Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
15 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 

▶●มอญสามโคก▶รำผีมอญ ●





>>>ถ้าใครนั่งเรือหางยาวไปตามแม่น้ำเจ้าพระยา ผ่าน อ.สามโคก จ.ปทุมธานี แล้วเห็นเจดีย์สีเหลืองอร่ามรูปทรงสวยงาม มีเสาหงส์ตั้งอยู่ใกล้ๆ นั่นคือวัดมอญ ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจชาวมอญนั่นเอง สามโคกมีชื่อปรากฏอยู่ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาหลายฉบับ ในปี พ.ศ. 2203 ชาวมอญเมืองเมาะตะมะได้อพยพครัวเรือนหนีภัยสงครามเข้ามาประมาณ 10,000 คน สมเด็จพระนารายณ์มหาราชโปรดเกล้าฯให้ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่บ้านสามโคก

>>>เมื่อมาอยู่ในประเทศไทยก็มีประเพณีทางศาสนาที่ยึดถือสืบต่อกันมาอย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะการสร้างเจดีย์ เจดีย์มอญที่พบในปทุมธานีมีอยู่ 3 แบบใหญ่ๆ ซึ่งได้มาจากต้นแบบ 3 เมืองแห่งอาณาจักรใหญ่ของมอญ ได้แก่ แบบเจดีย์ชเวดากอง ที่เมืองย่างกุ้ง รูปทรงเจดีย์คล้ายจอมแห องค์ระฆังสมส่วน พบที่วัดสำแล วัดสวนมะม่วง วัดสองพี่น้อง วัดเมตารางค์ วัดท้ายเกาะใหญ่

>>>แบบเจดีย์ชเวมอดอหรือพระธาตุมุเตา ที่เมืองหงสาวดี องค์ระฆังอ้วนกลมคล้ายดอกบัวตูม พบที่วัดศาลาแดง วัดศาลเจ้า แบบเจดีย์อานันทเจดีย์ ที่เมืองพุกาม องค์ระฆังเล็กเรียว มีซุ้มสี่ด้าน พบที่วัดเจดีย์ทอง นอกจากนี้ยังมีเจดีย์มอญที่วัดลุ่ม วัดบางตะไมย์ วัดบางกุฎีขาว เป็นต้น

>>>ชาวมอญสามโคกมักจะตั้งบ้านเรือนอยู่รวมกันเป็นกลุ่มในที่ซึ่งทางราชการจัดไว้ให้ บ้านเหล่านี้มีลักษณะแตกต่างจากบ้านคนไทยเล็กน้อย มักปลูกอยู่ริมน้ำในลักษณะขวางแม่น้ำหรือลำคลอง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงกล่าวถึงการปลูกเรือนของชาวมอญแถบสามโคก ซึ่งทรงพบเมื่อครั้งตามเสด็จพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปบางปะอินโดยทางเรือไว้ว่า

>>>“มอญชอบปลูกเรือนขวางแม่น้ำ เอาด้านขื่อลงทางแม่น้ำ จึงกล่าวกันว่ามอญขวาง แล้วคนจึงเอามาประดิษฐ์พูดเป็นคำหยาบ มาคิดดูเห็นว่าพวกมอญปลูกเรือนเช่นนั้นน่าจะประสงค์เอาด้านขื่อรับแดด เพราะแม่น้ำตรงนั้นยาวตามเหนือลงมาใต้ ปลูกเช่นนี้หันหน้าเรือนไปทางทิศเหนือ มีพะไลหลังคาบังลมหนาว ด้านใต้ฝาเรือนก็ไม่ถูกแดดเผา และรับลมทางใต้ ก็ดูเหมาะทั้งสี่ทิศ”

ชาวมอญได้อพยพเข้ามาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่สามโคกหลายครั้งตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงรัตนโกสินทร์ ตั้งบ้านเรือนอยู่ริมสองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ชาวมอญเหล่านี้ได้บูรณะวัดต่างๆซึ่งรกร้างมาตั้งแต่เสียกรุงศรีอยุธยา ประกอบอาชีพทำเครื่องปั้นดินเผาและเครื่องจักสาน บรรทุกเรือขึ้นล่องไปขายตามแม่น้ำลำคลอง เครื่องปั้นดินเผาของชาวมอญที่มีชื่อเสียงมีหลายรูปแบบตามประเพณีและวัฒนธรรมของชาวมอญ

>>>ตุ่มสามโคกมีแหล่งผลิตอยู่ที่วัดสิงห์ อ.สามโคก ปัจจุบันโคกที่หนึ่งมีสภาพเป็นโคกเนินดินขนาดใหญ่ มีเศษเครื่องปั้นดินเผากระจายอยู่ทั่วบริเวณ มีพื้นที่ประมาณ 150 ตารางวา โคกที่สองตั้งอยู่ห่างจากโคกที่หนึ่งประมาณ 30 เมตร มีลักษณะโครงสร้างผนังเตาก่อด้วยอิฐเรียงซ้อนกัน มีพื้นที่ประมาณ 100 ตารางวา โคกที่สามไม่มีร่องรอยสภาพเดิมเหลืออยู่

>>>ตุ่มสามโคกภาษามอญเรียกว่า อีเลิ้ง เป็นภาชนะสำหรับใส่น้ำดื่ม มีลักษณะเป็นรูปทรงกลม ปากโอ่งแคบ ขอบปากม้วนออกติดกับไห กลางป่อง ไหล่ผาย ก้นตัดเป็นรูปทรงกลมเตี้ย เนื้อภาชนะค่อนข้างหนา เป็นเนื้อดินสีแดง ไม่เคลือบเงา มีน้ำหนักมาก และมีหลายขนาด ผลิตมาตั้งแต่สมัยอยุธยา พ่อค้าชาวมอญนำตุ่มสามโคกที่ผลิตได้บรรทุกเรือไปขายยังเมืองบางกอกตามคูคลองต่างๆ ส่งผลให้กลายเป็นชื่อหมู่บ้าน ตลาด คูคลอง ตามสินค้าที่นำไปขาย เช่น คลองโอ่งอ่าง และตลาดนางเลิ้ง ซึ่งชาวมอญเมืองสามโคกได้นำตุ่มสามโคกหรืออีเลิ้งไปวางขายนั่นเอง


▷▷รำผีมอญ
>>>ชาวมอญมีความเชื่อว่าทุกครอบครัวมีผีรักษา หรือมีผีประจำตระกูล ที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “ผีมอญ” มีหน้าที่คอยปกปักรักษาให้สมาชิกในครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข และห้ามล่วงละเมิด “ทำผิดผี” ด้วยประการทั้งปวง เช่น ห้ามคนตั้งครรภ์ที่มิใช่ลูกสาวเจ้าของเรือนนอนในเรือน ห้ามคู่สามีภรรยาที่ไม่ได้อยู่ร่วมผีเดียวกันกับเจ้าของเรือนร่วมหลับนอนในเรือน ห้ามเจ้าเรือนกินอาหารร่วมสำรับกับแขกที่มาเยือน ฯลฯ

>>>การทำผิดผีจะส่งผลให้คนในบ้านเจ็บไข้ได้ป่วย จึงได้จัดพิธีขอขมา อย่างไรก็ตาม การรำผีมอญถือเป็นพิธีกรรมที่ใช้เงินค่อนข้างมาก ทั้งค่าเครื่องไหว้ ค่าอาหาร ค่าจ้างคนมารำ แต่เมื่อทำเสร็จแล้วคนในบ้านก็สบายใจ ในขณะเดียวกันก็เป็นการประกาศให้เพื่อนบ้านได้รู้ว่าบ้านนี้มีผู้ทำผิดผี ได้จัดพิธีการขอขมาแล้ว

●●ที่มา : หนังสือพิมพ์โลกวันนี้รายวัน ปีที่ 13 ฉบับที่ 3249 ประจำวันพฤหัสบดีที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2555 คอลัมน์ มรดกตกทอด โดย ปู่ทอง




 

Create Date : 15 มีนาคม 2555
0 comments
Last Update : 15 มีนาคม 2555 14:22:51 น.
Counter : 1843 Pageviews.


Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.