กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
กันยายน 2565
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
space
space
25 กันยายน 2565
space
space
space

ข้อ ๒ จบ

ต่อ

   จะเล่านิทานเซ็นให้ฟังสักเรื่องหนึ่ง เรื่องคนชั่วได้ดีก้าวหน้า ในญี่ปุ่นสมัยนั้น มีนักเทศน์อยู่คนหนึ่ง ชื่ออาจารย์กูโด   อยู่ที่เมืองเกี่ยวโต  มหาวิทยาลัยมีชื่อ  ท่านเป็นนักเทศน์นักสอนที่มีชื่อมาก เทศน์ตั้งแต่ราษฎรสามัญจนกระทั่งถึงราชา ปกติไม่ค่อยอยู่วัดดอก เที่ยวจาริกไปสั่งสอนราษฎรแนะแนวทางสร้างชีวิตให้แก่คนเหล่านั้นเป็นประจำ มีชื่อเสียงทั่วประเทศญี่ปุ่น
คราวหนึ่ง   ท่านเดินทางไปหมู่บ้านอีดูอูอีก  แล้วพอเดินไปฝนมันตก ตกหนักเสียด้วย น้ำเจิ่งไปหมด ใส่รองเท้าฟางมันยุ่ย หลุดไปทีละเส้นสองเส้น ไม่ได้การแล้ว แต่ทว่ายังหาที่ซื้อไม่ได้

   เดินต่อไป   พบกระท่อมน้อยหลังหนึ่ง   นึกในใจว่า   แบบนี้คงมีรองเท้าฟาง คือบ้านที่เป็นคนจน เขามีรองเท้าฟางใช้   เห็นมีรองเท้าฟางแขวนไว้ข้างฝาสองสามคู่ก็เลยถามเขา

แม่สาวเจ้าของบ้านเป็นคนใจอารี  บอกว่า ไม่ต้องซื้อดอกดิฉันจะถวาย  เลยรับไปคู่หนึ่ง เปลี่ยนเอารองเท่าเก่าออก

สาวเจ้าของบ้าน  บอกว่า   ฝนยังตกอยู่หนักมาก   นั่งพักก่อนเถอะ จะรีบไปไหน

หลวงพ่อองค์นั้น   ก็เลยนั่ง   สำรวจดูบ้าน   หลังคามีรูฝนรั่วลงมา  พื้นบ้านเป็นหลุมเป็นบ่อ ฝาเป็นรูลมพัดเข้ามาได้   ดูแม่หญิงเจ้าของบ้านผิวพรรณซูบซีด  ไม่มีเลือดฝาด  มีเด็กสามคนผิวเหลือง พุงป่องก้นปอดแสดงว่าบ้านนี้แย่  แย่เต็มที

อาจารย์ก็เลยถามว่า   ทำไมอยู่กันแบบนี้   พ่อบ้านไม่มีหรือ พ่อบ้านน่ะเป็นคนสำคัญในครอบครัว พ่อบ้านขี้เมานี้ก็แย่   จึงได้ถามอย่างนั้น

แม่หญิง   ถอนใจเฮือกแล้วตอบ  พอเอ่ยถึงคำว่าพ่อบ้านก็บอกว่า เขามีโรคประจำตัว ๒ อย่าง

อาจารย์ถามว่า  เป็นโรคอะไร    ตอบว่าเป็นโรคขี้เมา กับ โรคการพนันค่ะ  โรคเมาขนาดหนัก ติดการพนันหนักเหลือเกินค่ะ

อาจารย์ถามต่อไปว่า เดี๋ยวนี้เขาไปไหนล่ะ

ไปทุกวันเจ้าค่ะ   หยุดไม่ได้   วันไหนแพ้ละไม่กลับบ้าน  วันไหนชนะ  กลับมาก็พูดกันไม่รู้ภาษา เมาแปล้มาเลย ดิฉันแสนจะลำบากไม่รู้กรรมเวรอะไร  ทำไมจึงได้มาแต่งงานกับคนอย่างนี้

หลวงพ่อสงสารนึกในใจว่า   ต้องช่วยหน่อย  แล้วถามว่า  วันนี้เขาจะกลับไหมล่ะ

น่าจะกลับเจ้าค่ะ เพราะไป ๒ วันแล้ว

เออ ดีเหมือนกัน เอ้า นี่สตางค์   เอาไปซื้อไก่กับเหล้ามา ล้วงกระเป๋า ซื้อไก่มาสักซีกหนึ่ง ซื้อเหล้ามาสักครึ่งหนึ่ง ครึ่งแบนนะ

แม่หญิงสงสัย   ผัวเรามันเมาอยู่แล้ว  สงสัยจริงพระองค์นี้กินเหล้าด้วยหรือ

หลวงพ่อบอกว่า เธอไม่ต้องฉงนสนเท่ห์ดอก   ฉันไม่กินดอกของอย่างนั้น  ฉันจะเอาไว้เลี้ยงผัวคนดีของเธอเมื่อกลับมาคืนนี้   ก็ไปซื้อมาใส่ถาดเก็บไว้   เอามาวางไว้ที่โต๊ะหมู่บูชา

   เวลา ๒ ยามกว่า   ก็ได้ยินเสียงเมามาแต่ปากตรอก   คนเมาอย่างนั้น  ร้องเพลงบ้าง ลำตัดบ้าง อะไรต่ออะไรลั่นมา   อาจารย์แกสั่งแม่หญิงว่า   อยู่แต่ในห้องอย่าออกมาเด็ดขาด   ถ้าผัวเธอมา ฉันจะเปิดประตูรับเอง
แม่บ้าน   ก็เข้าไปนั่งอยู่ในห้อง  นอนไม่หลับเป็นทุกข์ ผัวขี้เมาสร้างความทุกข์ขึ้นในครอบครัวแท้ๆ ก็นั่งเฝ้าดูอยู่  พอเขามาถึงเคาะประตู  เมียโว้ยผัวมาแล้ว
อาจารย์   ก็ไปเปิดประตูแอ๊ด   ประตูมันฝืดเสียงดัง    นายนั้น    ก็ผลักเข้ามา เออ มาแล้วก็ดีแล้ว เรามาพักหลบฝนในบ้านท่านสะดวกสบาย   จะเลี้ยงท่านเสียหน่อย  ไก่มี  เหล้ามี  ไม่ถามชื่อถามแซ่แล้ว   ยกถาดมาวางบนโต๊ะระหว่างขา   มือหนึ่งหยิบไก่   มือหนึ่งหยิบขวดหยิบแก้วเทเหล้า ถือไก่จับกิน กินไก่กินเหล้า กินเหล้ากินไก่  เพลินไป  คอพับลงไป หลับไปเลย ไม่หลับเฉยๆ ยังคาบกระดูกไก่ที่ปากอีกชิ้นหนึ่ง แสนจะทุเรศ
อาจารย์ท่านมองดู   แย่จริง   ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน   อาจารย์ท่านไม่หลับดอก ท่านนั่งสมาธิตลอดรุ่ง เช้าก็ไปล้างหน้านิดหน่อยแล้วกลับมานั่งคอย ประมาณ ๒ โมง เจ้านั่นลุกขึ้นงัวเงียมองเห็นพระนั่งอยู่   สร้างเมา พระอะไรมานั่งในบ้านกู  เดี๋ยวก่อน ไปล้างหน้าก่อน  มานั่งลง แล้วคำนับถามว่า ท่านเป็นใครมาจากไหน มานั่งอยู่นี่ ถามเอาใหญ่ทีเดียว

อาจารย์ยิ้มๆ  นึกขำ  เลยบอกว่า  เรานี่ชื่อกูโด   มาจากเกียวโต  ฝนตกหนัก จะไปธุระที่อื่นเลยต้องมาพักที่นี่ หน้าซีดเหมือนกับไก่ต้มเลย เจ้าของบ้านหน้าซีดไปทันที ถอดสีเหมือนปลากัดถอดสีเลย.

   อาจารย์กูโด  เป็นอาจารย์มีชื่อสอนธรรมะ   แม้คนขี้เมาก็ยังรู้จักเคยได้ยิน เพราะชื่อเสียงอาจารย์โด่งดังไปทั่วญี่ปุ่น   ถึงเมาก็เคยได้ยินชื่อ   เลยตกใจแย่แล้วกู  อาจารย์มีชื่อมาอยู่ในบ้าน เมื่อคืนกูเมา พูดอะไรไปบ้างก็ไม่รู้ หน้าถอดสี  อาจารย์บอกว่า ไม่ต้องตกใจ นั่งลง ฉันจะพูดด้วยสัก ๒ – ๓ คำ เขาก็นั่งเรียบร้อย ท่านพูดว่า “คิดดูให้ดี ร่างกายนี้ เปลี่ยนแปลงไปสู่ความแตกดับทุกขณะ   ถ้าเธอไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์ มันจะมีค่าที่ตรงไหน”   พูดสั้นๆ   “คิดดูให้ดี   ร่างกายนี้   เปลี่ยนแปลงไปสู่ความแตกดับทุกลมหายใจเข้าออก   ถ้าเธอไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์ จะมีค่าที่ตรงไหน.

พูดเท่านั้น   มันกระทบที่ใจเลย   เหมือนเอาเข็มฉีดยาแทงลงไปที่ฝีกลัดหนอง หนองมันทะลักออกมาทันที มันเจ็บเข้าไปถึงทรวง ถ้าพูดตามศัพท์ชาวบ้าน เขาสลดใจมาก

อาจารย์พูดแล้วก็บอกว่า   ฉันไปละนะ  เขาบอกว่าเขาจะไปส่งอาจารย์  อาจารย์ไม่พูดเลย เดินไปเรื่อย ไม่พูดไม่ตอบ เพราะไม่อยากรบกวนสมาธิเขา




  เขาเดินไปคิดไป ชีวิตนี้มันเปลี่ยนแปลง ให้มันคิดให้ลึกหน่อย  เดินเฉยไปได้ประมาณ ๓ กิโลเมตร   อาจารย์เหลียวมา ฮึ พอแล้ว กลับบ้าน ไม่ได้มันน้อยไปขอรับ อาจารย์ ผมขอไปส่งอีกหน่อย ไปอีก พอ ๕ กิโลเมตร   อาจารย์เหลียวมาบอกอีก   มันไกลแล้ว  พอทีๆ มันยังน้อยไปครับ อาจารย์ ไปอีกหน่อย ๑๐ กิโลเมตร

อาจารย์บอกนี่มันไกลสุดกู่แล้ว  กลับบ้านได้แล้ว  กลับบ้านได้แล้ว  ลูกเมียเขาจะคิดถึง

อาจารย์ครับ   ขณะที่ผมเดินตามหลังอาจารย์  ผมคิดคิดอยู่ตลอดทาง  คำพูดของอาจารย์ที่บอกว่า “คิดดูให้ดี ร่างกายของเรานี้ เปลี่ยนแปลงทุกลมหายใจเข้า-ออกที่จะไปแตกดับ  ถ้าเราไม่ใช้มันให้เป็นประโยชน์   มันจะมีค่าที่ตรงไหน”   
ผมคิดมาก   ชีวิตผมไม่มีค่าเลย  ตั้งแต่เกิดมาเที่ยวเตร่เสเพล  กินหล้าเฮฮา ไม่ได้ทำอะไรให้เป็นประโยชน์ให้เป็นแก่นสารเลย   มีเมียก็ไม่ได้เอาใจใส่เมีย  มีลูกก็ไม่ได้เลี้ยงลูก มันเหลวไหลเต็มที มันเหมือนขี้โคลนขี้ตมแล้ว  ไม่ได้เรื่องอะไร  วันนี้ ผมได้รับแสงสว่างชีวิตแล้ว อาจารย์มาสะกิดผม ผมรู้สึกตัว ผมไม่กลับไปบ้านแล้ว

แล้วเธอจะทำอย่างไร  อาจารย์ถาม ?

ผมก็จะไปกับอาจารย์ด้วย   ไปทำอะไร   ไปบวช   ว่าอย่างนั้น   อาจารย์บอกว่าไม่เป็นไร  ได้  ก็ดีเหมือนกัน   พาไปเลย   ไปถึงวัด เมืองเกียวโตบวชให้เลย

   ญี่ปุ่นเขาบวชจริงๆ   เขาไม่บวชเล่น   นิกายเซ็นตื่นตี ๔ ลุกขึ้นไปในห้องประชุม สวดมนต์หอกลาง สวดมนต์เสร็จแล้วทุกรูปหันหน้าเข้าฝา   ทำสมาธิ  อาจารย์ถือไม้ยาวแค่นี้ ชำเลืองดู ใครนั่งหลังคู้ ใครนั่งเอน นั่งง่วง ทุบเลย แต่ไม่ถึงกับทุบเปรี้ยงนะ เคาะเบาๆ บอกว่าฉันจะตีแกละนะ แกเตรียมตัวเอาไว้ อย่านึกว่าฉันตีก็แล้วกัน สอนเอาไว้อย่างนั้น อย่านึกว่าตัวถูกตี หรือใครตี อะไรบังเกิดขึ้น แล้วมันก็ดับไปเท่านั้นเอง อาจารย์ไปเคาะเบาๆก่อน แล้วฟาดเปรี้ยงลงไปไม่เบาเลย ดีจริงๆ แรงๆ ญี่ปุ่นเขาทุบเปรี้ยง เออเรียบร้อย

ถ้าองค์ไหนถูกตีถึง ๓ ครั้งในคืนนั้น เป็นถูกลงโทษหนัก ให้ลูกศิษย์ชวนกันยกออกไปโยนทิ้งนอกประตู หิมะจะตกถึงเข่า ก็ไม่ให้เข้ามา ต้องนั่งอยู่นั้น

ญี่ปุ่นเขาเคารพครูอาจารย์ ถ้าอาจารย์ทำอย่างนั้น ก็ต้องนั่งทนหนาวอยู่อย่างนั้นแหละ จะตายก็ไม่ว่า ต้องทนเอา จนกว่าอาจารย์เปิดประตูบอกว่า เข้ามาได้ ถึงจะเข้ามากราบอาจารย์เรียบร้อย ไม่โกรธไม่อะไรทั้งสิ้น นั่งก้มหน้านิ่ง อาจารย์ให้โอวาท นี่ของเขาอย่างนั้น

   คนคนนี้   เขาเข้าไปบวชแล้วก็เอาจริง ปฏิบัติจริง จนกลายเป็นนักเทศน์เหมือนกับอาจารย์กูโด ก่อนตายได้เขียนหนังสือไว้หลายเล่ม   นี่แหละ   เขาเรียกว่า   “เพชรในตม”   อาจารย์กูโดไปงมมาแล้วเอาประดับไว้ในเรือนแหวนแห่งพระธรรมวินัย กลายเป็นดีไปได้ ดังตัวอย่าง

   พวกเรานี่ใครที่อยู่ในโคลนในตม  ก็นึกเสียมั่ง มีบ้างไหมพวกเรา ที่อยู่ในโคลนในตมแม่โขง กระทิงแดง ในตมอะไรต่ออะไรอย่างนั้น  จนมือไม้สั่นงันงกไปแล้ว  นึกเสียบ้าง  นึกอย่างไร
นึกว่าชีวิตนี้มันเปลี่ยนแปลงไปสู่ความแตกดับทุกลมหายใจเข้าออก  ถ้าไม่ใช้ให้มันมีประโยชน์ มันจะมีค่าตรงไหน คิดอย่างนี้แหละแล้วทำให้มันมีค่า
คนเรา  มีค่าตรงที่ทำดี นั่นแหละ ไม่ทำดีก็ไร้ค่าเท่านั้นเอง  ค่ามันอยู่ตรงนั้น วัว ควาย ค่าตัวอยู่ที่น้ำหนักมากๆ มีค่า คนเราอ้วนหรือผอมก็เท่านั้นแหละ  เนื้อหนังเขาไม่เอา  เอาคุณความดีเป็นพื้นฐาน

   เพราะฉะนั้น  ที่เราสำนึกในตัวเราว่าเรามีข้อบกพร่องอะไร  เราก็กลับสร้างคุณงามความดีเพื่อความก้าวหน้าต่อไป เปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องสำคัญ อย่าหลงผิด   นิสัยอย่าคิดว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้ สันดานอย่าคิดว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้   ไอ้ที่เราเป็นอย่างนี้อยู่   ความจริงมันเปลี่ยนมาจากที่ไม่เคยเป็นมาก่อนต่างหาก เมื่อเป็นอย่างนั้นก็ต้องเปลี่ยนได้ เปลี่ยนได้หรือไม่ได้ มันขึ้นอยู่กับความเข้มแข็งของจิตใจ พลังภายในของเราว่ามันมีพอหรือไม่
ถ้ามีกำลังภายในพอแล้ว  มันเปลี่ยนได้หมดทุกอย่าง ไอ้เรามันต้องสร้างกำลังภายใน ต้องคอยปลุก คอยเตือนตัวเราตลอดเวลา   อย่าให้ความอ่อนแอมาครอบคลุมจิตใจ  ต้องเป็นคนเข้มแข็ง ต้องเป็นคนก้าวหน้าในทางที่ดี บอกตัวเองบ่อยๆ ปลุกเสกตัวเองเอาไว้ในเรื่องนั้นนั่นแหละ ปลุกได้ดี ปลุกตามแบบพระพุทธเจ้า

   ปลุกเสกพระเครื่องน่ะมันไม่ได้อะไรดอก ปลุกคนให้มันก้าวหน้า ปลุกหิน ปลุกอิฐมันจะได้เรื่องอะไร ปลุกไม่ถูกทาง   ปลุกเสกตัวเอง  ตื่นเช้า เสกข้าพเจ้าจะเป็นคนรักงาน เป็นคนก้าวหน้า เป็นคนอดทน คนมีความเพียร แล้วก็ทำตามสัญญาที่ได้ว่ากับตัวเรา เราก็จะก้าวไปในทางที่ถูกต้อง
บางทีอาจจะเผลอได้ เรื่องธรรมดา ถ้าเผลอก็ขอให้รู้ตัว กลับได้ ตัดได้ ปฏิบัติใหม่ ก้าวหน้าต่อไป ขับรถลื่นออกไปนอก หักเข้ามาแล้วขับระมัดระวัง อย่าให้มันไถลลื่นออกไปอีก อะไรๆ มันเป็นบทเรียนทั้งนั้นแหละ สิ่งใดที่เราทำ เป็นบทเรียนทั้งนั้น ดีก็เป็นบทเรียน ชั่วก็เป็นบทเรียน จดจำใส่ใจเพื่อเอาไปแก้ไขต่อไป
รักษาศีล รักษาจิต ให้มันดีไว้ ศีลรักษาไม่ยากดอก ก็คือรักษาจิตนั่นแหละ อย่าให้คิดเรื่องชั่ว อย่าให้ทำสิ่งชั่วก็เป็นศีลอยู่ในตัวแล้ว

 


Create Date : 25 กันยายน 2565
Last Update : 25 กันยายน 2565 9:26:17 น. 0 comments
Counter : 330 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space