กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
พฤษภาคม 2565
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
space
space
1 พฤษภาคม 2565
space
space
space

อปัณณก-(ต่อ)

   

   แล้วเวลาฉันก็ต้องพิจารณาด้วยในตัว   ว่าเราฉันอาหารนี้ ไม่ใช่เพื่อเล่น ไม่ใช่เพื่อความเอร็ดอร่อย ไม่ใช่เพื่อความอ้วนพีมีกำลังอย่างนักมวยปล้ำ หรือไม่ใช่เพื่อผิวพรรณวรรณะมันสดใสรุ่งเรือง เพราะอาหารนี้   เราฉันเพียงเพื่อบรรเทาทุกข์เก่าคือความหิ ว ไม่ทำทุกข์ใหม่คือความอึดอัดแน่นท้องให้เกิดขึ้น   ทำปัจจเวกขณ์   พิจารณา ปะฏิสังขา  โยนิโส   ปิณฑะปาตัง ปฏิเสวามิ   พิจารณาในเรื่องฉัน   ฉันแล้วก็ต้องไปพิจารณา   ก่อนฉันก็ต้องพิจารณา เพื่อห้ามล้อจิตใจไม่ให้วุ่นวายในเรื่องการขบการฉัน   เคยมีพระฝรั่งองค์หนึ่งเป็นชาวอังกฤษ   บวชอยู่ที่นี่ ฉันยาก ต้องขนมปังให้ฉันทุกวันๆ ฉันอย่างอื่นไม่ได้   ออกพรรษาพาไปไชยา  ไปทิ้งไว้ครึ่งเดือน กลับมาฉันได้ทุกอย่าง  เออ ไปดัดสันดานเสียที่โน่น   ฉันได้ทุกอย่าง  มาถึงฉันได้ทั้งนั้น ไม่ว่าอะไรฉันได้ทุกอย่าง เพราะที่ไชยาไม่มีขนมปังให้ฉันแล้ว  ก็ต้องฉันได้เอง ผลที่สุดก็บอกว่าฉันได้ทุกอย่างดี เรียกว่า ได้ประโยชน์จากการไปอยู่ที่นั่น แล้วก็ได้ศึกษาธรรมะด้วย เขาพอใจมากได้ไปอยู่ที่นั่น  ได้ศึกษาธรรมะลึกซึ้ง


   คนเรา   ถ้าหากว่าถือระเบียบบังคับตัวเองบ้างนั่นก็ดี มีระเบียบอันหนึ่งเขาเรียกว่า ธุดงค์ นี่เป็นการบังคับเรื่องการขบฉันเหมือนกัน   ธุดงค์มีหลายอย่าง เรื่องเกี่ยวด้วยจีวร เกี่ยวด้วยอาหาร เกี่ยวด้วยเสนาสนะ   เกี่ยวด้วยอะไรๆ อีกหลายอย่าง   แต่ว่าจะพูดเฉพาะเรื่องเกี่ยวด้วยอาหาร ให้ฉันในบาตร   ถือวัตรว่าฉันในบาตร   ฉันมื้อเดียว   ลุกขึ้นจากอาสนะแล้วไม่ฉันอะไร หรือว่าห้ามแล้วใครจะเอาอะไรมาถวายอีกไม่ได้   หมายความว่า   โยมเขาจะใส่เราห้ามแล้วใครจะเอามาให้อีกไม่รับ อย่างนี้ เรียกว่า ถือธุดงค์
ที่ให้ฉันในบาตรนั้น   ก็ฉันลงไปตามลำดับ   เราได้รับบิณฑบาตมาเราก็ฉันลงไป เวลาฉันนี่ต้องถือวัตรอีก ไม่ขุดคุ้ยข้าวสุกเพื่อหาแกงในบาตร หรือเพื่อหาไข่ หรือเพื่อหาไก่หนึ่งชิ้นที่โยมใส่ว่าอย่างนั้น ไม่ได้ อย่างนั้น มีความโลภในการฉัน ให้ฉันลงไปตามลำดับ กวาดเข้ามาแล้วก็ทำเป็นคำใส่เข้าไป ให้เสมอ ข้าวในบาตรต้องเสมอ ไม่เที่ยวจุ่มตรงนั้น พูนตรงนี้ ไม่ได้ ต้องฉันให้เสมอลงไปเรื่อยๆ ไป ถึงเจอกล้วยมันโผล่ขึ้นมา ต้องฉันกล้วย เจออะไรก็ต้องฉันอันนั้น เจอของหวานก็ต้องฉันของหวาน เจอเปรี้ยวก็ฉันเปรี้ยว เจอผลไม้ก็ต้องฉันไป ไม่เอาออกนอกบาตร
เจออะไรก็ฉันไอ้นั่น ไม่ติดในรสชาติของอาหารที่ได้ เรียกว่า ถือธุดงค์ มันบังคับให้เราอยากไม่ได้ ทำอะไรผิดลงไปไม่ได้ เป็นระเบียบอย่างนั้น แล้วก็นั่งตรงไหนก็ต้องฉันจนอิ่มตรงนั้น จะลุกขึ้นแล้วไม่ได้ละ กลับมาฉันอีกไม่ได้ ขาดกันเลย ฉันที่นั่นแห่งเดียว ฉันในบาตรแล้วก็ฉันหนเดียว พอพ้นนั้นแล้วก็ไม่มีการฉันอะไร ต้องงดเว้นหมด ฉันแต่น้ำได้ เพื่อปฏิบัติควบคุมจิตใจไม่ให้อยากในอาหาร


   ทีนี้ การฉันมื้อเดียว บางองค์นี่ฉันมากเกินไป คือนึกว่า มื้อเดียวต้องฉันเผื่อ ๒ มื้อ อันนี้ เกิดโทษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้าวเหนียวให้โทษมาก สังเกตดูว่า พระที่ถือธุดงค์เคร่งครัดแล้วก็ฉันข้าวเหนียวอายุไม่ค่อยดี ไม่ยืน เพราะว่าฉันมากเกินไป อาหารย่อยยาก แล้วก็เป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะหลายองค์แล้ว   แต่ข้าวเจ้านี่ไม่เป็นไปพอดี   ย่อยง่าย   แล้วเราผู้ฉันมื้อเดียวก็อย่าให้มาก อย่าฉันว่ามื้อเพลไม่ฉัน ต้องเอาให้พอ ไม่ได้  พออิ่มก็หยุดกันเท่านั้น  แล้วก็ไม่เกิดโรคเกิดภัย  ร่างกายพอดีๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่า ตถาคตฉันมื้อเดียว สรรเสริญอาหารมื้อเดียว ภิกษุทั้งหลายฉันอาหารมื้อเดียวอย่างเรา
ครั้งพุทธกาลท่านทำอย่างนั้น เรียกว่า ฉันมื้อเดียว แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังคับ เรื่องทำด้วยความสมัครใจ ผู้ปฏิบัติก็เรียกว่าฝึกหัดบังคับใจตัวเอง ให้มีการเป็นอยู่อย่างเคร่งครัดเป็นพิเศษ เพื่อจะลดความอยาก เพื่อทรมานตนเอง ให้มีการควบคุมตนเองมากขึ้น มันก็ได้ประโยชน์เหมือนกัน นี่เรื่องเกี่ยวกับอาหาร เรียกว่า โภชเน มัตตัญญุตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการกินการบริโภค

   ในเรื่องเลี้ยงง่ายนี่ก็สำคัญมากเหมือนกัน    คนบางคนเลี้ยงยากติดรสอาหาร พระไทยเราไปเมืองอินเดีย เวลาไปก็ต้องเอาน้ำปลาไปมั่ง เอาน้ำพริกเผาไปมั่ง ท่านเจ้าคุณพุทธทาสท่านเห็นเข้า ท่านมากระซิบบอกกับผม น่าละอายเที่ยวพกน้ำพริกน้ำปลาไปอินเดีย น่าละอาย ไปโน้นมีอะไรก็ฉันไปตามเรื่อง คนอินเดียมันกินไม่ตาย เราก็กินได้ เที่ยวพกน้ำปลาไป น่าขายหน้า พกน้ำพริกเผาไป แสดงว่าเป็นห่วงปากห่วงท้อง ไม่ดี ไม่ควรจะทำอย่างนั้น จะไปก็ไปมันได้
อาหารอินเดียก็ฉันอร่อย แกงถั่วแระเม็ดโตๆ เท่านิ้วก้อย เขาเรียกว่าดาน แกงใส่กระหรี่ แกงคล้ายกับแกงมัสมั่นบ้านเรา  แต่ว่าไม่มีกะทิ   ตักมา สมมติว่า  เอาถ้วยเท่านี้นะ กินแต่แกงก็พอแล้ว แน่นแล้ว อิ่มตื้อแล้ว ถั่วเม็ดใหญ่ๆ แต่ว่ายังมีขนมปังแบบแขกเรียกว่าจะปะตี ไม่ใช่ขนมปังแบบฝรั่ง แผ่นเดียวอิ่มตื้อ แผ่นเล็กๆ กลมๆ กับ ดานชามเล็กๆ นี่อิ่มตื้อแล้วตลอดวัน ไม่หิว ลองไปแล้วฉันสบายดี   ไม่หิวอะไร   แล้วก็อยู่ได้   ไปถึงสถานีไหน   ถึงเวลาเพลก็สั่งอาหารชุดมา ก็มีแกงดาน มีโรตีของแขก   ไม่ใช่โรตีที่ทอดน้ำมันแบบบ้านเราน่ะ   ไม่ใช้น้ำมันดอก  แป้งจี่ก็ฉันเข้าไปเถอะ อิ่มตื้อเลย   มันก็อยู่ได้ไม่เห็นลำบาก
แต่ถ้าเราฉันไม่ได้   มันต้องเอาข้าวสารไป   เอาน้ำพริกไป   เอาปลาป่นไป แล้วถ้าเป็นของคาวอย่างนี้ ล้วงออกมาฉันต่อหน้าแขก แขกยังมองอีก มันว่าพระอะไร ฉันปลา ฉันเนื้อ สมมติว่า เขามาคุยกับเรา ถามว่า เป็นพระหรือ บอกว่า ใช่ กินเนื้อหรือเปล่า กิน พระอะไร มันว่าพระอะไรกินเนื้อ เขาไม่นิยม
เราไปอินเดียต่อหน้าแขก   ไม่ฉันน่ะมันดี   ต้องฉันอาหารแบบแขก  กินแกงถั่ว  อย่าไปกินแกงเนื้อ มันรังเกียจว่านี่เป็นพวกอิสลามเข้าไปอีกแล้ว   เข้าพวกมุสลิม  เพราะฉะนั้น เราเอาตามพวกฮินดู กินถั่วดีกว่า   จะได้เข้ากันง่าย   ก็อยู่ได้สบาย  ไม่เดือดร้อนอะไร


   เคยพาพระลังกามาองค์หนึ่ง  อยู่ลังกาแล้วก็พามา   พอถึงย่างกุ้งเกิดเรื่องแล้ว  แกฉันไม่ได้ ไปเห็นแกงฮังเล ก็ฉันไม่ได้ แกงอะไรก็ฉันไม่ได้ ชาวพม่าก็นึกว่าท่านเป็นคนเสพผัก ไม่กินปลา เลยหั่นแตงกวากับผักกาดมาให้ เอามาให้เฉยๆ กับ เกลือ จิ้มเกลือกิน
แกก็มองแล้วไม่ไหว กลับมาถึง บ่นไม่ไหว อาหารพม่ากลิ่นมันยังไงชอบกล กินไม่ลง นึกว่า เอ ท่าจะแย่ ก็เลยอธิบายให้ฟังว่า เกาะลังกานั่นมันเล็กนิดเดียว ถ้าเรากินอาหารลังกามันไม่กว้าง กินอาหารจีนก็กว้าง คนตั้งแปดร้อยล้าน (ประชากรตอนนั้น) กินอาหารพม่าคนก็ยังมากกว่าลังกา มันต้องหัดกินให้ได้ เกิดมามันกินอาหารลังกามาเมื่อไร กินนม โตขึ้นมาถึงติดรสอาหารลังกา ก็นึกว่ามาเกิดใหม่ในเมืองพม่าก็แล้วกัน แล้วกินอาหารพม่า   นี่ไปเมืองไทยจะกินอาหารไทยได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้
ไม่ได้จริงๆ   มาอยู่เมืองไทยกินไม่ได้   ไม่ว่าอาหารประเภทใดกินไม่ได้ พอ ๑๐.๓๐ น. ก็ต้องไปครัวทุกวัน ไปตำน้ำพริก น้ำพริกลังกา เขาเรียก ซัมบูน ซัมบูนนี่มีมะพร้าว หอมกระเทียมแล้วก็มีพริก ๒-๓ เม็ด ให้มันพอเผ็ดๆ มีมะนาวหยอดลงไป โขลกๆ แล้วเอาคลุกข้าวกิน   ไอ้เรานั่งกินไก่ กินหมู กินเป็ด กินอะไรสบาย แกกินไม่ลง เอ้ากินมั่ง อือไม่เอา ไม่ชอบรสอาหารอื่นนอกจากอาหารลังกา อยู่ไม่ได้ไปไหนกันไม่ได้ มันต้องอยู่ในเกาะลังกา ไปไหนไม่ไหว   เรามันต้องทนได้เรื่องอย่างนี้   ไปเมืองฝรั่งก็ต้องกินอาหารฝรั่งได้ เมืองแขกก็กินได้   ไปเมืองจีนกินแกงเมืองจีนได้   เป็นคนกินง่าย   แล้วก็กินแต่พอดีๆ ก็เกิดความสบาย ไม่วุ่นวาย ไม่เดือดร้อน นี่ประการหนึ่ง

 


Create Date : 01 พฤษภาคม 2565
Last Update : 2 พฤษภาคม 2565 9:26:22 น. 0 comments
Counter : 285 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space