กรรมเก่า คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ.เป็นเจ้าบทบาทเดิม จากนั้น การศึกษาอาศัยปรโตโฆสะ ซึ่งมีคติว่า "คนเป็นไปตามสภาพแวดล้อมที่ปรุงปั้น" และโยนิโสมนสิการ ซึ่งมีคติย้อนกลับว่า "ถ้าเป็นคนรู้จักคิด แม้แต่ฟังคนบ้าคนเมาพูด ก็อาจสำเร็จเป็นพระอรหันต์"
space
space
space
<<
สิงหาคม 2565
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
space
space
19 สิงหาคม 2565
space
space
space

แทรกเสริม ทุกข์ ๓


235 เสริมความหมายคำว่า ทุกข์ ให้ลึกลงไปอีก


    คำสรุปของปฏิจจสมุปบาท แสดงให้เห็นว่าหลักปฏิจจสมุปบาททั้งหมด เป็นกระบวนการเกิด-ดับของทุกข์ หรือหลักปฏิจจสมุปบาททั้งหมด  มีความมุ่งหมายเพื่อแสดงความเกิด-ดับของทุกข์เท่านั้นเอง

   คำว่าทุกข์   มีความสำคัญและมีบทบาทมากในพุทธธรรม   แม้ในหลักธรรมสำคัญอื่นๆ เช่น ไตรลักษณ์ และอริยสัจ   ก็มีคำว่าทุกข์เป็นองค์ประกอบสำคัญ   จึงควรเข้าใจคำว่าทุกข์กันให้ชัดเจน

   เมื่อศึกษาคำว่า ทุกข์ ในพุทธธรรม ให้สลัดความเข้าใจแคบๆ ในภาษาไทยทิ้งเสียก่อน และพิจารณาใหม่ตามความหมายในพุทธพจน์ ที่แบ่งทุกขตา (ภาวะแห่งทุกข์) เป็น ๓ อย่าง (ในพระไตรปิฎก แสดงไว้เพียงชื่อข้อธรรม ไม่ได้แสดงความหมาย) พร้อมด้วยคำอธิบาย ดังนี้

      ๑. ทุกขทุกขตา    ทุกข์ที่เป็นความรู้สึกทุกข์ คือ ความทุกข์กายทุกข์ใจ ไม่สบาย เจ็บปวด เมื่อยขบ โศกเศร้า เป็นต้น อย่างที่เข้าใจกันโดยสามัญ ตรงตามชื่อ ตามสภาพ ที่เรียกกันว่า ทุกขเวทนา  (ความทุกข์อย่างปกติที่เกิดขึ้น เมื่อประสบอนิฏฐารมณ์ หรือสิ่งกระทบกระทั่งบีบคั้น)

      ๒. วิปริณามทุกขตา    ทุกข์เนื่องด้วยความผันแปร หรือทุกข์ที่แฝงอยู่ในความผันแปรของสุข คือ ความสุขที่กลายเป็นความทุกข์ หรือทำให้เกิดทุกข์ เพราะความแปรปรวนกลับกลายของมันเอง (ภาวะที่ตามปกติ  ก็สบายดีเฉยอยู่  ไม่รู้สึกทุกข์อย่างใดเลย แต่ครั้นได้เสวยความสุขบางอย่าง   พอสุขนั้นจางลงหรือหายไป  ภาวะเดิมที่เคยรู้สึกสบายเป็นปกตินั้น   กลายเป็นเป็นทุกข์ไป   เสมือนเป็นทุกข์แฝง ซึ่งจะแสดงตัวออกมาในทันทีที่ความสุขนั้นจืดจาง หรือเลือนลางไป  ยิ่งสุขมากขึ้นเท่าใด ก็กลับกลายเป็นทุกข์รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น   เสมือนว่าทุกข์ที่แฝงขยายตัวตามขึ้นไป ถ้าความสุขนั้นไม่เกิดขึ้น   ทุกข์เพราะสุขนั้นก็ไม่มี  แม้เมื่อยังเสวยความสุขอยู่ พอนึกว่าสุขนั้นอาจจะต้องสิ้นสุดไป   ก็ทุกข์ด้วยความกังวล ใจหายไหวหวั่น ครั้นกาลเวลาแห่งความสุขผ่านไปแล้ว   ก็หวนระลึกด้วยความละห้อยหาว่า เราเคยมีสุขอยางนี้ๆ บัดนี้ สุขนั้นไม่มีเสียแล้วหนอ)

      ๓. สังขารทุกขตา   ทุกข์ตามสภาพสังขาร คือ สภาวะของตัวสังขารเอง หรือสิ่งทั้งหลายทั้งปวงที่เกิดจากเหตุปัจจัยได้แก่ ขันธ์ ๕ (รวมถึงมรรค ผล ซึ่งเป็นโลกุตรธรรม) เป็นทุกข์ คือ เป็นสภาพที่ถูกบีบคั้นด้วยปัจจัยที่ขัดแย้ง  มีการเกิดขึ้น  และการสลายหรือดับไป  ไม่มีความสมบูรณ์ในตัวของมันเอง  อยู่ในกระแสแห่งเหตุปัจจัย  จึงเป็นสภาพซึ่งพร้อมที่จะก่อให้เกิดทุกข์  (ความรู้สึกทุกข์หรือทุกขเวทนา)  แก่ผู้ไม่รู้เท่าทันต่อสภาพ และกระแสของมัน  และเข้าไปฝืนกระแสอย่างทื่อๆ ด้วยความอยากความยึด  (ตัณหาอุปาทาน)  อย่างโง่ๆ  (อวิชชา)  ไม่เข้าไปเกี่ยวข้องและปฏิบัติต่อมันด้วยปัญญา

   ทุกข์ข้อสำคัญ คือข้อที่ ๓ แสดงถึงสภาพของสังขารทั้งหลายตามที่มันเป็นของมันเอง แต่สภาพนี้จะก่อให้เกิดความหมายเป็นภาวะในทางจิตวิทยาขึ้นได้  ในแง่ที่ว่า  มันไม่อาจให้ความพึงพอใจโดยสมบูรณ์ และสามารถก่อให้เกิดทุกข์ได้เสมอแก่ผู้เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยอวิชชา ตัณหา อุปาทาน

(พุทธธรรม น. 160)


Create Date : 19 สิงหาคม 2565
Last Update : 25 มกราคม 2567 19:02:16 น. 0 comments
Counter : 211 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

สมาชิกหมายเลข 6393385
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]






space
space
[Add สมาชิกหมายเลข 6393385's blog to your web]
space
space
space
space
space