ประการที่ ๗ สุดท้าย ปุคคลปโรปรัญญุตา รู้จักบุคคล. อันนี้ รู้จักประชุมชนที่รวมเป็นหมู่เป็นสมาคมไม่พอ ต้องรู้จักเฉพาะคนอีก ว่าคนนั้นมีอะไรเป็นอะไร เราจะไปหาใครมันต้องศึกษาเสียก่อน สมมติว่า เราจะไปธุระจะไปหารัฐมนตรีคนนั้น ต้องศึกษาเที่ยวไต่ถาม มีหนังสืออะไรเกี่ยวกับคนนั้นบ้าง เอามาอ่านสืบประวัติ รสนิยมงานอดิเรกชอบอะไร คนนั้นชอบเล่นกล้วยไม้ หรือชอบเล่นบอน เล่นตะโก เล่นดอกกุหลาบ หรือชอบเล่นของตัวน้อยๆ ต้องรู้เขาชอบอะไร รู้แล้วได้ประโยชน์อะไร รู้แล้วได้คุยให้มันถูกเหลี่ยม คนเราจะไปติดต่อธุรการงานมันต้องรู้ว่า คนนั้นเป็นคนอย่างไร ชอบอะไร ชอบธรรมะหรือชอบของเล่นประเภทไหน งานอดิเรกเขาเป็นอย่างไร ไอ้เรื่องงานประจำวันอย่าไปพูดเลย ปวดหัว ต้องพูดเรื่องงานอดิเรกกับเขา เช่นเขามีงานอดิเรก ชอบเล่นอะไร เราไปถึงคุย เตรียมตัวไปสำหรับที่จะใช้ไปคุยกับเขา เขามีลูกกี่คนก็ต้องรู้ด้วย ลูกคนไหนชอบเล่นอะไร สมมติว่าลูกชายเขาชอบแสตมป์ เราไปหาเขา เอาแสตมป์ไปสักดวงสองดวง เอาไปฝาก นั่นแหละวิธีผูกมิตร พอไปถึงก็คุยๆ เออผมมีแสตมป์มา เป็นแสตมป์ต่างประเทศ ได้ทราบว่าลูกชายของท่านชอบเรื่องนี้ ผมเอามาฝาก พ่อสบายใจ พ่อกับแม่นี่เราอย่าไปชมเขาเลย ชมลูกเขาแล้วมันกระทบไปเอง เพราะลูกเป็นที่รักของพ่อแม่ ถ้าเราไปชมลูกก็เหมือนกับชมพ่อแม่นั่นแหละ อย่าไปชมพ่อแม่เลย ชมลูกเขาแล้วกันมันดีกว่า เพราะฉะนั้น พวกเจ้าชู้เขาบอกว่า แม่หม้ายลูกติดนี่เกี้ยวง่ายกว่า เขาว่าอย่างนั้น ทำไมจึงเกี้ยวง่าย คือไปติดต่อกับลูก รับลูกมาอุ้มบ่อยๆ พออุ้มแล้วก็หอมลูก ตามันดูไปที่แม่ ไม่เท่าใดก็เดี๋ยวก็เกิดตาต่อตาประสานกัน เธอกับฉันพอพูดกันได้ ไปกันใหญ่ ว่าอย่างนั้น ไอ้นี่เป็นอุบาย เขาเรียกว่าอุบายผูกมิตรจูงใจคน
เราต้องเข้าใจเราไปหาใครเราต้องศึกษา คุยให้เกิดความร่าเริง ให้เกิดความสบายใจ แล้วค่อยพูดเรื่องงานเรื่องการ ไม่ใช่ไปถึงก็เอางานกันเลย มันไม่ได้ มันต้องคุยให้เกิดความคุ้นเคย เขาเรียกว่าสัมโมทนียกถา ภาษาพระเขาเรียกว่า “สัมโมทนียกถา” หมายความว่า พูดให้ร่าเริง ให้เบิกบาน ให้สดชื่นกันก่อน แล้วก็พูดเรื่องงานเรื่องการ แล้วมันก็คล่องละ
นี่เป็นเรื่องสำคัญ นี่ลักษณะของคนดี สัปปุริสธรรม จำง่ายๆว่า รู้เหตุ รู้ผล รู้ตน รู้ประมาณ รู้เวลา รู้บุคคล รู้ประชุมชน เหตุ ผล ตน ประมาณ กาล ประชุมชน บุคคล เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิตประจำวันที่เราจะต้องใช้ แล้วเราจะไปหาใครต้องเอาไอ้นี่เป็นเครื่องวัดว่า คนคนนั้นเขามีคุณธรรมเหล่านี้หรือเปล่า เป็นคนดีที่ควรคบหรือเปล่า สัตบุรุษหรือเปล่า ถ้าเป็นคนดีเราก็เข้าใกล้ เราเข้าใกล้ ไม่ใช่เข้าใกล้อย่างเพื่อนนะ เข้าใกล้อย่างศิษย์ อย่างผู้น้อย อ่อนเข้าไปฝากเนื้อฝากตัว เพื่อให้ท่านได้แนะนำพร่ำเตือน คนเรามันต้องรู้จักฝากเนื้อฝากตัว ไปทำงานกับใครที่ไหนนี่ต้องไม่ใช่ว่าไปถึงรับงานแล้ว ทำเรื่อยไป ไม่ได้ มันต้องประจบเหมือนกัน ประจบมันไม่เสียหาย ไอ้สอพลอมันใช้ไม่ได้ เขาเรียกว่าประจบสอพลอ ประจบนี่ดี สอพลอนี่ใช้ไม่ได้ คนสอพลอมันพวกหน้าไหว้หลังหลอก พวกคิดแต่จะได้ เขาเรียกว่าพวกสอพลอ ต่อหน้ายกมือไหว้ พอลับหลังไปแล้วทำท่าจะต่อยหัว พวกสอพลอหน้าไหว้หลังหลอก กลับหลอกไม่ดี ประจบนี่ หมายความว่า เกิดความคุ้นเคยกัน เช่น เราเป็นผู้น้อยต้องประจบผู้ใหญ่ หมายความว่า ให้เกิดความคุ้นเคย ให้ท่านนึกชื่อเราออกบ้าง เวลาจะเลื่อนเงินเดือน เวลาจะทำอะไรท่านนึกออกว่า อ้อ ไอ้นี่รู้จักกันให้มันหน่อย อย่างนั้น มันไม่เสียหาย แล้วก็เป็นการประสานงานระหว่างผู้ใหญ่กับผู้น้อย ใช้ปัญญาประจบไว้ไม่เสียหาย สัปปุริสังเสวะ คบท่านผู้ประพฤติชอบด้วย กาย วาจา ใจ เรียกว่า สัตบุรุษ
Create Date : 10 กันยายน 2565 |
|
0 comments |
Last Update : 10 กันยายน 2565 8:59:14 น. |
Counter : 241 Pageviews. |
|
|
|