กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
ตุลาคม 2565
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
space
space
4 ตุลาคม 2565
space
space
space

๑.ทาน

สัปปุริสบัญญัติข้อ ๑ ทาน


   ทีนี้ ธรรม ๓ ประการนี้ ข้อต้น เรื่องทาน สละสิ่งของของตนเพื่อประโยชน์ผู้อื่น  เรื่องทาน แปลว่า การให้ เรื่องของการให้เป็นเรื่องสำคัญในชีวิตของมนุษย์เราประการหนึ่ง เพราะว่ามนุษย์เกิดมาไม่เท่าเทียมกัน ร่างกายไม่เหมือนกัน บางคนแข็งแรง บางคนอ่อนแอ สติปัญญาก็ไม่เท่ากัน บางคนโง่ บางคนฉลาด บางคนเกิดในตระกูลที่มีทรัพย์มาก บางคนก็เกิดในตระกูลที่มีทรัพย์น้อย บางคนก็ร่างกายสมบูรณ์ ไม่พิกลพิการ แต่ว่าบางคนนั้นร่างกายวิกลวิการ ขาเสียไปบ้าง มือขาดไปบ้าง สภาพชีวิตไม่เหมือนกันอย่างนี้

ผู้รู้ทั้งหลายหรือว่าคนดีทั้งหลายจึงได้บัญญัติเรื่องทานไว้เป็นข้อแรก ให้เป็นระเบียบของสังคมมนุษย์ ว่ามนุษย์ที่อยู่ร่วมกันนั้นจะต้องมีการให้ทาน เพราะการให้ทานนี้ เป็นการเฉลี่ยความสุขให้กันและกัน ยิ่งเฉลี่ยมากเท่าใด ความสุขก็ยิ่งแผ่ออกไปกว้างเท่านั้น ทำให้ผู้ที่ขาดแคลนได้รับสิ่งจำเป็นแก่ชีวิต เป็นกิจชอบที่ควรปฏิบัติในชีวิตประจำวัน ท่านจึงได้บัญญัติเรื่องนี้ไว้

   ในสังคมใดที่มีผู้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ รู้จักแจกแบ่งสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อกันและกัน สังคมนั้น ย่อมมีความสุขความสงบ แต่ในสังคมใดที่ขาดการเฉลี่ยความสุขให้แก่กัน สังคมนั้น ก็จะเกิดความวุ่นวาย คือจะเกิดความริษยา จะเกิดการเบียดเบียนกันในทางทรัพย์ ในทางร่างกาย เพราะไม่เฉลี่ยแบ่งปันกัน เพราะฉะนั้น ศาสนาในทุกศาสนามีเรื่องทานทั้งนั้น สอนให้ทำทานทั้งนั้น ตามระเบียบของศาสนานั้นๆ

   ในศาสนา อิ.ล. เขาก็มีการบริจาคทาน เขาเรียกว่า ยากัส ยากัส คือส่วนที่จะต้องแบ่งปันให้ผู้อื่น ผู้ที่ควรได้รับส่วนแบ่งมีหลายประเภท   เช่น  เราทำนาได้ข้าว ต้องแบ่งให้คนบางประเภท คือคนที่พิกลพิการ เจ็บไข้ได้ป่วย มาเข้าศาสนาใหม่ ยังตั้งเนื้อตั้งตัวไม่ได้ ไปราชการทัพกลับมาไม่มีอะไรจะกินจะใช้ ต้องแบ่งปัน นั้นเป็นเรื่องของการให้ทาน แต่ว่าทานของพี่น้องอิสลามนั้น มันจำกัดอยู่เฉพาะในหมู่ในพวกของตนเท่านั้น ไม่เอื้อเฟื้อไปถึงคนนอกศาสนา ที่ไม่นับถือศาสนาเดียวกับตน

   ในศาสนาคริสต์ พระเยซูบัญญัติเรื่องทานไว้เหมือนกัน เช่น ตรัสว่า จงให้เมื่อถูกขอ นี่ก็เป็นคำเตือนเรื่องให้ทานนี่เอง ให้บริจาคส่วนที่ตนมีอยู่เพื่อประโยชน์ เพื่อความสุขแก่คนอื่น ผู้ใดทำมาหากินสะสมทรัพย์สมบัติได้มากเกินไป ไม่บริจาคทาน ผู้นั้นจะไม่มีโอกาสอยู่ร่วมกับพระผู้เป็นเจ้า ประตูสวรรค์ไม่เปิดสำหรับคนที่สะสมทรัพย์สมบัติมากเกินไป แล้วไม่เฉลี่ยแบ่งปันให้แก่ผู้อื่น


   ในทางพระพุทธศาสนาเรานั้น ถือเรื่องทานเป็นเรื่องหลักปฏิบัติสำหรับชาวบ้าน เวลาพระองค์สอนชาวบ้านก็สอนเรื่องทานก่อน    แล้วสอนเรื่องศีล สอนเรื่องภาวนา   ที่เราเรียกว่า  ทาน ศีล ภาวนา อันนี้สำหรับชาวบ้าน  สำหรับนักบวชนั้นสอนว่า ศีล สมาธิ ปัญญา ข้อปฏิบัติ ๓ อย่างเหมือนกัน   แต่สำหรับชาวบ้านเริ่มต้นด้วย ทาน ศีล ภาวนา สำหรับพระเริ่มต้นด้วย ศีล สมาธิ ปัญญา เพราะว่าพระนั้นไม่มีวัตถุอะไรจะพึงให้   แต่ถ้ามีก็ให้ได้เหมือนกัน ไม่ได้ห้ามอะไร  ส่วนชาวบ้านนั้น มีของกินของใช้ เพราะเป็นคนประกอบอาชีพ ก็ควรจะได้มีโอกาสบริจาคทาน เฉลี่ยส่วนที่ตนมีอยู่ เพื่อประโยชน์แก่คนอื่นบ้าง

  เรื่องนี้ จึงถือว่าเป็นเรื่องเบื้องต้นของการก้าวหน้าในทางศีลธรรม เป็นหลักที่ทุกคนควรจะปฏิบัติ ให้เราคิดดูว่า คนเราที่อยู่รวมกัน ถ้าหากว่าต่างคนต่างตระหนี่ เห็นแก่ตัว แล้วจะอยู่ด้วยกันด้วยความสุขได้อย่างไร ถ้าทุกคนชวนกันบริจาค แบ่งปันกันกินกันใช้ สังคมนั้นก็จะมีความสุข เรื่องทานมันเป็นอย่างนี้  วัตถุที่เราจะให้เป็นทานนั้น มีอยู่ ๓ อย่าง เขาเรียกว่า ให้ทานในสิ่งที่เป็นวัตถุประเภทต่างๆ

 


Create Date : 04 ตุลาคม 2565
Last Update : 4 ตุลาคม 2565 18:53:05 น. 0 comments
Counter : 251 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space