 |
|
|
|
 |
|
|
เหล้านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร มีอยู่ในชาดก เรียกว่า กุมภชาดก นายพรานป่าคนหนึ่งชื่อว่า สุระ แกไปเที่ยวป่าล่าสัตว์ไปตามเรื่อง ไปถึงต้นไม้ต้นหนึ่ง มีค่าคบใหญ่เป็นแอ่งน้ำ นกมันมากินน้ำ แล้วคาบรวงข้าวสาลีบ้าง ผลไม้ต่างๆมาทิ้งไว้ในนั้น ถูกแดดแผดเผาแล้วมันก็เป็นส่า เป็นน้ำเมา
นายพรานนี้ไปเห็นเข้าเลยเอามากิน ก่อนจะกินไปเห็นนกมันนอนตายอยู่ นกกินแล้วมันเมานอนเกลื่อนกลาด แกก็เอามาปิ้งกินบ้าง ตัวสองตัว ที่เหลือก็ทิ้งไว้ก่อน เดี๋ยวค่อยเก็บ ไม่ทันไรนกบินปร๋อไปได้ อะไรกันนกนี่ ตายแล้วฟื้นได้
เลยนึกว่าข้างบนคงมีน้ำอะไรก็ปีนขึ้นไปดู ไปเห็นน้ำ รสพิลึกแฮะเลยลองกิน อือ เข้าที พอกินแล้วรู้สึกว่าไม่เป็นตัวของตัวเอง ชักจะมึนๆ แกชอบใจ เลยตักใส่กระบอกไม้ไผ่ เดินทางไปเจอพระฤๅษีชื่อ วารุณะ เข้า ก็เอาน้ำดีเลี้ยงพระฤๅษีหน่อย เลี้ยงเข้าไปแล้วฤๅษีกับนายพรานเต้นระบำกันใหญ่ เต้นรอบกองไฟที่บูชา ทั้งพรานทั้งฤๅษีเต้นกันเป็นการใหญ่
พอสร่างเมาฤๅษีถามว่า น้ำนี่เอ็งเอามาจากไหน พรานว่าที่ต้นไม้โน้น ไปดูกันก็ได้ ฤๅษีแกมีปัญญาหน่อย แกดูแล้วรู้ว่ามันเกิดขึ้นอย่างไร มีอะไรบ้างตกหล่นอยู่ในน้ำ เอามาสำรวจแยกธาตุดูว่ามีอะไรบ้าง ก็ว่ามีอะไรบ้าง ก็เลยจัดการเอามาประสมกันเข้าก็เลยเมา พอเมาแล้วก็เข้าไปในเมือง ไปเมืองไหน ก็ไปทำให้คนเมากันฉิบหายหมดเมือง พอเขาจับได้ก็ไปเมืองอื่นอีก
จนไปถึงเมืองหนึ่ง พระเจ้าแผ่นดินชื่อ สรรพสามิต ถ้าจะเอาชื่อนี้แหละมาตั้งเป็นกรมสรรพสามิต พวกสองคนนี้ไปบอกว่าท่านจะทำน้ำวิเศษถวาย พระเจ้าแผ่นดินถามว่าต้องการอะไรบ้าง บอกว่าต้องการโอ่งร้อยใบ ต้องการของนั่นของนี่มาผสมแช่เป็นน้ำส่าให้มันเมากัน
ทีนี้ หนูมันมากิน กินแล้วนอน แมวก็มากินหนู แมวพอกินหนูเข้าไปแล้วก็อยากน้ำ ก็กินน้ำนั้นแล้วแมวก็หลับใหล หนูมาแทะหนวดแมว แทะหางแมว แทะหมด แมวกลายเป็นท่อนไม้ไปแล้ว
คนมาเห็นแล้ว เอ๊ะ ไม่ได้การแล้วนี่ หนูมาแทะหางแมว แทะหัวแมวแล้วนี่ แมวกินน้ำนี้เข้าไปไม่เป็นแมวแล้วนี่ ไม่ได้แล้ว ต้องนำความไปกราบทูลพระราชาให้ทรงทราบ
พระราชาก็รับสั่งจับสองคนนั่น เพื่อเอาไปพิจารณาโทษฐานทำน้ำพิษแมวกินแล้วตาย
ทีนี้ แมวกินไม่ตาย แต่เรียกว่ามันเมาสลบไสล พอสร่างแมวก็เดินได้ต่อไป อำมาตย์ก็มาทูลอีก แมวไม่ตายพะย่ะค่ะ
สองคนนั้นเลยบอกว่าไม่ใช่เป็นคนทำให้แมวตาย มันดื่มแล้วก็เป็นอย่างนั้นแหละ ฤทธิ์ยาทำให้มันซึมไปชั่วคราว
แต่มนุษย์ไม่ถึงตาย พระองค์ไม่เชื่อลองเสวยดู พระราชาไม่ฟังเสียง รับสั่งให้ทุบไหเหล้าหมด ให้จับสองคนนั้นขังคุก ฐานขายยาเสพติดให้โทษ แต่ว่าตำรานี้มันแพร่หลายแล้ว เลยเหลือมาจนถึงสมัยนี้ นี่คือต้นเหตุของสุรา
สุรานี่เอาชื่อตามนายพรานสุระ ทีนี้พวกเราสึกออกไปแล้ว อย่าไปกินของนายพรานสุระเข้า มันจะเสียหาย ใครที่ชอบดื่มจนมือไม้สั่น สึกไปนี่ก็เลิกๆเสียบ้าง อย่าไปแตะต้องมันอีกต่อไป บวชแล้วเลิกกันที พวกบวชๆนี่เลิกไปหลายคนแล้ว มีครูอยู่คนหนึ่งเป็นผู้ช่วยอาจารย์ใหญ่ แกเมาเช้าเมาเย็น คุณนายเลยบอกว่า ไปบวชเสียทีเถอะ พอบวชแล้วก็เลิกได้ ออกไปแล้วไม่ดื่มอีก
นายทหารคนหนึ่งก็เหมือนกัน เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ไม่ดื่ม ได้เลื่อนยศหน้าตาผ่องใส มาวันนั้นจำไม่ได้ มีเลือดฝาดดี เพราะไม่ดื่มเหล้า ใครที่ไม่เคยดื่ม อย่าไปลองเข้า ไม่ได้ ลองแล้วเสียหมด
ออกไปเป็นคฤหัสถ์ต้องมีหลัก อย่างน้อยก็ไม่ดื่มของมึนเมา ไม่เล่นการพนัน จะได้ชื่อว่าได้รับประโยชน์จากการบวช
นี่คืออบายมุข ดื่มเหล้าเป็นอบายมุข ปากทางแห่งอบาย อบายก็คือความเสื่อมความเสียหาย ซึ่งเราควรจะได้สำรวมระวัง อีกไม่เท่าใดจะออกพรรษาแล้ว ตอนนี้ก็ตั้งใจประพฤติดีปฏิบัติชอบต่อไป อย่าไปนับว่า ๒ ค่ำ ๓ ค่ำ ๘ ค่ำ เหลืออีกเท่านั้นเท่านี้วัน อย่าไปคิดให้มันวุ่นวายอย่างนั้น อย่าไปคิดถึงสิ่งที่ยังไม่มาถึง อย่าไปคิดถึงสิ่งที่ล่วงไปแล้ว ให้คิดอยู่เฉพาะหน้าว่าเวลานี้เราเป็นอะไร ควรทำอะไร ปฏิบัติให้เรียบร้อยจนถึงวันสุดท้ายจึงจะดี.
Create Date : 06 สิงหาคม 2565 |
Last Update : 25 มกราคม 2567 18:35:05 น. |
|
0 comments
|
Counter : 606 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|