ญี่ปุ่น,จีน,รัสเซีย,ยุโรป ,อเมริกาในช่วง 1900
ภาพพิมพ์แสดงการโจมตีกองเรือรัสเซีย ยุทธนาวีพอร์ตอาเธอร์ เป็นส่วนหนึ่งของ สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น
จากการเข้าไปตักตวงผลประโยชน์จากชาติตะวันตกบนดินแดนของจีน ก่อให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากชาวจีนผู้รักชาติ จนเกิดกบฏนักมวย ในปี ค.ศ. 1900 จนมหาอำนาจทั้งหลายรวมถึงอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส รัสเซีย และญี่ปุ่น ส่งกำลังเข้าไปช่วยรักษาความสงบในปักกิ่ง จนเหตุการณ์สงบลง แต่รัสเซียกลับไม่ยอมถอนทหารออกจากแมนจูเรีย แสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งว่าจะยึดครองแมนจูเรีย พร้อมทั้งยังเสนอให้ญี่ปุ่นยินยอมให้คาบสมุทรเกาหลีเป็นดินแดนที่เป็นกลาง ญี่ปุ่นปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าว เพราะมองว่าจะเป็นการยอมรับการครอบครองแมนจูเรียของรัสเซียไปโดยปริยาย
เมืองพอร์ตอาเธอร์ในปี ค.ศ. 1903
ญี่ปุ่นประเมินว่าไม่สามารถขับไล่กำลังของรัสเซียออกจากแมนจูเรียได้ จึงมีแนวคิดที่จะยับยั้งไม่ให้รัสเซียรุกคืบเข้ามาในคาบสมุทรเกาหลีด้วยวิธีการทางการทูต แต่การเจรจาต่อรองกับรัสเซียไม่ประสบผลสำเร็จ ในปี ค.ศ. 1902 ญี่ปุ่นจึงหันไปผูกมิตรกับอังกฤษที่มีผลประโยชน์ขัดแย้งกับการขยายอิทธิพลของรัสเซียใน เอเซียตะวันออก และเร่งขยายขีดความสามารถทางทหาร โดยเฉพาะการเสริมสร้างกำลังทางเรือประเภทเรือรบหลักตามเป้าหมาย กองเรือ 6 - 6 (เรือประจัญบาน 6 ลำ เรือลาดตระเวนหนัก 6 ลำ) เพราะมองว่ารัสเซียกำลังเป็นภัยคุกคามที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป
ภาพวาดเรือรบรัสเซียส่องไฟและยิงปืนต่อต้านเรือรบญี่ปุ่น
ญี่ปุ่นจึงได้เลือกพอร์ตอาเธอร์เป็นเป้าหมายแรกของสงคราม โดยประเมินว่าจำเป็นต้องทำลายกองเรือรัสเซียที่พอร์ตอาเธอร์ให้สิ้นซาก ก่อนที่กำลังทางเรือจากทะเลบอลติกของรัสเซียภายใต้บัญชาการของพลเรือเอก ซีโนวี โรซเดสท์เวนสกี จะเดินทางมาสมทบ ซึ่งหากทำได้สำเร็จก็จะส่งผลต่อการรบทางบกอย่างใหญ่หลวง ทั้งยังเป็นเครื่องประกันความปลอดภัยของเส้นทางขนส่งลำเลียงทางทะเลที่จะช่วยในการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงแก่กำลังทางบกของญี่ปุ่นในแมนจูเรียด้วย
ญี่ปุ่นมองว่าเหตุการณ์ความไม่สงบภายในของรัสเซียจากความเคลื่อนไหวของกลุ่มปฏิวัติต่อต้านรัฐบาลจักรพรรดินีคาไลที่ 2 นั้นส่งผลดีต่อญี่ปุ่น และญี่ปุ่นประเมินว่ารัสเซียจะไม่สามารถระดมกำลังมาที่แมนจูเรียได้อย่างเต็มที่ เพราะต้องแบ่งกำลังบางส่วนไว้ในพื้นที่ยุโรป เพื่อรับมือกับ จักรวรรดิออตโตมัน, จักรวรรดิเยอรมัน และ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี กำลังรบทางบกจึงน่าจะมีกำลังใกล้เคียงกัน และด้วยกำลังรบทางทะเล ญี่ปุ่นประเมินว่าตนเองมีความได้เปรียบเหนือกองเรือภาคพื้นแปซิฟิกของรัสเซีย เนื่องจากการเสริมกำลังทางเรือจากยุโรปต้องเดินทางอ้อมแหลมกู๊ดโฮปและจะมีปัญหาในการส่งกำลังบำรุง เพราะเมืองท่าส่วนใหญ่เป็นอาณานิคมของอังกฤษที่เป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น นอกจากนั้นกำลังทางเรือในแปซิฟิกเองยังแบ่งเป็น 2 พื้นที่ คือ ที่พอร์ตอาเธอร์ และวลาดีวอสตอค ญี่ปุ่นจึงน่าจะสามารถรวมกำลังและจัดการกับกำลังทางเรือของรัสเซียในแต่ละพื้นที่ได้ อันจะทำให้ญี่ปุ่นสามารถควบคุมเส้นทางคมนาคมทางทะเลที่มีความสำคัญยิ่งต่อการส่งกำลังบำรุงจากญี่ปุ่นไปยังกองทหารในแมนจูเรียได้
อีกอย่างที่ญี่ปุ่นมองว่าเป็นความได้เปรียบ คือ ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรียของรัสเซียยังไม่เสร็จสมบูรณ์ การส่งกำลังบำรุงจากพื้นที่ยุโรปของรัสเซียมายังพื้นที่แมนจูเรียจะทำได้จำกัด ญี่ปุ่นจะต้องโจมตีทำลายกำลังของรัสเซียในแมนจูเรียให้ได้ ก่อนที่ระบบข่ายงานการส่งกำลังบำรุงของรัสเซียจะใช้งานได้อย่างเต็มที่ ในเรื่องการส่งกำลังบำรุงนี้ ฝ่ายญี่ปุ่นก็ตระหนักดีว่ามีปัญหาในทำนองเดียวกัน และมีแนวความคิดว่าจะไม่รุกคืบเข้าไปในแมนจูเรียลึกและเร็วเกินไป แม้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบก็ตาม
ภาพวาดยุทธการที่แม่น้ำยาลู่ วาดโดยวะตะนะเบะ โนะบุกะซุ ในปี ค.ศ. 1904
และประการสุดท้ายที่ญี่ปุ่นมองว่าเป็นความได้เปรียบทางยุทธวิธี เนื่องจากกองทัพรัสเซียมีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะทำการรบในที่ราบของแมนจูเรียได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งกำลังพลก็ด้อยการฝึก และการสื่อสารก็ไม่ดี ทำให้ขาดความคล่องตัวในการดำเนินกลยุทธ์ ญี่ปุ่นจึงเชื่อว่าจะได้เปรียบจากการจัดกำลังรบให้มีขนาดย่อมลงและใช้ความคล่องตัวให้เป็นประโยชน์ พร้อมทั้งเน้นการฝึกกำลังพลให้พร้อมทำการรบในเวลากลางคืนอีกด้วย
แม้จะประเมินว่ามีความได้เปรียบต่าง ๆ ดังกล่าว ฝ่ายญี่ปุ่นเองก็ยังเห็นพ้องกันว่า คงไม่สามารถเอาชนะรัสเซียเด็ดขาดได้ เพียงแต่อาจสามารถยันเสมอหรือบรรลุความได้เปรียบเล็กน้อย จึงกำหนดเป้าหมายยุทธศาสตร์ให้มีการไกล่เกลี่ยในเงื่อนไข หกสิบ-สี่สิบ เป้าหมายนี้จะบรรลุได้ต่อเมื่อกองทัพญี่ปุ่นมีความได้เปรียบเหนือกว่ากองทัพรัสเซียในแมนจูเรีย ซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยากเพราะกำลังสำรอง รวมทั้งอาวุธและกระสุนมีจำกัด
จักรพรรดิเมจิ ทรงย้ายที่ประทับจาก เคียวโตะ มายัง โตเกียว ในปี ค.ศ. 1868
เวลา 22.30 น. ของวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1904 กองเรือกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นอันประกอบด้วยเรือตอร์ปิโด 10 ลำ ถูกพบโดยเรือประจัญบานของรัสเซีย กองเรือรัสเซียซึ่งรับคำสั่งที่จะไม่เปิดศึกได้เลือกที่จะรายงานไปยังศูนย์บัญชาการ จนกระทั่งเวลา 00.28 น. ของวันที่ 9 กุมภาพันธ์ เรือพิฆาต 4 ลำแรกของญี่ปุ่นได้เข้าหาพอร์ตอาเธอร์โดยไม่เป็นที่สังเกต และได้เปิดฉากโจมตีด้วยตอร์ปิโดไปยังเรือ พัลลาดา และ เร็ทวิซัน ในขณะที่เรือรบลำอื่นของญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในการโจมตีน้อยมาก จากการที่ตอร์ปิโดจำนวนมากติดอยู่ในตาข่ายดักตอร์ปิโด ซึ่งกำลังเสริมของญี่ปุ่นนั้นมาสายเกินไปจนทำให้ทางฝ่ายรัสเซียเริ่มสามารถตั้งรับ และทำให้การโจมตีของญี่ปุ่นนั้นดูจะเป็นการโจมตีแบบเอกเทศแทนที่จะโจมตีแบบประสานงานกัน อย่างไรก็ตาม กองเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นก็สามารถทำให้เรือประจัญบานที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซีย เทสซาเรวิช ได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้ต่อสู้ได้ในเวลานั้น
เรือพิฆาตของญี่ปุ่น โอะโบะโระ ได้โจมตีครั้งสุดท้าย เมื่อเวลา 02.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่รัสเซียได้ตื่นตัวอย่างเต็มที่ และการส่องไฟพร้อมกับยิงปืนตอบโต้ที่แม่นยำของรัสเซียได้ปิดโอกาสในการโจมตีด้วยตอร์ปิโดของญี่ปุ่น
ถึงแม้ว่ากองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นได้ถูกรุกโดยการระดมยิงของเรือประจัญบานรัสเซียและการโจมตีจากชายฝั่ง แต่กระนั้นทางญี่ปุ่นก็ถือว่าเป็นชัยชนะเล็กน้อย ทหารรัสเซียได้รับบาดเจ็บประมาณ 150 นาย ในขณะที่ญี่ปุ่นได้รับบาดเจ็บราว 90 นาย หลังจากนั้นญี่ปุ่นมีการซ่อมแซมเรือและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆในอู่ต่อเรือแห้งใน ซะเซะโบะ ในขณะที่กองทัพเรือรัสเซียมีความสามารถในการซ่อมแซมที่จำกัดในพอร์ตอาร์เธอร์
เป็นที่ชัดเจนว่า การลาดตระเวณของพลเรือโทชิเงะโตะนั้นเป็นที่ล้มเหลว จากการเข้าประชิดไม่เพียงพอ ในขณะที่พลเรือโทโทโงคัดค้านที่จะต่อสู้กับรัสเซียที่อยู่ภายใต้การโจมตีสนับสนุนจากชายฝั่ง กบฏนักมวยในเมืองเทียนจิน
กบฏนักมวย ( Boxer Rebellion, จีนตัวย่อ: 义和团起义; จีนตัวเต็ม: 義和團起義; พินอิน: Yìhétuán Yùndòng, อี้เหอถวน ย้วนต้ง) หรือ ศึกพันธมิตรแปดชาติ เป็นการก่อความไม่สงบเพื่อต่อต้านจักรวรรดินิยมและคริสต์ศาสนานำโดย "สมาคมอี้เหอถวน" (จีนตัวย่อ: 义和团; จีนตัวเต็ม: 義和團; พินอิน: Yìhétuán)
ในสมัยศตวรรษที่ 19 ชาวต่างชาติได้เข้ามาค้าขายในประเทศจีนนานเข้า ชาวต่างชาติก็เริ่มเข้ามามีอิทธิพลในจีนและได้ส่งกำลังทหาร อาวุธที่ทันสมัยและมิชชันนารีเข้าไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดการรวมกลุ่มของชาวจีนผู้รักชาติเรียกว่า "กบฏนักมวย" ขึ้น นักมวยจะฝึกกังฟูซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะสามารถต่อกรกับผู้รุกรานจาก ยุโรป อเมริกาและญี่ปุ่นได้ กบฏนักมวยได้ทำการลอบสังหารมิชชันนารีชาวตะวันตก ประณามชาวต่างชาติ และเผาโบสถ์ ฯลฯ กบฏนักมวยได้รับการสนับสนุนจากซูสีไทเฮามาก ทั้งด้านการส่งทัพหลวงมาช่วยและเสริมอาวุธยุทธโธปกรณ์ต่างๆ ซึ่งหลังจากกลุ่มกบฏนักมวยถูกปราบได้ไม่นานก็เกิดการโค่นล้มราชวงศ์ชิงขึ้น
กบฏนักมวยได้เกิดขึ้นในเมืองชานตงในปี 1898 และเริ่มตอบโต้ชาวเยอรมันในชิงต่าวและจับกุมชาวอังกฤษในเหวยไห่แต่ก็พ่ายแพ้กับกองกำลังนานาชาติ ความอ่อนแอของจีนได้แสดงให้เห็นหลังจากแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่นในปี 1895 และความวุ่นวายก็เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในเมืองชานตงเนื่องจากปัญหาที่ดินของวัดพุทธและโบสถ์คริสต์โรมันคาทอลิกมิชชันนารีจึงร้องเรียนว่าที่ดินผืนนี้เป็นของตนมาแต่เดิมแล้ว การที่มีการสร้างโบสถ์ในที่ดินผืนนี้ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจอย่างมากจึงทำลายโบสถ์จึงก่อกบฏนักมวยขึ้น
การจลาจลในจีน เริ่มจากกรณีเรื่องที่ดินของวัดในการสร้างโบสถ์โรมันคาทอลิกเนื่องจากฝ่ายมิชชั่นนารีอ้างว่าที่ดินเป็นของตนตั้งแต่สมัยจักรพรรดิคังซีแล้วแต่ได้ถูกทิ้งร้างไปนาน ชาวบ้านในท้องถิ่นรู้สึกว่าข้อเรียกร้องไม่เป็นธรรมกับตนเพราะเดิมเป็นวัดประจำหมู่บ้านแต่ต้องมาสร้างโบสถ์ในวัดแทนที่จึงเกิดจลาจลโดยชาวบ้านได้จับมิชชั่นนารีเป็นตัวประกันและทำลายโบสถ์นั้นเสีย
ภาพพิมพ์แกะไม้ญี่ปุ่นสมัยเมจิ แสดงเครื่องแบบทหารนานาชาติที่เข้าร่วมปราบกบฏนักมวยพร้อมธงประจำทัพเรือของตนในปี 1900 (จากซ้ายไปขวา - แถวบน) อิตาลี, ออสเตรีย-ฮังการี, เยอรมนี, รัสเซีย (แถวล่าง) สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น, สหราชอาณาจักร
เนื่องจากจีนแพ้สงครามจีน-ญี่ปุ่น จักรพรรดิกวางสูจึงทรงทำการปฏิรูปร้อยวัน ทำให้พระนางซูสีไทเฮาทรงเข้ายึดพระราชอำนาจแล้วนำจักรพรรดิกวางสูขังไว้ และร่วมมือกับกบฏนักมวยซึ่งมีความคิดอนุรักษนิยมเช่นเดียวกับพระนาง จนประมาณเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1900 กบฏนักมวยได้ต่อสู้กับกองกำลังนานาชาติในเมืองเทียนจินและกรุงปักกิ่ง ทางสถานทูตสหราชอาณาจักร, ฝรั่งเศส, เบลเยี่ยม, เนเธอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, รัสเซีย และญี่ปุ่น ที่อยู่ในสถานทูตในกรุงปักกิ่ง ได้นำกำลังมาปิดล้อมพระราชวังต้องห้าม การกระทำเช่นนี้ทำให้กบฏนักมวยสังหารบาทหลวงชาวเยอรมันชื่อ Klemens Freiherr von Ketteler ในวันที่ 20 มีนาคม ปี 1900 พระนางซูสีไทเฮาประกาศสงครามกับชาวต่างชาติในวันที่ 21 มีนาคม ปี 1900 เพื่อเป็นการต่อต้านอำนาจของชาวต่างชาติ แต่พวกข้าหลวงตามหัวเมืองกลับปฏิเสธสงครามและพวกปัญญาชนในเมืองเซี่ยงไฮ้ก็ยังได้ให้ความช่วยเหลือข้าหลวงในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของจีนที่ต่อต้านการประกาศสงครามด้วย
ส่วนกองกำลังนานาชาติได้ทำการป้องกันบริเวณสถานทูตของตนจากการโอบล้อมจากกบฏนักมวยภายใต้คำสั่งของบาทหลวงชาวอังกฤษ เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อกบฏนักมวยบุกเข้าไปในกรุงปักกิ่งได้สังหารชาวจีนที่เป็นคริสเตียนกว่าหนึ่งหมื่นคนและจับกุมชาวต่างช่าติไปเป็นเชลยจำนวนมาก เรื่องการจลาจลจำนวนมากได้ลงในหนังสือพิมพ์ทั้งในจีน ญี่ปุ่น ยุโรปและอเมริกาจำนวนมาก แต่เชลยทั้งหมดก็ถูกปลดปล่อยโดยกองกำลังนานาชาติในที่สุด
กองกำลังนานาชาติก่อตั้งขึ้นเมื่อทัพเรือ 8 ประเทศรวมตัวกันในชายฝั่งทะเลทางตอนเหนือของจีนในปลายเดือนเมษายน ค.ศ. 1900 จนในวันที่ 31 พฤษภาคม ค.ศ. 1900 ได้เรียกร้องสิทธิชาวต่างชาติที่สถานทูตในกรุงปักกิ่งและได้ส่งทหารเรือ 435 นายจาก 5 ประเทศที่ฐานทัพที่ต้ากูไปกรุงปักกิ่ง
การบุกครั้งแรก ในสถานการณ์ที่เลวร้าย กองกำลังนานาชาติที่อยู่บนเรือประมาณ 2,000 คน ภายใต้คำสั่งของนายพลเอ็ดเวิร์ด เซมอร์ ได้ส่งกำลังไปกรุงปักกิ่งโดยการเดินทางจากท่าเรือต้ากูไปเมืองเทียนจินนั้นได้รับความร่วมมืออย่างดีจากข้าหลวงเมืองเทียนจินเป็นอย่างดี แต่การเดินทางจากเทียนจินไปกรุงปักกิ่งนั้นมีการตรวจตราชาวต่างชาติอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตามนายพลเซมอร์ก็ยังเดินหน้าต่อไปและสามารถนำทหารเดินเท้าไปกรุงปักกิ่งสำเร็จจนได้
อย่างไรก็ดี กองทัพของเขาถูกฝ่ายนักมวยล้อมและทางรถไฟหลายสายถูกทำลาย ในที่สุดนายพลเซมอร์จึงตัดสินใจถอยทัพกลับเมืองเทียนจินในวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1900
ทหารญี่ปุ่นกับนายพลเซมอร์ การบุกครั้งที่สอง หลังจากนายพลเซมอร์ถอยทัพกลับเมืองเทียนจินแล้ว ทางกองกำลังนานาชาติจึงระดมกำลังทหารขึ้นมาใหม่ และในวันที่ 17 กรกฎาคม ปี 1900 กองกำลังนานาชาติได้สร้างป้อมปราการขึ้นใกล้เมืองเทียนจินและท่าเรือต้ากูขึ้น
กองกำลังนานาชาติภายใต้คำสั่งของนายพลอัลเฟรด แกสลี ประมาณ 45,000 คน ประกอบด้วยกำลังจากญี่ปุ่น 20,840 คน รัสเซีย 13,150 คน สหราชอาณาจักร 12,020 คน ฝรั่งเศส 3,520 คน สหรัฐอเมริกา 3,420 คน เยอรมนี 900 คน อิตาลี 80 คน และออสเตรีย-ฮังการี 75 คน ได้ยึดเมืองเทียนจินในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ. 1900 ขอบคุณภาพและบทความจาก วิกิพีเดีย
Create Date : 03 มกราคม 2560 |
|
53 comments |
Last Update : 3 มกราคม 2560 8:15:16 น. |
Counter : 5023 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดีปีใหม่ 2560 ท่านขุนนะ