันดับของเขาตกไปมาก แต่เขาก็พยายามไล่ขึ้นมาจนกระทั่งแซงมิชาเอล ชูมัคเกอร์ เอาอันดับที่ 6 ไป ซึ่งเมื่อคำนวณคะแนนก็เพียงพอสำหรับเขาแล้วในจุดนี้

- ทุกอย่างดูจะเรียบร้อยแล้วในช่วงสุดท้าย แต่ขณะที่การแข่งขันเหลืออีก 3 รอบ พอล ดิ เรสต้า ซึ่งอยู่ในอันดับที่มีคะแนนลื่นไปชนกำแพงบนทางตรงหน้าพิต เซฟตี้คาร์ต้องออกมาอีกเป็นครั้งที่ 2 โดยนำการแข่งขันในรอบที่ 70 ทำให้อันดับหยุดนิ่งไปตามระเบียบ และแม้เซฟตี้คาร์จะเข้าพิตไปก่อนที่รถในสนามจะข้ามเส้นชัยให้ครบ 71 รอบ แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเวทเทลแล้วที่จะคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครองได้


สรุปคะแนนสะสมประเภทนักขับประจำปี 2012 (ตำแหน่ง/นักขับ/คะแนน)

1 Sebastian Vettel 281
2 Fernando Alonso 278
3 Kimi Raikkonen 207
4 Lewis Hamilton 190
5 Jenson Button 188
6 Mark Webber 179
7 Felipe Massa 122
8 Romain Grosjean 96
9 Nico Rosberg 93
10 Sergio Perez 66
11 Nico Hulkenberg 63
12 Kamui Kobayashi 60
13 Michael Schumacher 49
14 Paul di Resta 46
15 Pastor Maldonado 45
16 Bruno Senna 31
17 Jean-Eric Vergne 16
18 Daniel Ricciardo 10
19 Vitaly Petrov 0
20 Timo Glock 0
21 Charles Pic 0
22 Heikki Kovalainen 0
23 Jerome d'Ambrosio 0
24 Narain Karthikeyan 0
25 Pedro de la Rosa 0


สรุปคะแนนสะสมประเภททีมประจำปี 2012 (ตำแหน่ง/ทีม/คะแนน)

1 Red Bull-Renault 460
2 Ferrari 400
3 McLaren-Mercedes 378
4 Lotus-Renault 303
5 Mercedes 142
6 Sauber-Ferrari 126
7 Force India-Mercedes 109
8 Williams-Renault 76
9 Toro Rosso-Ferrari 26
10 Caterham-Renault 0
11 Marussia-Cosworth 0
12 HRT-Cosworth 0


********************************************


ผ่านไปอีกหนึ่งฤดูกาลที่นับว่าสนุกตื่นเต้นเร้าใจจนวินาทีสุดท้ายเลยทีเดียวนะคะ

เช่นเคย...เจ้าของบล็อกขอขอบคุณคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน ที่ได้ร่วมลุ้น ร่วมเชียร์ และร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันมาตลอดฤดูกาลด้วยค่ะ สมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง เป็นธรรมดาของกีฬา ไม่ได้ปีนี้ ปีหน้าสู้ใหม่ ต่อจากนี้จะเป็นช่วงพักผ่อนของทั้งนักขับ ทีมงาน และกองเชียร์ แต่พวกเราคงไม่เหงาเท่าไหร่เพราะยังมี “เรซออฟแชมเปี้ยนส์” ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานรออยู่ในวันที่ 14-16 ธันวาคมนี้ ซึ่งประเทศไทยจะได้ร่วมต้อนรับเซบาสเตียน เวทเทล แชมป์โลก 3 สมัยซ้อนคนใหม่ล่าสุด และมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ตำนานระดับเทพ แชมป์โลก 7 สมัยที่เพิ่งจะแขวนพวงมาลัยไปหมาดๆ รวมทั้งนักขับดาวดังอีกคับคั่งที่ได้ตอบรับเข้าร่วมงานมาแล้ว

ส่วนฟอร์มูล่าวันจะกลับมาพบกับทุกท่านใหม่ในสนามเปิดฤดูกาล รายการออสเตรเลียน กรังด์ปรีซ์ วันที่ 15-17 มีนาคม 2013 ค่ะ










*ข้อมูลจาก autosport.com/f1 และ formula1.com
ภาพจาก formel1.de

Create Date : 25 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2555 4:23:50 น.		51 comments
Counter : 1834 Pageviews.
Share Tweet