กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กรกฏาคม 2565
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
4 กรกฏาคม 2565
space
space
space

สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (ต่อ) แก้พยาบาท


   การแก้ความพยาบาทนั้น  มันต้องแก้กันด้วยการแผ่เมตตา  ปรารถนาความสุขความเจริญแก่มนุษย์ทั้งหลาย ให้อยู่ด้วยความปรารถนาดีต่อกัน อย่าโกรธเคืองกัน อย่าเอารัดเอาเปรียบกัน ให้นึกว่าเราเป็นสุขก็ขอให้เพื่อนบ้านเป็นสุขด้วย เราอิ่มก็ให้เพื่อนบ้านอิ่มด้วย เราปราศจากโรคก็ให้เพื่อนบ้านปราศจากโรคด้วย ในนึกไปในแง่อย่างนั้น   มีอะไรที่เราจะทำประโยชน์ให้แก่เพื่อนมนุษย์ได้ทำทันทีอย่าช้า อย่างนี้ก็สบาย เรียกว่า อยู่ด้วยความเมตตา เมตตาเป็นธรรมค้ำจุนโลก โลกจะอยู่ได้ไม่ล่มจมก็เพราะอาศัยเมตตาค้ำไว้


   คนแผ่เมตตานี่มันได้อะไรหลายๆอย่าง เช่น หัดแผ่เมตตาแก่สัตว์อย่างนี้ ตื่นก็เป็นสุข ไม่มีนอนฝันร้าย เรียกว่า ไม่มีภัยแก่ใคร เป็นที่รักของมนุษย์ เป็นที่รักของอมนุษย์ เช่น สุนัขนี่มันรักเรา ถ้าเราหัดแผ่เมตตากับมันบ่อยๆ แต่ถ้าเห็นเตะมันมั่ง ทุบหัวมันมั่ง มันเห็นเรามันก็หนีเลยเท่านั้น มาแล้ว พอเห็นรถจับหมา มันก็วิ่งกันเป็นแถว อย่างตกอกตกใจ เพราะพวกนั้นไม่มีเมตตา จะเอาท่าเดียว

   คนก็เหมือนกัน ถ้าเราเห็นใครก็แผ่เมตตายิ้มกับเขา ทำอะไรในสิ่งที่เป็นประโยชน์ ใจมีเมตตา ปากก็มีเมตตา กายก็ทำอะไรๆ ด้วยความเมตตา ปรารถนาดีต่อกัน มันก็สบาย มีความสุข ไอ้เรื่องนี้ต้องหัด หัดแผ่เมตตา เช่น อยู่ด้วยกันก็แผ่เมตตาต่อกัน ช่วยเหลือเจือจุนกัน พอสมควรแก่ฐานะ ช่วยกันในเรื่องดีเรื่องงาม แบ่งกันในเรื่องดีมีประโยชน์
ไม่ใช่ผมซ่อนบุหรี่ไว้ซองหนึ่ง คุณจะสูบมั่งไหม แผ่เมตตากันหน่อย ไอ้แผ่เมตตาแบบนั้นมันก็ไม่ไหว เหมือนกับแกล้งเพื่อนแกล้งให้เพื่อนเสียคน ไม่ให้เพื่อนชนะ ให้เพื่อนแพ้อยู่เรื่อยไป อย่างนี้มันก็ไม่ดี เราต้องช่วยให้เขาชนะ ช่วยให้เขาก้าวหน้า ช่วยให้เขาหัดอดทน ช่วยให้เขาเข้มแข็ง ถึงจะดี แผ่เมตตาไปในรูปอย่างนั้น คนแผ่เมตตาแล้วก็สบายใจ


   ผมเคยแผ่เมตตา คือว่าลองดู  คือท่านจอมพลสฤษดิ์นี่  เวลาเขาปล่อยอันธพาลที่ลาดยาว  เขานิมนต์ไปทุกที  จอมพลสฤษดิ์แกขึ้นมาไม่เคยไหว้พระ  กราบพระพุทธรูปแล้วแกนั่ง  ไม่ไหว้พระ  นึกในใจว่า วันนี้ต้องให้จอมพลสฤษดิ์ไหว้พระเสียที  ให้จอมพลสฤษดิ์ไหว้พระเสียหน่อย  ก็ทำอย่างไร?   แผ่เมตตานั่งสำรวมใจ  พอรู้ว่ารถจอมพลเข้ามาปั้ป  ดูเถอะพอรถจอมพลเข้ามา  ใจมันเต้นตึ๊กๆตั๊กๆ ส่งกระแสจิตไปขอให้จอมพลสฤษดิ์มีความสุข  มีความเจริญ  ปราศจากทุกข์โรคภัย  นึกอย่างนั้น   ส่งกระแสจิตไปส่งกระแสคลื่นไป  ตลอดทางที่แกนั่งรถผ่านเข้ามาก็นึกอย่างนั้น   พอเห็นหน้าแผ่เมตตาซ้ำลงไปอีก   อารมณ์แกดี  แผ่เมตตาให้  พอมาถึงกราบพระเสร็จ  กราบพระเสร็จก็หันมาไหว้  ไหว้อ่อนน้อม  วันนั้นน่ะ  มันเพราะอะไร?   เราแผ่เมตตาให้แก  แกก็นึกรักขึ้นมา  แต่ว่าหลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็ตาย  เรียกว่าไหว้เป็นครั้งสุดท้าย   ไหว้องค์อื่นไม่รู้กี่องค์   แต่พอไหว้หลวงพ่อเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย   และต่อจากนั้นมาไม่กี่เดือนก็เป็นน้ำท่วมปอดตาย.  นี่ที่ได้ไหว้เพราะอะไร ?  เพราะเมตตา

   ลองดู ลองแผ่เมตตา เราเห็นคนเดินมานี่ลองนึกแผ่เมตตาเขา พอเขาเดินมาเห็นเรา คนนั้นก็ต้องอารมณ์ดี และในทางตรงกันข้าม  ขอให้มันฉิบหาย แช่งมัน 110  พอคนนั้นเดินมาถึง เราอารมณ์ไม่ดี   กำลังใจมันกระทบกัน   กระแสคลื่นออกจากตัวเรา นี่มันเป็นกระแสวิทยุเหมือนกัน เรียกว่าเป็นคลื่นไปกระทบเครื่องรับว่างั้น ทีนี้ เสียงมันดังก๊อดๆอย่างฟ้าผ่า ถ้าเราแผ่พยาบาทไปน่ะ มันไม่ดี

ถ้าเราหัดแผ่เมตตา ตื่นเช้ามาแผ่เมตตา ขอให้ชาวโลกมีความสุข มีความเจริญก้าวหน้า ให้นึกไปอย่างนั้น จิตมันก็นึกแผ่ไปแต่ความเมตตา คนที่เขาได้เห็นเราก็มีใจรักเรา เลื่อมใสเรา แต่ถ้าเราเดินไปความพยาบาท ความโกรธ ตาก็ดุ ท่าทางก็ดุ อะไรหน้าดุตามันเปลี่ยนรูปหมดนะ
คนเจริญเมตตานั้น ผิวหน้าเปล่งปลั่ง วัณโณ มุขะวิกะสิโต  สีหน้าเปล่งปลั่งมีเลือดฝาด ยิ้มแย้มแจ่มใส เวลาทำสมาธิก็เป็นสมาธิได้เร็ว จิตสงบได้เร็ว เพราะอาศัยอำนาจเมตตา


   พระพุทธเจ้ากับพระสาวก ท่านอยู่ด้วยความเมตตา แผ่เมตตาไปในทิศตะวันออก ทิศตะวันตก เหนือ ใต้ ทุกทิศ เพราะฉะนั้น ใครมาเห็นเข้าต้องเคารพบูชา เข้าใกล้ มีความนับถือ เพราะน้ำพระทัยมีแต่ความเมตตา


    ท่านลอร์ดอังกฤษคนหนึ่ง  ซึ่งมาเป็นอุปราชอินเดีย เวลาครบเทอมก็จะกลับอังกฤษ บอกคนที่จะมาแทน อย่าเข้าใกล้มหาตมะคานธีเป็นอันขาด เข้าใกล้แล้วต้องรักแก อยู่ห่างๆ ดี อย่าเข้าใกล้ เข้าใกล้แล้วต้องรัก เพราะมหาตมะคานธีมีแต่เมตตา
แกไม่เกลียดฝรั่ง ไม่เกลียดคนที่มาปกครอง แต่ว่าแก เกลียดวิธีการปกครอง ไม่ได้เกลียดคน เกลียดหลักการว่ามันไม่ดี การปกครองนี่ แต่แกไม่เกลียดคนที่มาปกครอง กับอุปราชกับเจ้าเมืองกับตำรวจแกก็เห็นแล้วยิ้มแย้มแจ่มใส  พูดจาดี  ไม่โกรธ ไม่เคือง ไม่มีอารมณ์ขุ่น จิตใจแกอย่างนั้น หน้าตาแก่ยิ้ม อารมณ์เบิกบาน ดูรูปถ่าย แกยิ้มทั้งนั้น ใส่ฟันปลอม แต่เอาฟันปลอมใส่ผ้าเช็ดหน้าผูกสะเอวไว้ ไม่เคี้ยวก็ไม่เอาใส่ปาก ผูกไว้ตรงนั้น ผูกไว้กับสะเอว ไม่ได้เอาใส่ปาก เวลายิ้มก็เหมือนกับคนไม่มีฟันอย่างนั้น มีแต่ความรัก ความเมตตา ไม่มีอารมณ์ร้อน จิตใจแกไม่เศร้าหมองขุ่นมัว ใครมาหาแกก็ยิ้มอยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น ทุกคนที่ได้เห็นสบายใจ

   ทีนี้ คนอินเดีย ถ้ารู้ว่า คานธีนั่งรถคันนี้มา โอ้ มากัน ท่านมหาตมะคานธีจะมามาทัศนะ ภาษาอินเดียเรียกว่า ทัสสนะ มาดู มาทัศนะ นั่นเรียกว่า มาดูคานธี ให้คานธีโผล่มาทางหน้าต่างหน่อยเถอะ พอเห็นคานธีก็ว่า คานธี ชัยโย ขอให้มหาตมะคานธีชนะ ก้องไปเลย มหาตมะคานธี ไชโย มหาตมะคานธีให้ชนะ ชัยโย นั่นแหละนี่เพราะอะไร ? เพราะน้ำใจเมตตา


   ทีนี้ พระพุทธเจ้าเราจิตใจท่านสูงมาก แผ่เมตตาก็แรง เพราะฉะนั้น ช้างที่จะมาที่พระเทวทัตปล่อยมา ให้มาเหยียบ พระองค์ยกมือช้างหยุดปุ๊บเลย หมอบลงไปทันทีเลย อำนาจเมตตาจิต อันนี้ คนเขาเอามาเป็นคาถาบาลีที่พระพุทธเจ้าใช้ เอามาว่า เรียกว่า สู้ช้าง มันเป็นคาถาอยู่เฉยๆ ไม่ได้อาศัยน้ำใจเมตตาต่อช้าง มันก็หยุดหมอบลงไปเลย ไม่เป็นอะไร

นายขมังธนูที่เทวทัตจ้างไปยิงพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ก็แอ่นพระอุระไปเลย แอ่นอกไปเลย ไปเจอไอ้นั่นง้างขึ้น หยุดค้างทันที ยิงไม่ได้ พระองค์ถามว่าทำอะไร ถามยิ้มๆ ทำอะไร บอกว่าจะยิงพระองค์ ยิงทำไม ยิงให้ตาย ไม่ยิงแล้ว ฉันไม่ตายหรือ ท่านว่าอย่างนั้น ไม่ยิงแล้วฉันไม่ตายหรือ ร่างกายนี้มันก็ต้องตาย ของไม่เที่ยง เธอไม่ยิงฉันฉันก็ตาย พอพูดอย่างนั้นไอ้นั่นทิ้งลูกศรเข้าไปกราบ แล้วถามว่า ทำไมถึงต้องมายิงฉัน เทวทัตเขาจ้าง มาไปด้วยกัน พาไปให้ไอ้นั้นที่จ้องยิงไอ้คนนี้อยู่ เพราะว่า นาย ก. มายิงพระพุทธเจ้า นาย ข. ยิงนาย ก. ต่อไป นาย ค. ยิงนาย ข. ต่อไป ยิงกันเป็นแถวเลยเพื่อปิดปาก พระพุทธเจ้าพาไปเก็บหมดทุกคน คือพามาเป็นลูกศิษย์ ก็เลยไม่ต้องยิงกัน เรียกว่า ชนะด้วยเมตตา แผ่เมตตา


   โลกเราอยู่กันด้วยความแผ่เมตตามันก็อยู่กันสบาย เดี๋ยวนี้มันขาดความเมตตา มีแต่ความเหี้ยมโหด ดุร้ายกัน ทุบปากต่อยตีกัน นักเรียนยกพวกตีกันบ่อยๆ เรื่องมันเป็นอย่างนี้ วุ่นวาย สังคมเดือดร้อน

  เพราะฉะนั้น เราอย่าไปส่งเสริมความเดือดร้อนในสังคม ให้อยู่ด้วยน้ำใจเมตตาปรารถนาดีต่อกัน อย่าโกรธอย่าเคืองกัน มีอะไรเกิดขึ้นก็รีบดับๆซะ สิ่งใดเกิดขึ้นที่ไหนก็ดับที่นั่น อย่าไปเก็บเอามาเป็นอารมณ์  คนเรานี้มันยุ่งอยู่ตรงที่ชอบเก็บเอามาครุ่นมาคิดนึกเป็นอารมณ์ ไอ้นี่มันทำกูเสียหน้า ทำอย่างนี้มันพอกพูนพยาบาทอาฆาตจองเวร ไม่ได้อะไร เรียกว่า ขุดหลุมนรกฝังตัวเอง นี่เป็นนิวรณ์ข้อหนึ่ง ที่สร้างปัญหาทำให้เกิดความทุกข์ ความเดือดร้อน

  วันนี้ เอาแค่ ๒ ข้อ นิวรณ์ คือ กามฉันทะ พยาบาท อาฆาต จองเวร แล้วค่อยว่ากันต่อไป

 


Create Date : 04 กรกฎาคม 2565
Last Update : 24 มกราคม 2567 9:05:02 น. 0 comments
Counter : 330 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space