|
|
บุคคลหาได้ยาก ๒
วันนี้ มาพูดต่อไปถึงเรื่อง บุคคลหาได้ยาก ๒ อย่าง คือ บุพพการี - บุคคลผู้ทำอุปการะก่อน, กตัญญูกตเวที - บุคคลผู้รู้อุปการะที่ท่านทำแล้วและตอบแทน.
บุคคล ๒ จำพวกนี้ เรียกว่า หาได้ยาก คือ ไม่พร้อมกัน บางที มีบุพพการี แต่ว่า ขาดกตัญญูกตเวที โดยมากมักจะขาดอันหลัง อันแรก มักจะมี ขาดอันหลัง เช่น มารดาบิดา นี่เป็นบุพพการี ครูบาอาจารย์ก็เป็นบุพพการี หรือว่าคนใดคนหนึ่งที่มีน้ำใจดีงาม มีความเมตตา ปรารถนาความสุขความสบายแก่คนอื่น แล้วได้กระทำอะไรลงไปแก่บุคคลผู้นั้น ผู้นั้น ชื่อว่าเป็นบุพพการี แปลว่า ผู้กระทำก่อน หรือผู้อุปการะ
ที่นี้ เมื่อมีอุปการะแล้ว ปฏิการะ คือ การกระทำตอบมันน้อย ไม่ค่อยจะเกิด เช่น บุตร ธิดา บางทีเฉยๆ กับ พ่อแม่ ไม่ได้สำนึกในบุญคุณว่าพ่อแม่ได้กระทำคุณแก่ตนอย่างนั้นอย่างนี้ นึกไม่ค่อยได้ ที่นึกได้อยู่บ้างก็นึกจะเอาท่าเดียว ที่เข้าใกล้อยู่นั้น ก็จะเอานั่นเอานี่จากคุณพ่อคุณแม่ ถ้ามีเรื่องเอา-ได้ อยู่ละก็มักจะเข้าใกล้เอาใจใส่ แต่พอหมดเรื่องที่จะเอาแล้วก็มักจะเฉยๆ ไม่ค่อยจะสนใจ อย่างนี้เรียกว่า ขาดน้ำใจ ไม่มีความกตัญญูกตเวที ต่อผู้ที่ใด้กระทำคุณแก่ตนไว้ ยิ่งกับครูบาอาจารย์ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ คือเมื่อผ่านพ้นไปแล้วก็หมดเรื่องกัน ไม่ค่อยจะได้นึกถึง แล้วเข้าใกล้แสดงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เขาเรียกว่า ขาดความกตัญญูกตเวที
ผู้มีอุปการะ แต่ว่าขาดคนที่จะกระทำตอบ เพราะฉะนั้น จึงชื่อว่า หายาก เพราะมันไม่ค่อยตรงกัน นานๆ จะมีตรงกันสักรายสองราย ความจริง มันเป็นอย่างนั้น ทีนี้ ท่านวางหลักนี้ไว้ก็เพื่อจะเป็นเครื่องเตือนให้เราทั้งหลายที่อยู่ในสังคมโลก “อย่าทำให้หายาก แต่ทำให้หาง่าย”
“การทำให้หาง่าย” นั้น ก็คือว่า ต้องมีน้ำใจกตัญญูกตเวที ต่อผู้ที่ได้กระทำคุณแก่ตน ผู้ที่ทำบุญคุณแก่เรานั้น มีเป็นคู่ๆ เริ่มต้นก็ด้วย มารดาบิดา มารดาบิดานี่เป็นคู่แรก ที่ทำบุญคุณแก่เราอย่างยิ่งใหญ่ เพราะว่าเราเกิดจากมารดาบิดา มารดาบิดานั้น ได้ชื่อว่าชนก ชนนี หมายความว่า ผู้ให้เกิดแล้วก็ไม่ใช้ให้เกิดมาเฉยๆ ยังเป็นผู้เลี้ยงดูเอาใจใส่ทั้งกายใจ ให้เราเติบโตขึ้น ให้ศึกษาเล่าเรียน หางานให้เราทำ มองเงินให้ในเวลาที่เราต้องการแบ่งทรัพย์สมบัติให้ตั้งเนื้อตั้งตัวได้ เป็นหลักเป็นฐาน แล้วก็ยังมอบมรดกให้ในเวลาที่ควรมอบให้ด้วย อันนี้ นับว่าบุญคุณเหลือหลายที่มีต่อเรา
เราอย่าคิดให้มันเขวอย่างคนสมัยใหม่บางคน ไม่ใช่ทั่วไป คือคิดว่าพ่อแม่ไม่มีอะไรกับเราดอก มันเป็นเรื่องธรรมชาติ ท่านเสพกันสนุกกันไปตามเรื่อง แล้วเรานี้มันเป็นผลพลอยได้ที่ออกมาเท่านั้นเอง คิดอย่างนั้น มันเป็นวัตถุมากไปหน่อย เขาเรียกว่าวัตถุนิยมจัดไปหน่อย ไม่ได้คิดถึงน้ำใจของพ่อแม่ พ่อแม่น่ะได้เรื่องสนุกเป็นของธรรมดา มนุษย์เรามันก็ต้องมีเสพกามมันเป็นเรื่องธรรมดา แต่ว่าโดยส่วนลึกในทางจิตใจแล้ว พ่อแม่มีความปรารถนาที่จะมีบุตร ทำไมท่านจึงต้องการมีบุตร ? สำคัญที่สุดก็เพื่อสืบสกุล เพื่อรับมรดกตกทอดของท่านต่อไป เพื่อจะได้ดูแลท่านต่อไป เพื่อจะได้ดูท่านเวลาเจ็บไข้ได้ป่วย เช่น แก่ชราลงก็จะได้อาศัยลูกเต้า ช่วยเลี้ยงดูตามสมควรแก่ฐานะ แม้ตายไปแล้ว ท่านก็ยังหวังว่าลูกจะได้อุทิศส่วนบุญไว้ให้ อันนี้เป็นความหวังของพ่อแม่ ที่อยากจะมีบุตรธิดา ไม่ใช่ท่านสนุกกันเฉยๆ แล้วเราก็หลุดออกมา ไม่ใช่อย่างนั้น เป็นความตั้งใจที่จะให้เกิดบุตร จะเห็นว่า คนบางคนแต่งงานกันแล้วไม่มีบุตรสืบสกุลออกมา ก็เป็นทุกข์เป็นร้อนไม่สบายใจ
ในอินเดียเขาจึงมีนรกอยู่ขุมหนึ่ง เขาเรียกว่า ปุตตนรก ครอบครัวใดไม่มีบุตร เรียกว่าตกนรกขุมนี้ ปุตตนรก ก็คือร้อนอกร้อนใจเพราะบุตรนั่นเอง คือไม่มีมันก็ไม่สบายใจ ไม่มีความหวังในการทำงาน ไม่รู้จะทำไปทำไม ทำแล้วจะให้ใครดูแลรักษาต่อไป ทำแล้วจะให้แก่ผู้ใด นี่เป็นความวิตกกังวลในจิตใจของพ่อแม่ คือว่าเมื่อไม่มีบุตร ก็เรียกว่า ตนนรกขุมนี้ แต่พอมีบุตรขึ้นมาท่านก็สบายใจว่าเรามีทายาท เรามีผู้รับมรดกที่จะดูแลทรัพย์สมบัติของเราต่อไป ท่านก็พ้นจากนรกนี้ไป
ในบางคน เมื่อไม่มีบุตรไว้สืบสกุลก็ไปเที่ยวหา. ทำอย่างไร ? ก็ไปเที่ยวบนบานศาลกล่าวไหว้นั่นไหว้นี่ ขอร้องให้มีลูกกับเขาสักคนเถอะ ว่าอย่างนั้นเถอะ ที่วัดในไชยา เขาเรียกว่า วัดพังจิก อยู่ที่สวนโมกข์เก่า มีโบสถ์ร้างอยู่ แล้วก็มีพระพุทธรูปองค์หนึ่ง คนไปกราบไหว้อยู่เสมอ เขาบอกว่าหลวงพ่อองค์นี้สำคัญนัก ใครไม่มีลูกก็ไปไหว้ขอลูกได้ เพราะฉะนั้น มีคนที่ไม่มีลูกไหว้กันเสมอ ไปจุดธูปจุดเทียนบูชา บนบานศาลกล่าว แล้วต่อมาก็มีลูก เมื่อมีลูกก็เอาลูกไปถวาย นี่ลูกหลวงพ่อที่มาขอไว้วันนั้น เอามาให้ดูแล้ว ขอให้ลูกมีความสุขความสบายต่อไป นี่เป็นตัวอย่าง
พ่อแม่เปรียบเหมือนกับพระพรหม เปรียบเหมือนกับบุรพาจารย์ เปรียบเหมือนกับพระอรหันต์ของลูก ท่านว่ายังงั้น
Create Date : 30 พฤษภาคม 2565 |
Last Update : 18 มกราคม 2567 18:16:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 433 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|