วันก่อนพูดเรื่องสมบัติของอุบาสกอุบาสิกา มาจบแค่ ประการที่ ๓ ไม่ถือมงคลตื่นข่าวเอาไว้. มงคลในพระพุทธศาสนามีเหมือนกัน คำว่า “มงคล” แปลว่า เหตุให้เกิดความสุข ความเจริญ แต่ว่าจะเกิดก็เพราะเกิดจากปฏิบัติธรรมะ ไม่ใช่เกิดจากอะไรๆ ดังที่เป็นประเภทตื่นข่าว ไม่ได้เกิดเพราะการปลุกเสก เพราะการกระทำอย่างนั้นอย่างนี้ ตามแบบที่เขาเชื่อกันทั่วๆไป พระพุทธศาสนาเกิดขึ้นเพื่อทำลายความเชื่อเหลวไหล ทำลายมงคลตื่นข่าว ทำลายไสยศาสตร์ ทำลายความเห็นผิด ประเภทต่างๆ ให้ผู้ปฏิบัติตามพุทธธรรมมีความเห็นถูก
มงคลในพระพุทธศาสนานั้น ปรากฏอยู่ในมงคลสูตร มี ๓๘ ประการ ขึ้นต้นก็ อะเสวะนา จะ พาลานัง การไม่คบคนพาล ปัณฑิตานัญจะ เสวะนา การคบหาสมาคมกับบัณฑิต ปูชา จะ ปูชะนียานัง บูชาคนที่ควรบูชา ๓ นี้ ถือว่าเป็นมงคลในคาถาต้น มีอยู่ ๓๘ เรื่อง เกี่ยวกับสังคม, เกี่ยวกับครอบครัว, เกี่ยวกับการงาน, เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่, และประการสุดท้าย เกี่ยวกับการปฏิบัติตนให้พ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อนต่างๆ ในมงคลสุดท้ายซิ มันสูงทีเดียว อะโสกัง วิระชัง เขมัง เอตัมมังคะละมุตตะมัง ที่ไม่มีความโศก ไม่มีมลทิน มีความเกษม สงัดจากสิ่งผูกพัน ชื่อว่าเป็นมลคลสูงสุด ตามมงคลที่ ๓๘ นี้ ไต่เต้าไปตามลำดับ จนถึงสูงสุดคือนิพพาน หลุดพ้นจากความทุกข์ความเดือดร้อน.
ถ้าเราต้องการความสุขความเจริญ ก็ต้องปฏิบัติตามมงคล ๓๘ นั้น ไม่ใช่มงคลทิศนั้น มงคลทิศนี้ อย่างนั้นอย่างนี้ แต่ด้วยการปฏิบัติชอบตามธรรมะ หรือพูดง่ายๆว่า อยู่ในศีล ในธรรมอันเป็นหลักปฏิบัติทั่วๆไป แต่ก็มีธรรมะสำหรับปฏิบัติเฉพาะเรื่อง เฉพาะบุคคล เฉพาะหน้าที่ ถ้าเราปฏิบัติให้ถูกต้องตามเรื่องตามราว เราก็จะได้รับความสุขความเจริญ
ความสุขความเจริญนั้น เกิดจากการปฏิบัติธรรม การปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้วัตถุก็มี การปฏิบัติธรรมเพื่อให้ได้ความสุขความสบายทางใจก็มี ผลมันมี ๒ อย่าง เช่นว่า เราจะหาทรัพย์สมบัติ เราก็ต้องปฏิบัติธรรม เช่น เป็นคนขยันทำมาหากิน รู้จักเก็บหอมรอมริบ คบคนดี เลี้ยงชีพในทางที่ถูกที่ต้อง นี้เป็นเหตุให้เกิดเจริญในทางทรัพย์ ให้งดเว้นจากการเหลวไหล เช่น งดจากการดื่มน้ำเมา เที่ยวกลางคืน การพนัน คบคนชั่วเป็นมิตร สนุกสนานไม่เข้าเรื่อง เกียจคร้านไม่ได้เรื่อง ท่านสอนให้เราปฏิบัติธรรมะอย่างนั้น เพื่อให้ได้สิ่งที่เป็นวัตถุ ส่วนธรรมะที่สอนให้สงบใจ ก็มีมากมายก่ายกองในคัมภีร์ทางพุทธศาสนา เราผู้ต้องการในเรื่องใดก็ต้องศึกษาเหตุของเรื่องนั้น ว่ามันจะได้โดยวิธีใด ควรจะทำอย่างไร ถ้าเราศึกษาธรรมะให้ถูกต้องทุกประการแล้ว เราก็หยิบเอาไปใช้เป็นเรื่องๆไป.
เรื่องของธรรมะ ถ้าจะเปรียบก็เหมือนยาแก้โรค มากมายหลายขนาน ที่พระพุทธเจ้าท่านปรุงไว้เสร็จแล้วเป็นยาสำเร็จรูป เราไม่ต้องไปปรุงอีกแล้ว ท่านปรุงไว้เรียบร้อยแล้ว เราเพียงแต่ว่าหยิบขวดยา อ่านฉลากยาให้เข้าใจ แล้วก็กินตามฉลากที่เขาบอกไว้ ก็จะหายโรคไปฉันใด เรื่องธรรมะก็อย่างนั้นเหมือนกัน เราหยิบมาใช้ ท่านวางไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ธรรมหมวดนั้น ชื่อนั้นๆ ใช้ได้อย่างนั้นๆ เราก็หยิบธรรมะอย่างนั้นๆ มาใช้ในกิจวัตรประจำวันของเราได้ให้ถูกต้อง เราปฏิบัติไปก็จะได้ผลและสำเร็จได้ก็ด้วยการปฏิบัติธรรม ถ้าไม่ปฏิบัติธรรมแล้ว อย่าไปหวังเลยว่าจะได้รับความสุขความเจริญ ถ้าจะได้ก็ได้สิ่งที่เป็นความทุกข์ ความเดือดร้อน เป็นความเสื่อม ความเสียหาย เกิดขึ้นจากการไม่ปฏิบัติธรรมะ ถ้าเราปฏิบัติธรรมะ หวังได้ว่าเราจะได้พบความสุข ความเจริญ
เพราะฉะนั้น ที่เป็นคฤหัสถ์ครองบ้านครองเมือง ควรต้องถือมงคลที่ถูกต้องตามหลักพระพุทธศาสนา อย่าไปเชื่อพวกงมงายทั้งหลาย ว่าอย่างนั้นดี อย่างโน้นดี ใครว่าไม่มีตัวตน เขาว่าๆจนหาเจ้าของไม่ได้ พวกลัทธิต่างๆ นี้มันไม่มีเจ้าของ เขาว่าๆสืบต่อกันมา เราเป็นพุทธศาสนิกชนไม่ให้ปฏิบัติตามเขาว่าๆอย่างนั้น แต่ให้ปฏิบัติตามธรรมะของพระพุทธเจ้า เราเป็นลูกศิษย์ของพระพุทธเจ้า ก็ต้องทำตามธรรมะของพระองค์ ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามธรรมะของพระองค์ ก็ได้ชื่อว่าไม่ซื่อตรงต่อพระพุทธเจ้า ไม่จงรักภักดีต่อพระพุทธเจ้า แล้วมันก็แย่ไปตามๆกัน หลักการเป็นอย่างนี้
Create Date : 27 กันยายน 2565 |
Last Update : 27 กันยายน 2565 10:37:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 402 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|