Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
31 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

"ปูซาน"ถึง"เคียงจู" ดูเมืองเก่าเกาหลี


"ปูซาน"ถึง"เคียงจู" ดูเมืองเก่าเกาหลี

วิภาวี จุฬามณี



คนส่วนใหญ่รู้จักประเทศเกาหลีใต้ผ่านละครซีรีส์ และนักร้องบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ป ที่แต่ละคนล้วนหน้าตาหล่อเหลา สะสวย แถมเกาหลียังขึ้นชื่อเรื่องการทำศัลยกรรมด้วยไม่น้อย

>>>แต่ทริปนี้เปิดประสบการณ์อีกมุมของเกาหลี เน้นไปที่ทัวร์ประวัติศาสตร์ ย่ำย่านเมืองเก่า เข้าวัด ชมพิพิธภัณฑ์ ที่หลายคนอาจจะยังไม่รู้จัก

>>>ออกเดินทางช่วงปลายเดือนมี.ค. กำหนดการที่วางไว้คือ ลงเครื่องที่สนามบินเมืองปูซาน แล้วค่อยตะลอนขึ้นเหนือไปถึงย่านเมืองเก่า "เคียงจู" (Gyeongju)

อากาศเช้าที่ปูซาน เมืองท่าทางตอนใต้ หนาวกว่าที่คิด แล้วเริ่มออกทัวร์จุดแรกที่ตลาดชากัลชิ (Jagalchi) แหล่งจำหน่ายอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้

ตลอด 2 ข้างทางมีอาหารทะเลสดๆ วางให้เลือกสรรละลานตา ที่มีมากคือจำพวกปลาแมคเคอเรล ปลาหมึก และหอยชนิดต่างๆ

แต่ที่สะดุดตาคือ "Sea squirts" หรือบ้านเราเรียก "เพรียงหัวหอม" ตัวสีส้ม กลมๆ ผิวขรุขระ เวลากินจะกรีดเอาแต่เนื้อด้านใน บ้านเราอาจไม่คุ้นเท่าไหร่ แต่คนเกาหลี ญี่ปุ่น รู้จักเอามาปรุงเป็นอาหารนานแล้ว

>>>ถัดมาไกด์ชาวเกาหลีพามาเดินเล่นที่ "ดงเบ็กปาร์ก" (Dongbaek Park) สวนสาธารณะใหญ่บนเกาะกลางเมืองปูซาน เป็นที่ตั้งของ "Nurimaru APEC House" สถานที่จัดการประชุมเอเปก เมื่อปีค.ศ.2005 จากที่นี่สามารถมองเห็นท้องทะเลสีฟ้าคราม มีตึกน้อยใหญ่ของเมืองปูซานเป็นฉากหลัง

>>>ไกด์หนุ่มเล่าว่า ประชากร 3.7 ล้านคนของปูซาน อาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ และคอนโดมิเนียม ราว 70 เปอร์เซ็นต์ จึงไม่ต้องแปลกใจที่เห็นเมืองนี้มีตึกสูงมากมายเต็มไปหมด

จากย่านสมัยใหม่ รถบัสพามุ่งหน้าไปเคียงจู เมืองที่ได้ชื่อว่า "พิพิธภัณฑ์ไร้กำแพง" เพราะแวดล้อมไปด้วยแหล่งโบราณสถาน และโบราณวัตถุสำคัญๆ มากมาย

>>>เคียงจูเคยเป็นเมืองหลวงของอาณาจักรชิลลาเป็นเวลาเกือบพันปี ก่อนจะรวมเป็นประเทศเกาหลีใต้ในปัจจุบัน สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในเมืองนี้ จุดแรกแวะที่ "ถ้ำซ็อกคูรัม" (Seokguram) พุทธศาสนสถานเก่าแก่ ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก เมื่อปีค.ศ.1995

ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่แกะสลักจากหิน ผนังถ้ำเป็นรูปทรงโดมทำจากหินแกรนิตแกะสลักลวดลายวิจิตร น่าเสียดายที่ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวบันทึกภาพภายใน ใครที่อยากชื่นชมความงาม จึงควรหาโอกาสไปชมกับตาตัวเองสักครั้ง

ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในคราวเดียวกันคือ "วัดพูลกุกซา" (Bulguksa Temple) ตั้งอยู่ใกล้กัน ใช้เวลาเดินทางราว 20 นาที ความโดดเด่นของวัดนี้ คือเป็นศูนย์กลางของศาสนาพุทธในอาณาจักรชิลลา สร้างขึ้นเมื่อปีค.ศ.751 และเสร็จสมบูรณ์ในปีค.ศ.774

วัดพูลกุกซา เคยถูกเผาทำลายโดยกองทัพญี่ปุ่นในปีค.ศ.1593 เพราะเป็นฐานของกองกำลังทหารอาสาสมัคร และได้รับการบูรณะขึ้นใหม่หลายต่อหลายครั้ง โบราณสถานสำคัญภายในวัดคือ พระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ รวมถึงเจดีย์ และสะพานบันไดที่สร้างจากหิน

จากวัดพูลกุกซา เดินทางต่อไปที่ "สระอันอัปจิ" (Anapji) สระแห่งนี้เคยเป็นที่พักผ่อนของราชวงศ์ในสมัยอาณาจักรชิลลา ความน่าสนใจ คือกษัตริย์ในยุคนั้นได้เนรมิตเนินเขาขนาดย่อม ปลูกดอกไม้หลากหลายพันธุ์ และนำสัตว์หายากมาปล่อยไว้ภายในสถานที่นี้ เพื่อสร้างความรื่นรมย์ให้บรรดาเชื้อพระวงศ์ที่มักมาจัดงานรื่นเริงกัน

ปัจจุบันรั้วกำแพงรอบสระอันอัปจิ เหลือให้เห็นเพียงฐานราก แต่ยังมีอาคารบางส่วนที่สร้างจำลองขึ้นใหม่

โดยก่อนหน้านี้ในปีค.ศ.1974 มีการวิดน้ำออกจากสระ จนพบว่าที่ก้นสระมีหีบ ซึ่งเต็มไปด้วยวัตถุโบราณ และทั้งหมดนี้นำมาจัดแสดงไว้ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เมืองเคียงจู

ที่ดูจะสร้างความสนใจให้คณะของเราเป็นพิเศษคือ "หอดูดาวชมซงแด" (Cheomseondae) หอดูดาวเก่าแก่ที่สุดของเกาหลีใต้ และอาจเป็นหอดูดาวแห่งแรกในเอเชียตะวันออก

ใครที่เป็นแฟนซีรีส์เกาหลี "ซอนต๊อกมหาราชินีสามแผ่นดิน" อาจคุ้นหูกับชื่อหอดูดาวแห่งนี้

>>>ตามประวัติบอกว่า พระราชินีซอนต๊อก (Seondeok Queen) โปรดให้สร้างขึ้น เพื่อลบล้างความเชื่องมงายเรื่องไสยศาสตร์ และทำลายอิทธิพลของขุนนาง "มีซิน" ที่มักอ้างว่าสั่งดวงอาทิตย์ สั่งดวงจันทร์ให้มืดดับ หรือกลับมาสว่างได้ ให้ประชาชนได้เข้าใจว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่เห็นคือปรากฏการณ์ธรรมชาติ และทุกคนสามารถทำนายได้ ถ้ารู้จักสังเกตการโคจรของดวงดาว

>>>ปิดท้ายทัวร์ประวัติศาสตร์ที่ "อุทยานทูมูลี" (Tumuli) เมื่อเดินเข้าไปภายในจะเห็นเนินเตี้ยๆ หลายลูก อันที่จริงแล้วคือสุสานหลวงของอาณาจักรชิลลา

ตามประวัติบอกว่า ในปีค.ศ.1974 มีการขุดค้นสุสานชนมาชอง หรือสุสานม้าสวรรค์ และพบทรัพย์สมบัติมีค่าถึง 10,000 ชิ้น หนึ่งในนั้นคือ มงกุฎ และเข็มขัดทองคำ ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ เมืองเคียงจู


ที่มา นสพ ข่าวสด




 

Create Date : 31 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 31 มีนาคม 2555 4:37:22 น.
Counter : 3608 Pageviews.


Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.