กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
บุญ
ข้อธัมม์ที่ถาม-เถียงกันบ่อย
หลักปฏิบัติ
สภาวธรรม
ปฏิบัติธรรมให้ถูกทาง
ผู้พิพากษาตั้งตุลา ใ ห้ สั ง ค ม ส ม ดุ ล
คติธรรมสั้นๆ
ภาษาธรรมวันละคำ
รู้เขา รู้เรา
ปัจฉิมวาจา
ความเป็นมาของการบวช
การทำวัตรสวดมนต์
ทำยังไงจึงจะมีอายุยืนและมีความสุข
นิพพาน-อนัตตา ฉบับเพียงเพื่อไม่ประมาท
พลังดันคน
ที่ทำงานของจิต
บรรลุธรรมอะไร?
พุทธปรัชญาในสุตตันตปิฎก
ธัมมาธิบาย
สวดมนต์
ความจน เ ป็ น ทุ ก ข์ ใ น โ ล ก
เรียนบาลีเพื่อรักษาพุทธพจน์
ศีล-ธรรมไม่มาโลกาจะพินาศ
หลักธรรมสำหรับผู้ยังไม่นับถือศาสนาใดๆ
ก่อนศึกษาพุทธธรรม
ภาค ๑. มัชเฌนธรรมเทศนา
ภาค ๒. มัชฌิมาปฏิปทา
ภาค ๓. อารยธรรมวิถี
วัฒนธรรมประเพณี
จารึกธรรม
<<
สิงหาคม 2565
>>
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
25 สิงหาคม 2565
องค์มรรคที่ ๒ สัมมาสังกัปปะ
???
ออกดีคือไม่ออก
สาระของปวารณา
มหาปวารณา
สัปปุริสบัญญัติ(จบ)
๓.มาตาปิตุอุปัฏฐาน
เสมือนน้องกับพี่
๒.ปัพพัชชา
ให้เพื่ออนุเคราะห์
ให้เพื่อบูชาคุณ
อภัยทาน
ธรรมทาน
อามิสทาน
๑.ทาน
พระพุทธเจ้าตั้งคณะสงฆ์เพื่อช่วยคน
สัปปุริสบัญญัติ ๓
ปฏิรูป
สมบัติของอุบาสกอุบาสิกา จบ
ข้อ ๕ ต่อ
๕.บำเพ็ญบุญแต่ในพระพุทธศาสนา
ทำบุญที่ตรงกับพระพุทธศาสนา
ปัญญากับสัญญาต่างกันอย่างไร
๔.ไม่แสวงบุญนอกเขตพระพุทธศาสนา
มงคล
ข้อ ๓ จบ
๓.ไม่ถือมงคลตื่นข่าว
ข้อ ๒ จบ
๒.ประกอบด้วยศีล
๑.ประกอบด้วยศรัทธา
สมบัติของอุบาสก อุบาสิกา ๕
๔.ปุพเพกตปุญญตา
๓.ตั้งตนไว้ชอบ
๒.คบสัตบุรุษ
๑.ปฏิรูปเทส
จักร ๔
อคติ(จบ)
รวมสามตัว
อคติ ๔
คุณสมบัติของกัลยาณมิตร
๔.ธัมมานุธัมมปฏิบัติ
๓.โยนิโสมนสิการ
๒.สัทธัมมัสสวนะ
๗.ปุคคลปโรปรัญญุตา
๖ ปริสัญญุตา
๕.กาลัญญุตา
ธรรมของสัตบุรุษ ๓-๔
ธรรมของสัตบุรุษ ๗
สัปปุริสสังเสวะ(ต่อ)
๑ สัปปุริสสังเสวะ
วุฑฒิธรรม ๔
๔.อุปสมะ
๓.จาคะ
๒.สัจจะ
๑.ปัญญา
อธิษฐานธรรม ๔
อธิษฐาน
๗.ปัญญา
๖.จาคะ
๕.พาหุสัจจะ
แทรกเสริม
๓. และ ๔ หิริ โอตตัปปะ
๒. สีล
๑.สัทธา
อริยทรัพย์ ๗ อย่าง
เสริม
องค์มรรคที่ ๘ สัมมาสมาธิ
องค์มรรคที่ ๗ สัมมาสติ
องค์มรรคที่ ๖ สัมมาวายามะ
องค์มรรคที่ ๕ สัมมาอาชีวะ
องค์มรรคที่ ๔ สัมมากัมมันตะ
องค์มรรคที่ ๓ สัมมาวาจา
องค์มรรคที่ ๒ สัมมาสังกัปปะ
แทรกเสริม (ทิฏฐิสองอย่าง)
โลกุตรสัมมาทิฏฐิ
แทรกเสริม
ทิฏฐิ ความเห็น นั่นนี่โน่น
องค์มรรคที่ ๑ สัมมาทิฏฐิ
๔. มรรค
แทรกเสริม ปฏิบัติ
ผลการแสดงปฐมเทศนา
บรรลุธรรมคือตายก่อนตาย
ใช้หลักอริยสัจคือเหตุผลดำเนินชีวิตประจำวันได้
ไม่เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์
สรุปอริยสัจสี่ เหลือสอง
๓. นิโรธ
แทรกเสริม เหตุ กับ ผล
๒. สมุทัย
แทรกเสริม อุปาทาน
สงฺขิตฺเตน ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา ทุกฺขา
ยมฺปิจฉํ น ลภติ ตมฺปิ ทุกฺขํ
ปิเยหิ วิปฺปโยโค ทุกฺโข
อปฺปิเยหิ สมฺปโยโค ทุกฺโข
โสกะ ปะริเทวะ อุปายาสะ
มรณมฺปิ ทุกฺขํ
แทรกเสริม ทุกข์ ๓
ชราปิ ทุกขา
๑. ทุกข์. ชาติปิ ทุกขา
แทรกเสริม
อริยสัจ ๔
กำเนิดเหล้า
ดื่มน้ำเมามีโทษหกอย่าง
อบายมุข ๖
๑๐. อุปสมานุสสติ
๙. อานาปานสติ
๘. กายคตาสติ
๗. มรณัสสติ
๖. เทวตานุสสติ
๕. จาคานุสสติ
๔. สีลานุสสติ
๓. สังฆานุสสติ
๒. ธัมมานุสสติ
๑. พุทธานุสสติ
อนุสสติ ๑๐ ประการ
อารัมภบทอนุสสติ
แทรกเสริม (สภาพจิตที่ถูกนิวรณ์ครอบงำ)
แทรกเสริม (สมาธิที่ถูกต้อง)
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (ต่อ) แก้พยาบาท
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (ต่อ) นิทานประกอบ
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (ต่อ) พยาปาทะ
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (ต่อ) กายคตาสติ
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (ต่อ) กามเกิด
แทรกเสริม กาม
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์โทษแก่ตัวเอง (นิวรณ์)
แทรกเสริม (นิวรณ์)
แทรกเสริม กรรม
สรุป
วิธีแก้โทสะ
วิธีแก้โลภะ
แทรกเสริม
แทรกเสริม อกุศลมูลต้องเห็นชัดด้วยปัญญา
สรุปรากเหง้าอกุศลมูล ๓
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์โทษแก่ตัวเอง(โทสะ โมหะ)
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์ (รากเง้าอกุศล)
แทรกเสริม อุปกิเลส
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์... (ต่อ) น+อัตตา
สิ่งที่เกิดขึ้นเพื่อทุกข์โทษแก่ตัวเรา (อกุศลมูล)
โลก
ตัวเราคืออะไร (จบ) ธัมมะสำหรับใช้
แทรกเสริม ไม่ใช่ตัวตน
แทรกเสริม อุปาทาน
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) อุปาทาน
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) สัญญาเกิด
แทรกเสริม เวทนา
แทรกเสริม อายตนะ+อารมณ์+วิญญาณ
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) เวทนาเกิด
แทรกเสริม วิญญาณ
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) วิญญาณ
แทรกเสริม สังขาร
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) สังขาร
แทรกเสริม สัญญา
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) สัญญา
แทรกเสริม เวทนา
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) เวทนา
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) จิต
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) ทวาร
ตัวเราคืออะไร (ต่อ) รูป
ตัวเรา คืออะไร (ต่อ)
แทรกเสริม สมมติ
ตัวเรา คืออะไร
แทรกเสริม
ทิฏฐุชุกัมม์
ธัมมเทสนามัย
ปัตติทานมัย
เวยยาวัจจมัย
อปจายนมัย
แทรกเสริม
ภาวนามัย
แทรกเสริม ภาวนา
กัลยาณธรรม ๕ คู่ กับ ศีล ๕
สีลมัย(ต่อ)
สีลมัย(ต่อ)
สีลมัย
บุญกิริยาวัตถุ จบ
บุญกิริยาวัตถุ
แทรกเสริม บุตร
บุคคลหาได้ยาก ๒ อย่าง จบ
บุคคลหาได้ยาก ๒ อย่าง ต่อ
บุคคลหาได้ยาก ต่อ
บุคคลหาได้ยาก ๒ อย่าง
อนาคตภัย ๕ ประการ
ศรัทธาเริ่มต้นให้แล้วไปจบที่ปัญญา
เจริญสมาธิตามวิมังสา
เจริญสมาธิตาหลัก วิริยะ จิตตะ
สมมุตินามตามท้องเรื่อง
เจริญสมาธิตามหลักฉันทะ
จิตตะ,วิมังสา
ฉันทะ, วิริยะ
อิทธิบาท
ลูกสาวมาร
กิเลสภายในไม่ใช่หมูอู๊ดอู๊ด
กิจในอริยสัจ
อปัณณกปฏิปทา(จบ)
อปัณณก-(ต่อ)
อปัณณก-(ต่อ)
อปัณณก-(ต่อ)
อปัณณก-(ต่อ)
อปัณณก-(ต่อ)
อปัณณก-(ต่อ)
อปัณณกปฏิปทา
สามัญลักษณะ (จบ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญ-(ต่อ)
สามัญลักษณะ
ดอกไม้ใจ
องค์มรรคที่ ๒ สัมมาสังกัปปะ
คราวนี้ ตัวต่อไปเรียกว่า องค์มรรคที่ ๒
องค์มรรคที่ ๒ สัมมาสังกัปปะ
แปลว่า ความคิดชอบ คิดอย่างไรเรียกว่าคิดชอบ ? คิดในการออกจากกาม ในการไม่เบียดเบียน ในอันไม่พยาบาท สัมมาสังกัปปะ คิด ๓ แบบ คิดออกจากกาม คิดไม่เบียดเบียนกัน คิดไม่พยาบาทใคร ความคิดอย่างนี้ เรียกว่า เป็นตัว
สัมมาสังกัปปะ
ตัว
สัมมาสังกัปปะ
อันแรก เรียกว่า คิดออกจากกาม กามเป็นสิ่งที่เรียกว่า เปือกตม เป็นหนาม เป็นเหมือนกับหัวฝี เป็นเหมือนกับลูกศรที่เสียบแทงใจ กามมันมีรสชาติอร่อยนิดหน่อย แต่ว่าทุกข์มันมากกว่านั้น ทุกข์มากว่าความอร่อย ความเพลิดเพลินในกามนั้น เป็นความอร่อยนิดหน่อย แล้วให้ทุกข์มากกว่านั้น ในการที่จะออกจากกามนี้ ต้องรู้เหมือนกัน รู้ว่ากามนี้มันมีรสชาติอย่างไร มีทุกข์อย่างไร แล้วก็ควรรู้ว่าจะออกจากมันได้อย่างไร. เราจะเบื่อหน่ายสิ่งใด จะออกจากสิ่งใด ต้อง
รู้จักมันอย่างละเอียด
จึงจะออกจากมันได้
ถ้าไม่รู้
ละเอียดคือไม่รู้ว่าอร่อยอย่างไร ? มีโทษอย่างไร ? เราออกไม่ได้ เพราะเราไม่รู้
เพราะฉะนั้น
จะต้องพิจารณาในเรื่องของกาม แต่สัมมาสังกัปปะนี้ต้องหมั่นพิจารณาโทษของกามคุณ พิจารณาให้เห็นว่ามันมีทุกข์มาก แต่ว่ามันมีสุขน้อย ไม่ใช่สุขมาก ทุกข์น้อย แต่มันทุกข์มากสุขน้อย เราจึงควรพิจารณาว่า มันให้ความสุขแต่เพียงเล็กน้อย แต่ว่าความทุกข์นั้นมากกว่า
ยกตัวอย่างให้เห็นง่ายๆ เช่นว่า เราคนครองเรือน ลองคิดดูในชีวิตครองเรือน ถ้าไม่มีปัญญาตามแบบธรรมะแล้ว เราจะมีความทุกข์มาก ความกังวล มีปัญหาเยอะแยะ แต่ถ้าเราใช้ธรรมะมันเบาเพราะเรารู้เท่ารู้ทันต่ออารมณ์นั้น พอจะแก้ปัญหาต่างๆได้ จิตใจจะได้สบาย
คราวนี้ ถ้าเราคิดมองเห็นว่า
กามคุณ
นี้เป็นเหมือน
หัวฝี
หัวฝีน่ะเป็นกันแล้ว เป็นอย่างไร เช่น เป็นที่สะโพก ยอดมันแหลมออกมาสุกปลั่งออกมา เรารู้สึกอย่างไร ค่อยๆ ประคับประคองมัน ค่อยๆนั่ง กลัวมันจะไปทับพ่อเจ้าประคุณนั้นเข้า จะนั่งก็ลำบาก จะนอนก็ลำบาก มันลำบากทั้งนั้นแหละ ไอ้เป็นฝีนี้ ถ้าเป็นที่จมูกชั้นยอดเลย ล้างหน้าเช้าๆ ต้องชักอ้อมมัน ล้างอ้อมมันเข้า กลัวไปแตะมันเข้า เรียกว่าเป็นเหมือนหัวฝี ต้องประคบประหงม กระทบนิดก็เจ็บ กระทบนิดก็ปวด ลักษณะของกามมันเป็นอย่างนั้น
กามคุณ
เป็นเหมือน
ลูกศร
ลูกศรนั้น มันมีลักษณะเสียบแทงๆ อยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดความเจ็บปวดรวดราวทางจิตใจ ทางความคิด ทางอารมณ์ นี่มันเป็นลูกศร กามน่ะมันเป็นลูกศรคอยเสียบแทง. ดูคนหนุ่มที่มัวเมาในกาม คิดถึงแฟนแล้วจิตใจมันเป็นอย่างไร มันแทงอยู่ตลอดเวลา นั่งก็ถูกแทงใจ นอนก็ถูกแทงใจ จะไปไหนมันก็แทงใจ อยู่ตลอดเวลาที่จะต้องไป มันเสียบแทงใจอยู่ตลอดเวลาที่จะไปหา พอไปหาแล้วก็สบายใจนิดหน่อย แต่พอจากมาก็เอาอีก ถูกแทงอีก อย่างนี้ เรียกว่าเหมือนถูกจี้สีข้าง พูดง่ายๆว่าอย่างนั้น ถูกจี้สีข้าง คิดอยู่ตลอดเวลา มันไม่มีความสุขใดขึ้นมาดอกเหมือนลูกศร เป็นเหมือนหัวฝี นี่เขาเปรียบไว้อย่างนั้น
เขาเปรียบ
กามคุณ
เป็นเหมือน
สุนัขแทะกระดูก
อันนี้ฟังแล้วมันก็สำคัญหน่อย สุนัขแทะกระดูก เรามีกระดูกไก่ กระดูกเป็ด กระดูกหมู ก็ตามใจ กินเนื้อให้หมด เสร็จแล้วโยนไปไม่มีแล้ว ไม่มีเนื้อสักหน่อย แต่ว่าสุนัขมันก็เอาไปแทะอยู่นั่นแหละ ไม่ปล่อยเลย คาบไปเรื่อยไป นอนแทะเรื่อยไป มันอร่อยอะไร ? น้ำลายตัวมันเองแท้ๆ น้ำลายออกมาแล้วก็กลืนลงไปเสียหน่อย นี่เขาเรียกว่าอร่อยน้ำลายตัวเอง
กามคุณ
ก็เหมือนกับกระดูกที่สุนัขแทะ สุนัขแทะกระดูกอะไรอย่างนั้น ทุกข์มันมาก สุขมันน้อย ถ้าคิดดูให้ดีนะ แต่ว่าเรากระโจนเข้าไปแล้วไม่รู้ทำอย่างไร
เราก็อยู่ด้วยปัญญา
ให้รู้เท่าทันของสิ่งเหล่านี้ คล้ายๆกับเรากินปลามันมีก้าง เราต้องกินด้วยความระมัดระวัง อย่าให้ก้างมันแทงคอเรา เลือกเอาก้างออกเสีย กินแต่เนื้อปลา อย่าให้มันเกิดความทุกข์ ว่าเราต้องไปเดินไปที่โคลนตม ต้องเดินค่อยๆ ไม่ให้โคลนตมมันแตกเปรอะแข้งขา
เพราะฉะนั้น
อยู่ในโลก อยู่ด้วยครอบครัว
ก็ต้องระมัดระวังทุกแง่ทุกมุม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมาในชีวิต ทีนี้เกิดมีปัญหาอะไรขึ้นมา ก็ใช้ปัญญาแก้ไขให้ทันท่วงที ต้องรู้สาเหตุของมันแล้วก็ตัดเหตุ ผลจะไม่ปรากฏ ผิดแล้วจำไว้เป็นครู จะไม่ให้ผิดอย่างนั้นต่อไป อันนี้คิดเรื่องการแก้ไข สิ่งทั้งหลายก็จะเป็นไปในทางที่ถูกที่ชอบ เรื่องกามท่านพิจารณาอย่างนี้ เรียกว่า คิดในการออกจากกาม
คราวนี้
สัมมาสังกัปปะ
ข้อคิดในการไม่เบียดเบียนใคร คิดไม่เบียดเบียนใคร ก็หมายความว่า คิดในทางตรงกันข้าม แง่ตรงกันข้ามกับการเบียดเบียน ก็คือการให้อภัยอย่างหนึ่ง การมีเมตตาต่อกัน เมตตาปรานีต่อกัน อย่าขึ้งเคียดเกลียดชังใครๆ เมื่อแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงมีความสุข อย่ามีเวร อย่ามีภัย อย่าประทุษร้ายแก่กันและกันเลย อย่างนี้เป็นเรื่องที่ถูกที่ชอบ เรื่องที่ควรจะได้คิดบ่อยๆ ปฏิบัติในมรรคมีองค์ ๘ ในข้อสัมมาสังกัปปะข้อนี้ ต้องอยู่ด้วยความเมตตา อยู่ด้วยน้ำใจเมตตา เห็นอะไรใครมาก็ตาม แผ่เมตตา หัดแผ่เมตตา เห็นคนก็แผ่เมตตา เห็นสัตว์ก็แผ่เมตตา ไม่เห็นใครก็ส่งกระแสจิตออกไปรอบทิศ เพื่อชาวโลกทั้งหลายอยู่เย็นเป็นสุข อุทิศว่าขอให้ชาวโลกทั้งอยู่เย็นเป็นสุข อย่ามีเวร อย่ามีภัยกันเลย อย่างนี้บ่อยๆ เรียกว่า คิดในการไม่เบียดเบียนใคร คนที่คิดเบียดเบียน ใจมันเหี้ยมอยู่ตลอดเวลา เรียกในธรรมะว่ามีปฏิฆะ
ปฏิฆะ
ก็คืออารมณ์ที่ดุร้าย คล้ายๆ กับคนเดินบนถนนลูกรัง ลูกกรวด เดินแล้วมันกระย่องกระแย่งอยู่ตลอดเวลา เดินไม่เรียบร้อย จิตที่มีปฏิฆะก็อย่างนั่น กระทบนั่นกระทบนี่อะไรอย่างนั้น อะไรกระทบก็ฟูขึ้นอยู่ตลอดเวลา ไม่มีความสงบใจ ไม่มีความเย็นใจสบายใจแม้แต่น้อย มีเรื่องกระทบกระทั่งอยู่บ่อยๆ ที่เราเรียกกันว่าหงุดหงิด คนอารมณ์หงุดหงิดนั้น ทางภาษาพระท่านเรียกว่า มี
ปฏิฆะ
หมายความว่ากระทบเรื่อย เหมือนกับคนเดินบนหนาม นอนบนหนาม สะดุ้งตลอดเวลา แล้วมันจะเป็นสุขที่ตรงไหน คนเราถ้าคิดจะเบียดเบียนแล้วมันก็ไม่เป็นสุข เพราะฉะนั้น หลักการทางพระพุทธศาสนา จึงถือว่า
อัพยาปัชฌัง สุขัง โลเก
การไม่เบียดเบียนกันเป็นสุขในโลก มหาตมะคานธีแก่ถือว่า
อะหิงสา ปะระโม ธัมโม
อหิงสาคือการไม่เบียดเบียนกันนั่นแหละ คือบรมธรรม
ความไม่เบียดเบียน
นี่มันกว้างนะ เราคิดแล้วมันกว้าง เบียดเบียนตนนี่ก็ไม่ได้ เบียดเบียนคนอื่นนี่ก็ไม่ได้ คนบางคนเบียดเบียนตนเอง การเบียดเบียนตนเอง ก็คือการ
ปล่อยใจไปในความชั่ว
ก็เป็นการเบียดเบียนตนเอง เช่น
ชอบดื่มสุราเมรัย
นี่ก็เบียดเบียนตนเอง
แล้วสูบฝิ่น สูบกัญชา สูบเฮโรฮีน เสพยาบ้า
ฯลฯ
เบียดเบียนตนเอง
ไป
เล่นการพนัน
นี่ก็เบียดเบียนตนเอง
ไปเที่ยวกลางคืน
ก็เบียดเบียนตนเอง
คบคนชั่วมาเป็นเพื่อน
ก็เบียดเบียนตนเอง
เกียจคร้านการงาน
ก็เบียดเบียนตนเอง เบียดเบียนตนเองก่อน เมื่อเบียดเบียนตัวเองแล้ว
มันหนีไม่พ้น ต้องเบียดเบียนคนอื่นด้วย ต้องเบียดเบียนพ่อแม่ ทำให้พ่อแม่ต้องเดือดร้อนด้วย เช่น เด็กหนุ่มที่เบียดเบียนตัวเองนี่ ประทุษร้ายต่อตัวเองด้วยการดื่มของมึนเมา สูบเสพของมึนเมา สนุกสนานเอาสตางค์ที่ไหนมาใช้ ก็ต้องไปแบมือขอแม่ ขอดีๆไม่ได้ เดี๋ยวก็พูดจาหยาบคาย หนักเข้าก็ลงไม้ลงมือทุบตีแม่ ทำให้คุณแม่กระทบกระเทือนจิตใจ เป็นลูกเนรคุณถ่มน้ำลายรดฟ้า อย่างนี้ มันก็ไม่ไหว สร้างความทุกข์ให้แก่คนในครอบครัว ในเพื่อนบ้าน บ้านใกล้เรือนเคียงกระทบไปหมด ทำให้สังคมวุ่นวาย ทำให้สังคมเดือดร้อน นี่ก็คือการเบียดเบียนตนทั้งนั้น เป็นเรื่องเสียหาย
แม้คนที่ประพฤติผิดบางอย่าง เช่น คอร์รัปชั่นในวงงานราชการ ก็เป็นการเบียดเบียนตน เบียดเบียนผู้อื่นให้เกิดความเสียหาย คนที่ไม่คิดเบียดเบียนใครนั้น มันเป็นคนดี ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ เป็นคนดีไปทั้งนั้น จะทำอะไร จะพูดอะไร จะคิดอะไร ก็มีเมตตากำกับอยู่ตลอดเวลา มีสาราณิยธรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง ในสาราณิยธรรม ๖ ว่า คิดด้วยเมตตา พูดด้วยเมตตา ทำด้วยเมตตา ปรารถนาแต่ความสุขความเจริญแก่คนอื่นอยู่ตลอดเวลา อย่างนี้ก็เรียกว่าเป็นสัมมาสังกัปปะ คือไม่คิดเบียดเบียนใคร มันต้องหัดคิด หัดนึก หัดพูด หัดทำ ในการที่จะไม่เบียดเบียนใครให้เดือดร้อน.
ฯลฯ
จิตใจที่อยู่ด้วยความคิดออกจากกามก็ดี ออกจากความเบียดเบียนก็ดี ออกจากความพยาบาทก็ดี เป็นความคิดชอบ แล้วทำให้เรามีใจสงบเยือกเย็น.
ธรรมะเป็นสิ่งที่ทวนกระแสความคิดปุถุชนคนสามัญ เป็นของจริง แต่มันสวนความรู้สึกของคน ซึ่งไม่ง่ายเลยจริงๆ
"ธรรม เราลุถึงโดยยาก เวลานี้ ไม่ควรประกาศ, ธรรมนี้ มิใช่สิ่งที่สัตว์ผู้ถูกราคะโทสะครอบงำ จะรู้เข้าใจได้ง่าย สัตว์ทั้งหลายผู้ถูกราคะย้อมไว้ ถูกกองอวิชชาห่อหุ้ม จักไม่เห็นภาวะที่ทวนกระแส ละเอียดอ่อน ลึกซึ้ง เห็นยาก ละเอียดยิ่งนั้น"
(วินย.4/7/8; ม.มู.12/321/323)
"ธรรมที่เราได้บรรลุแล้วนี้ เป็นของลึกซึ้ง เห็นได้ยาก รู้ตามได้ยาก ฯลฯ สำหรับหมู่ประชา ผู้เริงรมย์ รื่นระเริงอยู่ในอาลัย ฐานะอันนี้ ย่อมเป็นสิ่งที่เห็นได้ยาก กล่าวคือ หลัก
อิทัปปัจจยตา ปฏิจจสมุปบาท
แม้ฐานะนี้ ก็เห็นได้ยากนัก กล่าวคือ ...
นิพพาน
"
(วินย.4/1-7/1-8)
Create Date : 25 สิงหาคม 2565
Last Update : 27 มกราคม 2567 15:00:10 น.
0 comments
Counter : 365 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [
?
]
Webmaster - BlogGang
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
Bloggang.com