กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
ตุลาคม 2565
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
2 ตุลาคม 2565
space
space
space

๕.บำเพ็ญบุญแต่ในพระพุทธศาสนา





   ประการที่   ๕ บำเพ็ญบุญแต่ในพระพุทธศาสนา   นี่ก็เหมือนกัน  ข้อความคล้ายๆกัน คือ ทำบุญตามแบบอื่นๆ อย่างที่เรามีอยู่ในหลักพุทธศาสนา เป็นการอยู่ร่วมกันได้ด้วยความสุข

   นี่เป็นกฎของสมบัติแห่งอุบาสกอุบาสิกา ๕ ประการ.   ในสมบัติทั้ง ๕ ประการนี้ เราควรถือเป็นหลักปฏิบัติแก่อุบาสกอุบาสิกา เพราะเมื่อเราบวช ๓ เดือนแล้ว  เราก็จะออกไปเป็นอุบาสกก็ถือตามหลักนี้.   ทีนี้    อาจจะมีปัญหาบางประการเกิดขึ้น   คือว่าสิ่งบางอย่างมันขัดต่อหลักพุทธศาสนา แต่ว่า คนส่วนมากเขาปฏิบัติกันอยู่  เราไปอยู่ในที่นั้น เราจะทำอย่างไร อันนี้ ต้องอาศัยหลักธรรมะ เขาเรียกว่า ปริสัญญุตา  ต้องรู้จักที่ประชุม  ที่เราเข้าไปอยู่  เราอย่าไปขัดคอเขาให้มันแรงเกินไป   อย่าไปถึงบอกว่า   ฉันบวชวัดชลประทาน ฯ   เจ้าคุณปัญญาสอนแบบนี้ ไอ้ที่ทำกันอย่างนี้มันโง่ๆ ไม่เท่าใดก็หัวแตกเท่านั้นเอง  ไอ้อย่างนั้นมันไม่ได้  ทำอย่างนั้นมันไม่ได้ เราต้องรู้จักกาลเทศะ รู้จักประพฤติธรรม เราต้องอนุโลมตามเขาก่อน เขาทำอยู่ก็ผสมโรงไปกับเขา เขาทำอะไรอยู่ เขาถือพุทธ แต่เขาทำออกนอกทาง เราก็ผสมโรงไปก่อน เพื่ออะไร เพื่อให้เกิดความสนิทสนมเป็นกันเอง   ให้เขารักเรา   แน่  ทีนี้  เมื่อสนิทสนมเป็นกันเองแล้ว ต้องค่อยพูดค่อยจาหยั่งเสียงแต่ละคน  สองคน  แทรกซึมเข้าไป  อย่าเข้าโจมตีแบบน้ำเหนือบ่าท่วมบ้านท่วมเมือง ไม่ได้ มันทำฤทธิ์เสียหมด ต้องแทรกซึมทีละน้อยๆ ต้องอธิบายทีละน้อยๆ ให้มีความเข้าใจ พูดกันบ้าง ทำไปบ้าง มีโอกาสก็คุยทีละน้อยๆ ค่อยทำความเข้าใจเรื่อยๆไป ตามโอกาสที่จะอำนวย ไม่ใช่เพื่ออะไร แต่เพื่อช่วยให้คนเหล่านั้นได้ลืมหูลืมตาเกิดความเข้าใจถูก ไม่ถูกใครเขามาต้มมายำกันอีกต่อไป เพราะความเชื่อประเภทเหลวไหล มันต้มกันนักหนาในหมู่พวกเรา


   ยกตัวอย่างง่ายๆ  ไม่กี่ปีมานี้ที่บ้านโป่ง  วัดกุสินารายณ์  มีหนองน้ำอยู่แห่งหนึ่ง อยู่ๆ เกิดเป็นหนองน้ำศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมา   แล้วคนแห่กันไปใหญ่ เหมารถกันเป็นคันๆ บอกว่า น้ำศักดิ์สิทธิ์รักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ต่างๆ อันนี้แหละ เป็นวิธีต้มมนุษย์ด้วยวิธีเหลวไหล  นี่แหละเขาเรียกว่า เชื่อในสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ เป็นมงคลตื่นข่าว   เชื่อในสิ่งที่ไม่เป็นเรื่อง   ฝรั่งเรียกว่า  Superstition เลยถูกต้มกันไปเป็นแถว
ผมกำลังพูดอยู่ที่วิทยุยานเกราะ   เลยพูดออกไปเลยทางวิทยุว่า “พี่น้องทั้งหลาย โปรดทราบเถอะ น้ำที่นั้นไม่ได้ศักดิ์สิทธิ์อะไร   ถ้าศักดิ์สิทธิ์จริงแล้ว  คนบ้านนั้นไม่ตาย โรงพยาบาลนั้นไม่ต้องมีคนไข้   วัวควายที่นั่นคงเต็มไปหมดไม่รู้จักตาย เพราะกินน้ำในหนองนั้น ส่วนปู ปลา ในหนองนั้นไม่รู้จักตาย เพราะมันอยู่ในนั้น   ส่วนเราเพิ่งไปอาบครั้งสองครั้งเท่านั้น จะสู้ได้หรือ”  พอพูดออกไป ก็มีจดหมายถึงทีเดียวมาว่า   มันกงการอะไรของท่านปัญญา   เขาจะหาสตางค์กัน มันเรื่องของเขา แล้วคนที่ไปกันก็เพราะความเชื่อของเขา  สตางค์ก็ของเขา  มันเรื่องอะไรของท่านที่ไปขัดคอเขา
เลยตอบไปเหมือนกัน   ตอบว่า “มันเป็นกงการของท่านปัญญา เพราะท่านปัญญาเป็นลูกพี่ของชาวบ้าน เป็นพระเป็นบริษัทผู้พี่   ถ้าเห็นน้องๆจะตกเหว  ก็ต้องไปจับมือดึงขึ้นมาหน่อย ไม่ให้ตกเหว และชีวิตของท่านปัญญาอยู่กับชาวบ้าน  กินข้าวชาวบ้าน  อยู่กุฏิของชาวบ้าน นุ่งห่มจีวรก็ของชาวบ้าน ถ้าเห็นชาวบ้านทำผิดแล้ว ไม่เตือน ชาวบ้านก็จะเห็นว่าท่านปัญญาเป็นพระไม่ได้ความ เพราะฉะนั้น ถ้าเห็นอะไรผิดก็ต้องเตือน บอกตามสภาพที่เป็นจริง ตามหน้าที่ เขาจะเชื่อจะฟังหรือไม่ มันสุดแล้วแต่เขา แต่ฉันได้ภูมิใจว่า ฉันได้ทำหน้าที่ของฉันแล้ว เตือนพี่น้องทั้งหลายให้เกิดความสำนึกแล้ว จะได้ไม่ถูกหลอกถูกต้มไปมากกว่านี้” ก็พลอยเตือนเขาไปด้วย
เรื่องอันนี้มีบ่อยๆ ในเมืองไทย เดี๋ยวน้ำศักดิ์สิทธิ์ เดี๋ยวอะไรศักดิ์สิทธิ์ ราชบุรีก็เคยมี เกิดมีน้ำพุเกิดขึ้นในหนองน้ำ เกิดอยู่ไม่กี่วันก็หายไป มันเป็นลูกไม้ที่จะต้มกัน นี่ก็เพราะว่ามีความเชื่อผิดทาง จึงได้ถูกต้มถูกยำกันอย่างนี้


   ในกรุงเทพฯ นี้กลางกรุงเลย ต้มหน้าวัดสุทัศน์เลย  คราวนั้น  เขาว่าพญายม (ท่านยม) ต้องการคนปีมะ ปีมะนี้มันมีถึง ๔ ปี แน่ะ มะเมีย มะแม มะโรง มะเส็ง  คนเกิดปีมะมันหลายคนหน่อย
ถ้าปีอื่น  เช่น  ปีกุน  ได้คนเดียวเท่านั้น  มันน้อย   ปีจอก็เหมือนกัน  สู้ปีมะไม่ได้ บอกว่าพญายมเข้าฝันท่านผู้หนึ่ง  โกหกแท้   ปั้นเรื่องขึ้นมา ว่าต้องการคนจำนวนเท่านั้นทีเดียว
ถ้าใครไม่อยากตายให้ไปทำการเซ่นไหว้บูชา  ไปซื้อคาถาที่โบสถ์พราหมณ์ เอาดอกไม้ ๗ สี ไปบูชาสักการะ ไปกันจนแน่นหมด จนตำรวจจราจรต้องไปช่วยจัดการใหญ่ จราจรติดขัดไปหมด หน้าวัดสุทัศน์ หน้าเทศบาลคนเต็มไปหมด วันเดียวได้เงิน ๓ แสน ค้าขายใบปลิว คาถา กับ ดอกไม้ ๗ สี ได้เงิน ๓ แสน ไม่ใช่เล็กน้อย  แต่ว่ามีใครไม่รู้ไปสะกิดตำรวจจับเหมือนกัน ว่าพวกนั้นต้มมนุษย์กลางกรุงฟ้องร้องกันไปตามเรื่องตามราว

   ที่ถูกต้มอย่างนี้ เพราะอะไร ?    เพราะมีความเชื่อไม่เข้าเรื่อง  ไปเชื่อว่าสำเร็จโดยท่องคาถานั้น ด้วยการบูชาเทพเจ้าองค์นั้นองค์นี้   นี่แหละพวกมงคลตื่นข่าวแบบนี้อยู่แล้ว  ต้องถูกหลอกถูกต้มเรื่อยๆไปไม่รู้จักสิ้น จึงเป็นเรื่องที่เราควรจะแก้ไข อย่าให้คนถูกหลอกถูกต้ม.


   อีกแห่งหนึ่ง เกิดมีคนดีขึ้นในบริเวณพุทธบาท สระบุรี แผ่นดินตรงนั้นไม่รู้ว่ามีอะไร เกิดมีคนดีขึ้นบ่อยๆ บริเวณป่าแถวนั้นแหละ เป็นแหล่งเกิดมนุษย์หลอกลวง คนดีมันมากวิเศษอย่างนั้นอย่างนี้ ล้วนแต่เรื่องหลอกทั้งสิ้น
ถ้าเราไปงานนมัสการพระพุทธบาทไม่ได้เรื่องเลย คนไปกันอย่างสนุกสนานหนวกหูคน ถ้ามีงานละก็บอกใครๆไว้ว่า อย่าไปเลยไม่เห็นพระบาท ไปไหว้เวลาสงบ นั่งดูพินิจพิเคราะห์ หรือนั่งมุมใดมุมหนึ่ง ชะง่อนผาตรงใดตรงหนึ่ง นึกถึงพระพุทธเจ้า มันพอจะได้บุญกุศลบ้าง
แต่เวลามีงานไม่ได้เรื่องเลย แม้แต่พระที่ไปก็ไม่ได้เรื่อง ขนเอาอกุศลกับวัดต่อไป ธุดงค์ปลอมก็เยอะนะ ในงานพระพุทธบาท ธุดงค์บวชเอง พอเสร็จก็สึกเอง เป็นชาวบ้านต่อไป ได้ไข่เค็มเป็นครั้งละกระสอบทีเดียว บริเวณนั้นเป็นแหล่งสกปรก แหล่งคนมีฤทธิ์มีเดชเกิดขึ้น. 
 
 
 


เป็นต้น 



Create Date : 02 ตุลาคม 2565
Last Update : 2 ตุลาคม 2565 9:41:07 น. 0 comments
Counter : 172 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space