กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
มิถุนายน 2565
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
space
space
4 มิถุนายน 2565
space
space
space

บุญกิริยาวัตถุ จบ


   พระพุทธเจ้าท่านตักเตือนภิกษุทั้งหลายว่า  “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายอย่าได้กลัวบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้เป็นชื่อของความสุขนั่นเอง”   ความหมายของบุญนั้นเป็นชื่อของความสุข ความสุขที่เกิดจากการกระทำความดี   ไม่ใช่สุขจากเครื่องล่อเครื่องจูงใจ เครื่องล่อ เครื่องจูงใจ เกิดสุขได้เหมือนกัน ได้เงินก็เป็นสุข ได้เมียสวยๆ ได้แฟนสวยๆ ก็เป็นสุข อย่างนั้นมันเป็นสุขได้ด้วยเครื่องล่อ เครื่องจูงใจ   เรียกว่า  อามิสสุข   
ทีนี้  ความสุขที่เป็นบุญนั้น  มันเป็นความสุขที่เกิดขึ้นจากความอิ่มใจ  เพลิดเพลินใจในการที่ได้กระทำความดีไม่ว่าในรูปใด  ถ้าทำแล้วมันก็เป็นสุขใจ  ก็เรียกว่ามันเป็นบุญ  จึงเป็นเรื่องที่ควรจะได้กระทำบ่อยๆ ทำบ่อยๆ มันเกิดความสุขขึ้นในใจ แล้วก่อในเกิดนิสัยในการรักษาความดี ใคร่ต่อการที่จะกระทำความดีเรื่อยๆไป  คนนั้นก็อยู่กับความดี  ที่เราเรียกว่า  คนมีบุญน่ะ  คำว่า “มีบุญ” นั้น หมายความว่า คนนั้นมีความสุขมีความดี.

   บุญนั้นมันมีทั้งเหตุทั้งผล  บุญที่เป็นเหตุก็มี  บุญที่เป็นผลก็มี  บุญที่เป็นเหตุก็หมายความว่า การกระทำที่ดีที่งาม   ตามหลักในคำสอนทางพระศาสนา  เรียกว่าเป็นบุญ  เป็นตัวเหตุว่าทำแล้วก็มีความเบาใจ โปร่งใจ สบายใจ การมีความเบาใจ โปร่งใจ สบายใจ นั้นเป็นบุญที่เกิดจากตัวผล เป็นตัวผลอันเกิดขึ้นจากการคิด การพูด การกระทำในเรื่องดี  เราก็มีความสุขทางจิตใจ คนใจมีบุญ ก็หมายความว่า  คนนั้นมีความสุข   
คำว่า  “มีบุญ”  ไม่ได้เกี่ยวด้วยเงินทอง  ไม่ได้เกี่ยวด้วยทรัพย์สมบัติ  ไม่ได้เกี่ยวด้วยความยิ่งใหญ่ตามวิสัยของชาวโลก   แต่ว่าเกี่ยวด้วยความงามความดีทั้งนั้น  คนที่มีบุญคือคนที่มีคุณงามความดี  อาจจะเป็นคนจนๆก็ได้  แต่เขามีคุณธรรม ก็เรียกว่าเขาเป็นคนมีบุญ  บางคนอาจจะร่ำรวย แต่ว่าไม่มีบุญก็ได้ เพราะร่ำรวยด้วยการโกงเขา การคอร์รัปชั่น กินสินบาทสินบนอย่างนั้นเขาก็ร่ำรวย

   เราอย่าไปนึกว่าคนร่ำรวยแล้วเขาจะมีบุญ  รวยทางบาปก็มี   พวกค้าของเถื่อนมันก็รวยได้  ค้าเฮโรอีนค้าฝิ่นค้าสิ่งเสพติด รวยได้   มันหาเงิน   เงินนี้ไม่ใช่เป็นเครื่องวัดความเป็นผู้มีบุญเสมอไป เขาทำอะไรที่เป็นทางชั่ว   แต่ว่ามันได้เงิน   เราจะถือว่าคนนั้นมีบุญไม่ได้ เพราะว่าเงินนั้นมาจากบาป   มาจากอกุศล  ไม่ใช่มาจากคุณงามความดี

แต่ถ้าร่ำรวยด้วยการประกอบกิจอันชอบ ไม่ผิดกฎหมาย ไม่ผิดศีลธรรม ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน เงินนั้นเป็นเงินบริสุทธิ์ คนมีเงินแบบนั้นก็เรียกว่าคนมีบุญ เพราะเงินนั้นได้มาด้วยความสุจริต

แต่ถ้าได้มาด้วยความทุจริต เงินนั้นไม่ได้เป็นเครื่องวัดของความเป็นผู้มีบุญ แต่กลายเป็นคนมีบาปไปเสียด้วยซ้ำไป เพราะฉะนั้น เราจะวัดคนด้วยเครื่องอะไรภายนอกไม่ได้ แต่ว่าวัดว่ามีบุญนั้นอยู่ที่น้ำใจ   ถ้าเป็นคนใจดีใจงาม    ก็เรียกว่าเขามีบุญ   มีความสุข   คนแบบนี้น่ะ   แต่ถ้าเป็นคนใจชั่วทรามก็ไร้บุญ  อยู่อย่างเป็นทุกข์  ลักษณะมันเป็นอย่างนั้นนะ


   ทีนี้ บุญเก่าบุญใหม่. บุญเก่า ก็หมายความว่า บุญที่ทำไว้ก่อนๆ ทำดีมาเรื่อยๆ ทำดีมาสมัยเป็นเด็กๆ มันก็ให้ผลมาเรื่อยๆ ทำดีเมื่อสมัยเป็นหนุ่มมันก็ให้ผลมาเรื่อยๆ แล้วก็ทำดีอยู่ในขณะนี้ มันก็เกิดผลอยู่ในขณะนี้ แล้วจะเกิดผลต่อไปในกาลข้างหน้า.

ผลกับเหตุมันสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆเป็นลูกโซ่ เราเริ่มทำมาเรื่อยๆ ผลมันก็สัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ เป็นลูกโซ่สัมพันธ์กันมาเป็นสายยาวเหยียด ในวิถีชีวิตของเราอย่างนี้ ที่เรียกว่า เป็นบุญเก่า หมายความว่า บุญที่ได้กระทำในเวลาที่ล่วงแล้ว   บุญใหม่ ก็หมายความว่า บุญที่ได้กระทำอยู่ในขณะนี้ แล้วมันก็รวมกันเข้าเป็นความสุขความเจริญในชีวิตประจำวัน

   เรามักจะพูดกันว่า แหม คนนั้นเขามีบุญ พูดบางทีก็พูดไม่ถูกเหมือนกัน ไปชมคนเหลวไหลว่ามีบุญก็มี ชมคนคอร์รัปชั่นว่ามีบุญ นั่นไม่ใช่ มันเป็นคนบาป ไม่ใช่คนบุญอะไร  คนมีบุญมันต้องดูให้ลึกซึ้ง ดูการพูด การคิด การกระทำของเขาที่แสดงออกมา เราจึงจะตัดสินได้ว่าเป็นคนมีบุญหรือเปล่า   ให้ตัดสินว่าเขามีคุณธรรมขนาดไหน   มีความงามความดีในจิตใจเท่าไร  ก็ดูที่การกระทำจึงจะวัดได้ ว่าเป็นคนมีบุญหรือเป็นคนมีบาป ลักษณะมันเป็นอย่างนี้


    ในพระพุทธสุภาษิตตรัสว่า บุญให้ความสุขตราบเท่าชรา ตราบเท่าสิ้นชีวิตนั่นน่ะ ว่าใครทำบุญแล้วมันก็ได้ความสุขเรื่อยไปจนตราบเท่าสิ้นชีวิต

  ทีนี้ บุญของคนอื่น มันก็สัมพันธ์กับตัวเราเหมือนกัน เช่น บุญของพ่อแม่มันก็สัมพันธ์กันกับลูก เพราะลูกนี้เกิดมาจากพ่อแม่  พ่อแม่เป็นคนมีบุญ ลูกก็พลอยรับบุญจากพ่อแม่ไปด้วย ที่เรียกว่า รับบุญจากพ่อแม่ก็คือว่า ถ่ายทอดอุปนิสัย ถ่ายทอดการกระทำจากคุณพ่อคุณแม่ เช่น พ่อแม่เป็นคนใจดีใจงาม อยู่ในศีล ในธรรม ในศาสนา เรียกว่าเป็นคนใจบุญสุนทาน ลูกก็มักจะเป็นเช่นนั้น คือรับถ่ายทอดจากการได้พบได้เห็นทุกวันๆ ได้พบเห็นพ่อแม่ทำบุญอยู่ทุกวันๆ ลูกก็เลยรับนิสัยนั้นมา

ฉะนั้น เราจึงถือว่า บุญนี้เป็นไปตามพันธ์ก็ได้เหมือนกัน คือ สืบกรรมพันธุ์ เป็นกรรมพันธุ์ คือพ่อดีแม่ดีลูกก็ดีตามพ่อแม่  ถ้าพ่อแม่ไม่มีบุญ ลูกก็พลอยไม่มีบุญไปด้วย เว้นไว้แต่ว่าลูกนั้นได้ไปอยู่กับคนมีบุญ ก็ได้รับบารมีบุญจากคนนั้นมาสร้างเสริมนิสัยของตน เปลี่ยนชีวิตจิตใจไปได้ เช่น

   เมื่อเด็กอยู่กับพ่อแม่ที่ไม่มีบุญ โตขึ้นได้ไปอยู่กับผู้มีบุญ บุญของผู้นั้น ได้หล่อหลอมจิตใจให้เปลี่ยนจากสภาพเดิมมาเป็นคนใหม่ เหมือนกับว่าเป็นคนเกิดใหม่ในทางวิญญาณ ในทางจิตใจ 
พวกเราเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนา  ก็เรียกว่าเราได้เข้ามาอยู่กับบุญ  อยู่กับครูบาอาจารย์ อยู่กับสิ่งแวดล้อมที่เป็นบุญ สิ่งไรที่ได้เคยกระทำมาก่อน ไม่ดีไม่งาม เราก็เลิกละจากสิ่งนั้น หันเข้าหาสิ่งดีสิ่งงามต่อไป ประพฤติดีประพฤติชอบต่อไป ก็เกิดเป็นบุญเป็นกุศลต่อไปในจิตใจ เมื่อใดบุญเกิดขึ้นแล้วให้เรารักษาบุญนั้นไว้ อย่าให้สูญหายไปเสีย อย่าให้บาปเกิดแทรกแซง เพราะบุญกับบาปมันคอยแย่งตำแหน่งกันอยู่ ใจเราเหมือนกับเก้าอี้ของบุญบาป ถ้าบุญอยู่ บาปไม่อยู่ แต่ถ้าเผลอ บาปเข้ามาขับบุญออกไป

เพราะฉะนั้น จึงต้องระมัดระวังอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้เกิดการคิด การพูด การกระทำในชีวิตประจำวัน เป็นบุญตลอดไป นี่คำว่าบุญมันก็มีความหมายอย่างนี้



   คราวนี้คำว่า “กุศล” มันคู่กับคำว่าบุญ หมายความว่า  ความฉลาด  กุศลนี้มันเป็นความฉลาด ดังที่พูดในครั้งที่แล้ว (หัวข้อ อริยสัจ ๔ มรรคมีองค์ ๘ ตอนอธิบายองค์มรรคที่ ๑) เพราะฉะนั้น ให้มีทั้งบุญและกุศลในจิตใจของเรา อย่าให้บาป อย่าให้อกุศลเข้ามาเจือปนในจิตใจของเราเป็นอันขาด เพราะถ้าเกิดบาป เกิดอกุศลแล้ว มันเป็นทุกข์ เป็นโทษ ตัดประโยชน์หมดทั้ง ๓ ประการ คือประโยชน์ในเวลานี้ ประโยชน์ต่อไปข้างหน้า ประโยชน์อย่างยิ่งคือการพ้นจากกิเลส ประโยชน์ทั้ง ๓ มันถูกตัดไป เพราะไม่มีฐานที่ดีงาม

   นี่คือสิ่งที่จะให้เกิดบุญ  เรียกว่า  บุญกิริยา;   บุญกิริยาวัตถุ  วัตถุเป็นที่ตั้งแห่งการกระทำที่เป็นบุญ ทำบุญทำด้วยอะไรบ้าง ?   ให้ทานเป็นบุญ   เรื่องทานเป็นบุญได้พูดแล้วเมื่อวันก่อนในข้อว่า สัปปุริสบัญญัติ   ข้อที่ท่านสัตบุรุษตั้งไว้ ๓ อย่าง   ทาน   การให้  บรรพชา เป็นอุบายเว้นจากการเบียดเบียน ซึ่งกันและกัน มาตาปิตุอุปัฏฐาน ปฏิบัติมารดาบิดาให้มีความสุข ได้พูดแล้วในเรื่องนั้น เพราะฉะนั้น ไม่ต้องพูดซ้ำเสียเวลา

 


Create Date : 04 มิถุนายน 2565
Last Update : 19 มกราคม 2567 9:36:52 น. 0 comments
Counter : 345 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space