กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กันยายน 2565
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
26 กันยายน 2565
space
space
space

๓.ไม่ถือมงคลตื่นข่าว



    ประการที่ ๓ ไม่ถือมงคลตื่นข่าว เชื่อกรรม ไม่เชื่อมงคลตื่นข่าว ในหนังสือนวโกวาท ก็ว่า ไม่ควรเชื่อมงคล มันควรเติม ตื่นข่าว ลงไปด้วย  มงคลน่ะมันดีนะ มงคลในพระพุทธศาสนาก็มี มงคลตื่นข่าวหมายถึงอะไร ?    หมายถึง  ถือโชคลาง   เช่น  ตื่นเช้ามาได้ยินเสียงตุ๊กแกร้อง ร้องเท่านั้นดี   ร้องเท่านี้ไม่ดี   ร้องเท่านั้นมีลาภ   ร้องเท่านี้มีคนมาหา  นี่ก็มงคลตื่นข่าว. หรือว่าทำไอ้นั่นดี  ไอ้นั่นไม่ดี  เกี่ยวกับวัตถุประเภทต่างๆ เช่นว่า ไม้นั้นเอามาไว้กับตัวดี แขวนไว้แล้วจะป้องกันภัยอันตราย แก่นไม้กาฝาก

ยกบ้านสร้างเรือนเราเคยเห็นไหม  มงคลตื่นข่าว   เขาแขวนมะพร้าวไว้ผลหนึ่ง  ต้นกล้วยต้นอ้อย อันนี้ เขาไม่แขวนให้เป็นมงคลตื่นข่าว   แต่เป็นปริศนาธรรม คือ บอกว่า ปลูกบ้านแล้วก็ให้ปลูกอ้อย ปลูกกล้วย   ปลูกมะพร้าวด้วย  มันจะได้กินทีหลัง   ไม่เข้าใจปริศนาธรรม  เอามาแขวนไว้จนเหี่ยวตายไปหมด กล้วยก็ตาย มะพร้าวก็ตาย มันไม่ถูกเรื่อง แขวนเวลายกเสา  ยกเสาแล้วเอาลงมาไปปลูกไว้ซี่ กล้วยก็ปลูกไว้ อ้อยก็ปลูกไว้ ไม่เท่าไรก็ได้กินแล้ว
ที่กุฏิ ๒ ชั้นที่หลังสูง    คุณเจ้าของแกถือโชคลาง   ไม่ได้หล่อเสาดอก  ยกโครงเหล็กขึ้น เอากล้วยเอาอ้อยมาผูกไว้   ผมไปเห็นเข้า เออ ดี คุณนายคุณหญิง ประเดี๋ยวก็ปลดลงมาปลูกไว้ตรงนี้นะ  เวลานี้ จะได้กินแล้ว กล้วยจะได้กินแล้ว  ออกเครือแล้ว จวนจะได้กินแล้ว เขามุ่งจะให้ทำอย่างนั้น มันจะเจริญงอกงามอย่างไร


   อีกอย่างหนึ่ง   ที่เราเห็นแต่งงานแต่งการอะไร   วันนั้นผมเห็นเด็กหนุ่มคนหนึ่งมาวิ่งวุ่นอยู่ตอนเย็น ถามว่าใบเงินใบทองที่นี่มีไหมครับ   บอกว่า ที่ริมรั้วกรมชลฯ มี จะเอาไปทำอะไรกัน เขาจะแต่งงานกัน
การที่จะแต่งงาน  ชีวิตครองบ้านครองเรือนน่ะมันต้องมีเงินมีทองด้วย ต้องหาเงินหาทองให้มีพอใช้ จึงจะอยู่สบาย  ถ้าไม่หาเงินหาทอง มันไม่ได้เรื่อง เขามุ่งอย่างนั้น นี่เอามาพรมน้ำมนต์เฉยๆ ไม่ชี้แจงแนะแนวทางให้เขาเข้าใจ ต้องอธิบายให้เข้าใจ
เมื่อไปในงานแต่งงาน   หลวงพ่อต้องเทศน์ให้เขาเข้าใจทุกราย  บอกให้รู้ว่า การพรมน้ำมนต์นี้แหละ   มันไม่สำคัญอะไรดอก  พรมไปตามหน้าที่ที่เขาเคยทำ  ส่วนน้ำ น้ำในขันนี้ เขาเตือนใจว่า เราทั้งสองคนต้องอยู่กันเหมือนน้ำ น้ำมันแยกกันไม่ออก มันอยู่ในภาชนะเดียวกัน น้ำนี้ เป็นเครื่องชำระ น้ำนี้เย็น ต้องอยู่กันอย่างเย็นๆ ความชั่วของเราอย่าให้มันเกิดขึ้นทั้งสองฝ่าย
ใบเงินใบทองนี้  เขาบอกให้หาเงินมาใช้เมื่อแต่งงานกัน  ขี้เกียจไม่มีอะไรจะกิน กินไอ้นั่นอย่างเดียวน่ะมันอยู่กันไม่ได้ 2 สอนก็หัวเราะกันหน่อย  110
ต้องเทศน์ว่า  เขาทำเพื่ออะไร ?   เขาให้จุดธูปพร้อมกัน   จุดเทียนพร้อมกัน คือ สอนให้สามัคคีมีใจเป็นอันเดียวกัน   ทำอะไรทำพร้อมกัน ถือทำพร้อมกันทุกอย่าง   แต่ต้องทำดีนะ  ถ้าเล่นไพ่พร้อมกัน  กินเหล้าพร้อมกัน  ฉิบหายนะ   มันต้องสอนอย่างนั้น
เจ้าบ่าวเจ้าสาวจึงจะได้พอรู้เรื่องบ้าง  จึงจะได้ประโยชน์ในการนิมนต์พระไปที่บ้าน นี่แหละ พิธีรดน้ำพรมน้ำมนต์   ทำไปตามเรื่อง   อย่าไปทำอย่างเดิม   เป็นมงคลตื่นข่าว เราต้องแถมนิดหน่อย สอนให้เขารู้เรื่อง จึงจะไม่เป็นมงคลตื่นข่าว


   เรื่องอื่นยังมีอีกเยอะแยะ มงคลตื่นข่าว เช่น เชื่อโชคลาง ฤกษ์ยาม ก็เป็นมงคลตื่นข่าว  ในเรื่องฤกษ์ยามนี้  พระพุทธเจ้าท่านว่าอย่างไร ?   ท่านบอกว่า  ผู้ใดประพฤติดีในตอนเช้า ตอนเช้าฤกษ์ดี
ประพฤติดีตอนสาย ตอนสายฤกษ์ดี
ประพฤติดีตอนเที่ยง เที่ยงฤกษ์ดี
ประพฤติดีตอนบ่าย บ่ายดี
ประพฤติดีตอนเย็น   ตอนเย็นดี.  ผู้ใดประพฤติชั่วตอนเช้า   ตอนเช้าก็ชั่ว  ชั่วเรื่อยไป เวลาไม่สำคัญ  สำคัญอยู่ที่การกระทำ  ทำดีเวลาใด เวลามันก็ดีไปด้วย  ทำชั่วเวลาใด เวลาก็พลอยชั่วไปกับเรา


   ลำพังเวลาแท้ๆ   เขาว่า  “อัพยากะตะ”   เวลาไม่ดี ไม่ชั่ว เช้า สาย บ่าย เย็น มันไม่ชั่ว อาทิตย์ จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสบดี ศุกร์ เสาร์  มันไม่ชั่ว  เพียงสมมติให้เรียกง่ายขึ้น  จึงเรียกว่า อาทิตย์ จันทร์ ฯลฯ  ถ้าไม่ตั้งชื่ออย่างนี้  จะเรียกอย่างไร   วันนั้น  วันนี้   มันพูดยาก  จึงต้องสมมติไว้  เช้า สาย บ่าย เย็น ก็ไม่ดี ไม่ชั่ว  มันดี ชั่ว อยู่ที่อะไร ?   อยู่ที่การกระทำ   เราทำดี เวลามันก็พลอยดีกับเรา  ความจริงมันเป็นอย่างนั้น

มีพระพุทธดำรัสตรัสไว้   “นกฺขตฺตํ ปฏิมาเนนฺตํ อตฺโถ พาลํ อุปจฺจคา อตฺโถ อตฺถสฺส นกฺขตฺตํ กึ กริสฺสนฺติ ตารกา - คนพาลมัวไปดูดวงดาวดูเดือนอยู่  ประโยชน์ก็ผ่านพ้นไปเสีย  ประโยชน์เป็นฤกษ์อยู่ในตัวแล้ว   ดวงดาวในท้องฟ้าจะช่วยอะไรได้”   ท่านว่าอย่างนั้น  มัวไปคำนวณเดือนดาว ประโยชน์มันผ่านพ้นไป.   เรือเข้ามาเทียบท่า   เราต้องไปติดต่อซื้อสินค้าทันที จำไว้ พอเรือเข้าท่ามัวไปวิ่งหาหลวงพ่อซื้อดีไม่ดีเที่ยวนี้   เพื่อนเอาไปกินเสียแล้ว  พอหลวงพ่อบอกว่าซื้อดี  กลับมาไม่ทัน   เพื่อนมัดจำเอาไปหมดแล้ว  ประโยชน์มันผ่านไปเสียแล้ว เพราะมัวไปนับดาวนับเดือนอยู่   เรือเข้าเป็นประโยชน์อยู่ในตัวแล้ว  ข้าวสุกเกี่ยวได้   เกี่ยวทันที   ลาภมาถึงแล้ว  ต้องเอาทันที นับเป็นฤกษ์ดีอยู่ในตัว   มัวไปนับดาวนับเดือน มันก็ผ่านพ้นไปเสีย

   
   คนถือโชคถือลาง ทำให้เกิดความชักช้า เสียเวลา พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ถืออย่างนั้น ไม่ให้ถือฤกษ์ถือยาม   เรื่องนี้มีคนถามว่า   เจ้าคุณเป็นพระผู้น้อย  มาพูดไม่ให้ถือฤกษ์ถือยาม ชั้นพระผู้ใหญ่ยังไปดูหมอ   ผมตอบอย่างไร   ผมกระซิบเบาๆ พระผู้ใหญ่ก็ยังโง่ได้เหมือนกัน อย่านึกว่าเป็นพระผู้ใหญ่แล้วแล้วจะฉลาดยอดคนไปเมื่อไร   เขาให้เป็นเท่านั้นแหละ  แต่จิตใจยังโง่ได้เหมือนกัน   ไม่ฉลาดเสมอไป   ไปดูหมอไม่ฉลาดดอก   ยังโง่อยู่   ยังมีอวิชชาครอบงำจิตใจอยู่ เราไม่ถืออย่างนั้น  เราถือว่าทำดีได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว เป็นเรื่องสำคัญ สุขทุกข์อยู่ที่เรา เสื่อมไม่เสื่อมก็อยู่ที่เราทำเหมือนกัน   เจริญก็อยู่ที่เราทำ  อะไรๆมันก็เกิดขึ้นจากเรากระทำทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับฤกษ์ยาม


 


 



Create Date : 26 กันยายน 2565
Last Update : 27 กันยายน 2565 6:51:26 น. 0 comments
Counter : 381 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space