|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
ประการที่สอง ธรรมทาน. ธรรมทาน นี่หมายความว่า การให้ธรรม ให้คำสั่งสอนแนะนำพร่ำเตือนแก่เพื่อนฝูงมิตรสหาย หรือว่าจะพิมพ์หนังสือธรรมแจกจ่ายแก่คนที่สนใจ ไม่ใช่แจกเฉยๆ แจกให้แก่คนที่สนใจ ไม่ใช่พิมพ์เสร็จแล้วไปยืนสี่แยกแล้ว เอ้า แจกๆ เอาไปห่อขนมหมด เลยไม่ได้เรื่องเหมือนกัน ให้แก่คนที่สนใจ เราพิมพ์แล้วเราตั้งใจไว้ ประกาศให้คนรู้ว่า มีหนังสือธรรมแจกให้แก่บุคคลที่สนใจเอาไปอ่าน จึงจะได้ประโยชน์ แจกเฉยๆ เอาทุกคน เคยพิมพ์แจกแบบนั้นเหมือนกัน ไปตามงานต่างๆ แจก เด็กก็เอา เอาทั้งนั้น แพร็บเดียวหมดเลย แต่มันเอาไปห่อของเสียมากกว่าไปอ่าน ไม่ได้เรื่อง
ที่บอกว่าแจกให้แก่ผู้ที่สนใจ ใครไม่สนใจไม่ให้ แต่ว่าไอ้ความสนใจนี่วัดยาก บางคนเห็นเขาแจกกันก็อยากได้ทั้งนั้น วางราคาน้อยๆเช่นเราพิมพ์เล่มหนึ่งราคา ทุน ๕๐ สตางค์ เอา๕๐ สตางค์ แต่มันทอนลำบาก ๕๐ สตางค์ ไม่มีสตางค์ทอน เอาบาทหนึ่ง ให้เขาไป ใครต้องการเอามาบาทหนึ่ง แจกเป็นธรรมทาน ก็ได้กำไรเอามาพิมพ์ต่อๆไป อันนี้ก็เป็นประโยชน์
สมัยก่อนนี้เคยพิมพ์หนังสือเรื่อง คำถามคำตอบเรื่องพระพุทธเจ้า พิมพ์รวมเล่มแล้วตั้งแสนกว่าเล่ม เอาไปแจกได้เงินมาพิมพ์ พิมพ์ทีละหมื่น พิมพ์หนึ่งนี่ราคา ๕๐๐๐ บาท พิมพ์หมื่นหนึ่งไปแจกบ้านนอก เทศน์ที่ไหนก็เอาไปแจกที่นั่น วิธีการว่าบาทหนึ่งๆ แพร็บเดียว พอบอกว่าเล่มละบาทโยม แจกอย่างนั้นเอาหมดละ ได้ทุนมาก็พิมพ์แจกต่อไปอีก พิมพ์เป็นแสนเล่ม รวมแล้ว อย่างนี้เรียกว่า ให้ทานธรรม ถือว่าเรามีความรู้ในทางธรรม เราก็ไปให้ทาน ไปพูดให้คนฟัง
ที่ประเทศลังกา มีสมาคมๆหนึ่ง เขาเรียกว่า สมาคมให้ทานธรรม สมาคมนี้ ส่งคนออกไปเที่ยวพูดธรรมตามย่านชุมนุมชน ตามสี่แยก สามแยก ตามข้างถนน ที่ไหนๆ ท่าเรือก็มีคนงานท่าเรือเยอะ เขาไปพูดก่อนเวลาทำงาน ทำงานเจ็ดโมง หกโมงครึ่งเขาไปแล้ว ไปยืนอยู่หน้าประตูทางเข้า เอาลังไม้ฉำฉามายืนปาฐกถา ขั้นแรกไปเห็นนึกว่านักการเมือง พวกคอมมิวนิสต์มาปลุกระดมมวลชนเพื่อให้กรรมกรท่าเรือสไตรค์ แต่ว่าไปเที่ยวไปเห็นอีกหลายแห่ง บางแห่งเขานั่งฟังเรียบร้อย คนนั่งบนเก้าอี้ คนแก่ อุบาสก อุบาสิกา นั่งฟังเรียบร้อยเชียว นึกในใจว่าเขาทำอะไร ก็เลยไปถามพระ บอกว่าไปเห็นที่ตรงนั้นตรงนี้เขาทำอะไรกัน พระบอกว่า นี่เป็นงานของสมาคมธรรมทาน เขาคิดว่า บางคนไม่มีโอกาสไปวัด แต่หิ้วกระเช้าไปตลาด ไปถึงเจอเขาพูดธรรม หยุดฟังเสียหน่อย ห้านาทีสิบนาทีได้ประโยชน์ ขากลับก็มาฟังเสียหน่อย เขาทำตอนเช้า กับ ตอนบ่าย ส่งคนออกไปทั่วๆเป็นจุดๆ ในกรุงโคลัมโบ ไปพูดอย่างนี้ อันนี้เรียกว่าเป็นธรรมทาน เอื้อเฟื้อด้วยธรรม ให้คนได้รู้เข้าใจธรรมถึงเรื่องดีมีประโยชน์
หรือว่าเรามีความรู้เรื่องธรรม เราก็ไปขอพูดตามสถานที่ต่างๆ เช่น โรงเรียน ไปอธิบายธรรมให้เด็กๆฟัง อย่างนี้ เรียกว่าเป็นธรรมทาน ถ้าเราไม่สามารถจะแสดงด้วยตัวเราเองได้ เรานิมนต์พระไปแสดง ไปติดต่อผู้ฟังไว้ ไปนิมนต์พระมาพูดที่นี่ ให้โยมมาฟังกัน เอาพระไปเทศน์ให้คนมาฟังกัน เป็นการไปให้เปล่า ไม่มีอะไรตอบแทน เมืองไทยเรานี้ โดยทั่วไปเวลาพระเทศน์เขามีหน้ากัณฑ์ เป็นธรรมเนียมติดกัณฑ์เทศน์เพื่อบำรุงพระศาสนา แต่ถ้าปาฐกถาไม่เทศน์ ไม่ต้องติดกัณฑ์ ก็ดีไปเหมือนกัน ไม่ยุ่ง เราได้พูดด้วยความสบายใจ เป็นการให้ทานธรรมแก่คนที่ควรรู้ ควรเข้าใจ อันนี้เป็นเรื่องควรกระทำ
ในทานสองอย่างนี้ คือ อามิสทาน ธรรมทาน ถือว่า ธรรมทาน สูงกว่า ดีกว่า ประเสริฐกว่า ทำไมจึงได้เป็นเช่นนั้น ? เพราะว่า คนจะได้รับความรู้ความเข้าใจ และจะทำอะไรก็ต้องรู้ธรรมข้อนี้ จึงจะทำสิ่งอื่นได้ ท่านจึงว่า "สพฺพาทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ การให้ธรรมทานชนะการให้ทั้งปวง" อันนี้ เรียกว่า ธรรมทาน
Create Date : 05 ตุลาคม 2565 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2565 8:01:10 น. |
|
0 comments
|
Counter : 147 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|