ขัดลำ ตอนที่ ๘
นิยายสืบสวนสอบสวนคดีอาชญกรรมไทย โดย 4411 เล่ม 2
เรื่องที่ 1 ขัดลำ ตอนที่ 8
พราน เจนเชิง ผลักบังตาเข้าไปในห้อง โยนหมวกลงบนโต๊ะทำงานของเขา หันไปพูดกับ เกรียง ซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ในขณะที่เขาถอดเสื้อนอกออก ได้ข่าวอะไรบ้าง เกรียง รายการของที่หาย ผมไปได้จากเพื่อนของผมคนหนึ่งที่สถานีตำรวจแล้วครับ เกรียงพูดขึ้น พลางล้วงกระเป๋าเสื้อ หยิบเอากระดาษแผ่นหนึ่งออกมา มีพวกเครื่องเพชรสองชิ้น เป็นแหวนวงหนึ่ง และเพชรเม็ดหนึ่งที่ คุณเพ็ญทิพย์ เตรียมไว้สำหรับใส่กับวงแหวน นอกนั้นก็มีใบมอบฉันทะในการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินรายหนึ่ง มีเงินประมาณ สี่ร้อย บาท แล้วก็มีปืนกระบอกหนึ่ง พราน เดินกลับมาจากที่แขวนเสื้อ ยืนพิงโต๊ะ พาดขาข้างหนึ่งไว้ที่มุมโต๊ะ เขาหรี่ตาขณะพูด ปืน... อะไร? ปืนพก โอโตเมติก ขนาด ๗.๖๕ เมาเซอร์ ดูเหมือนจะไม่ใช่ปืนของแก เป็นปืนของสามีให้ไว้ หมายความว่า เป็นปืนของคุณพงษ์ เกรียงพยักหน้า ผมเข้าใจว่า เป็นปืนกระบอกเดียวกับที่คนร้ายใช้ยิง นายพร พรรณฤทธิ์ เสียด้วย พราน หันไปทาง พิชิต ซึ่งนั่งอยู่ที่เก้าอี้อีกตัวหนึ่ง ว่ายังไง... พิชิต ... รายละเอียดเที่คุณได้มา พิชิต ขยับตัวขึ้นจากท่าเอนตามสบาย ปืนที่พบในห้องที่เกิดเหตุ เป็นปืน เมาเซอร์ โอโตมาติค ๗.๖๕ เหมือนกัน แต่ผมยังไม่ทราบแน่ว่า จะเป็นปืนกระบอกเดียวกันหรือไม่ พราน เอื้อมมือไปเปิดหีบบุหรี่ หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ เขาไม่ได้พูดอะไร ก้าวเท้าเดินช้า ๆ ไปยังหน้าต่างห้อง อัดควันบุหรี่แรง ๆ ๒ ๓ ครั้ง ขณะที่มือทั้งสองท้าวอยู่ที่ขอบหน้าต่าง สายตาเพ่งมองลอดช่องมู่ลี่อาลูมิเนี่ยมที่บังตา ออกไปข้างนอกอย่างไม่มีจุดหมาย เขาสั่นศีรษะช้า ๆ ๒-๓ ครั้ง หันกลับมาที่โต๊ะ ยกขาขึ้นพาดไว้ในท่าเดิม ขยี้บุหรี่ที่เพิ่งสูบไปได้ไม่ถึงครึ่งมวน ลงกับที่เขี่ยบุหรี่ พูดว่า มีอะไรอีกไหมที่เกี่ยวกับปืนในที่เกิดเหตุ... พิชิต ลูกกระสุนที่ถูกยิงออกไป มี ๒ นัด ซึ่งนัดหนึ่งขัดลำกล้อง แต่รอยบาดแผล มีอยู่รอยเดียว ตรงหน้าผากของผู้ตายพอดี รอยกระสุนในห้องที่เกิดเหตุไม่ปรากฏ นี่เป็นรายงานจากทางตำรวจเท่าที่ผมได้ทราบมา ผมอยากได้ท่าตายของ นายพร ยิ่งได้รูปถ่ายด้วยยิ่งดี ให้คุณติดต่อขอจาก สารวัตรพจน์ ให้ผมด้วย และปืนที่ว่าพบในที่เกิดเหตุ อยู่ในลักษณะอย่างไร ห่างจากผู้ตายเท่าใด ทำแผนที่เกิดเหตุมาได้ด้วยยิ่งดี ... แล้วเรื่อง บ้านหลานหลวง ... ได้ความอย่างไรบ้าง เจ้าของบ้านหลังนั้น ชื่อ นายกมล สุรรัตน์ เป็นคน ๆ เดียวกับที่ผมเห็นออกไปกับ คุณเพ็ญทิพย์ ในวันนั้น นายกมล คนนี้เป็นญาติห่าง ๆ กับ เพ็ญทิพย์ มีศักดิ์เป็นอา อายุเกือบประมาณ สี่สิบ ยังไม่มีภรรยา อาชีพเป็นผู้จัดการบริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งที่เชียงใหม่ บ้านหลังนั้นเป็นบ้านเช่า ปกติ นายกมล จะลงมากรุงเทพ ฯ เดือนละครั้ง ในบ้านนั้นมีคนใช้อยู่อีกสองคน คนหนี่งเป็นแม่ครัว อีกคนหนึ่งเป็นคนรับใช้ และดูแลความสะอาดของบ้านด้วย พราน เดินกลับไปกลับมาอย่างช้า ๆ มือข้างหนึ่งยกขึ้นมารองรับข้อศอกของมือข้างที่เขาใช้ลูบอยู่ปลายคาง และริมฝีปากของเขา และพูดขึ้นระหว่างที่เดินอยู่นั้น ราคาทรัพย์ในกระเป๋าที่ถูกวิ่งราว ประมาณเท่าไร... เกรียง เจ้าทรัพย์ตีราคาทั้งหมด ประมาณหมื่นบาทครับ เกรียงพูด แพงอยู่ที่แหวน และ เพชรเม็ดนั้น รู้ไหมว่า แกกำลังจะไปไหน ตอนที่ถูกวิ่งราว แล้วก็ดูเหมือนจะมีผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งไปด้วย ... เป็นใคร ผมยังไม่ทราบแน่ เพราะยังไม่ได้ซักอะไรเขามากนัก ถ้าหัวหน้าต้องการรายละเอียกทั้งหมดตามคำให้การของ เพ็ญทิพย์ ที่สถานีตำรวจ ผมจะได้พยายามติดต่อมาให้ได้ พราน หยุดอยู่ตรงหน้า เกรียง เขายืนนิ่งอยู่สักครู่ แล้วจึงพูดขึ้น ไม่เป็นไร ... ผมจะหาความจริงเอาเองสำหรับเรื่องนี้ ... ที่มันแปลกก็คือ แกจะไปไหนของแก ถึงต้องต้องบรรจุเอามีค่าเหล่านั้นไว้ในกระเป๋าถือ ผมไม่ใครชอบ ... มันสะกิดใจผมยังไงพิกลอยู่ และถ้ามันกลับมาเป็นปืนที่ใช้ฆ่า นายพร เข้าด้วยแล้ว ก็ยิ่งจะยุ่งใหญ่ ในตอนนี้ ผมอยากให้คุณเที่ยวควานหาผู้หญิงชื่อ แสงโสม เป็นผู้หญิงที่ คุณพงษ์ นำมาจากปักษ์ใต้ เคยเป็นเมียของแกเมื่อประมาณ สาม-สี่ปีมาแล้ว เอาประวัติทุกชิ้นที่พอจะหาได้ ระหว่างที่แกเลิกกับ คุณพงษ์ แล้วนี้ ให้รู้ว่า ตัวอยู่ที่ไหน และทำอะไร ในระหว่างนั้น เกรียง มองดูหัวหน้าของเขา มีแนวทางอะไรที่จะนำผมบ้างไหมครับ พราน สั่นศีรษะ ไม่มี ... เวลานี้ เรารู้มาเท่านี้เอง เป็นผู้หญิงที่ขึ้นชื่อที่สุดในวงสังคมที่เชียงใหม่ขณะนั้น คุณเริ่มคลำต้นเรื่องเอาจากที่นั่น เร็วที่สุดที่จะเร็วได้ ผมเองก็ไม่แน่ใจว่า เวลานี้จะมีตัวอยู่หรือไม่ หัวหน้าคิดว่า แกมีส่วนพัวพันอยู่กับเรื่องนี้ด้วย ยังงั้นหรือครับ พราน หัวเระเบา ๆ ถ้าจะให้รู้แน่ยังงั้นก็ดีซิ ... ลองดูเถอะ เกรียง ผมเองก็ยังตอบคุณไม่ได้ แต่คิดว่า มันเป็นมุมหนึ่งที่เราจะต้องค้นคว้า ผมไม่อยากให้มันหลงหูหลงตาอยู่เท่านั้นเอง คุณเริ่มงานของคุณได้ในวันนี้ ค่าพาหนะ เบิกได้ที่ กัลยา เกรียง ลุกขึ้นยืน ประเดี๋ยวก่อน พรานขัดจังหวะขึ้น คุณไปตามเจ้าจัน คนขับรถแท็กซี่ ที่เราเคยใช้ ให้มาพบกับผมหน่อย เย็นวันนี้ที่บ้าน ผมจะใช้เขาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง เกรียง ก้มศีรษะรับคำ แล้วเดินออกไป พราน กลับมานั่งที่โต๊ะทำงานของเขา ยกหูโทรศัพท์ขึ้นหมุนหมายเลข และพูด ฮัลโหล... นี่ พราน พูดครับ ท่านสารวัตรหรือครับ ใช่... ผม พจน์ พูด เป็ฯเสียงดังจากอีกทางหนึ่ง ท่านสารวัตรครับ ค่ำๆ วันนี้ ผมอยากจะไปคุยกับ เพ็ญทิพย์ สักหน่อยที่บ้านของเขา ท่านสารวัตรว่างไหมครับ ? คุณจะให้ผมไปด้วยหรือ ... พราน ยังงั้นซิครับ ... ผมไม่ใคร่จะแน่ใจว่า คุณผจญ แกจะพอใจไหม ถ้าแกรู้เข้า ก็ได้ ... มาพบผมที่บ้าน ราว ๆ ๑๙.๐๐ น. ผมจะคอย ได้ข่าวอะไรจาก คุณพงษ์ บ้างไหมครับ ยังเลย พราน ผมไปเยี่ยมแก แกก็ไม่พูดอะไรให้ผมฟัง เป็นแต่หัวเราะ ใจแกเย็นพอดู คุณผจญ ดูออกจะมั่นใจในเรื่องนี้มาก เพราะปืนของกลาง เป็นปืนของ คุณพงษ์ และดูเหมือน เขาจะได้ลายมือของแกที่ปืนกระบอกนั้นด้วย พราน นิ่งไปชั่วขณะ หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน สถานะของเรายิ่งเลวลงทุกที มีอะไรอีกบ้างไหมครับ ที่พอจะเป็นประโยชน์กับฝ่ายเรา นี่คุณตกลงใจจะช่วย คุณพงษ์ แล้วหรือนี่ เป็นเสียงสารวัตรที่ดังมา กลั้วด้วยหัวเราะ ผมยังแคลง ๆ ใจยังไงอยู่ พราน นิ่งไปชั่วขณะ เขาพูดขึ้นว่า ก็ยังไม่แน่ครับ ท่านสารวัตร ผมกำลังคิดว่า ควรจะทำอะไรสักอย่างหนึ่งที่จะให้คดีนี้ขาวกระจ่างออกมา ถ้าจะอยู่เฉย ๆ โดยปล่อยให้ความสงสัยเคลือบคลุมอยู่ ผมก็ไม่สบายใจเหมือนกัน มันเป็นยังไงก็ไม่รู้ครับ มีอยู่อีกอย่างหนึ่ง ... พราน ... แต่ผมไม่รู้ว่า มันจะมีประโยชน์กับคุณหรือไม่ คือว่า จากปากคำของคนที่อยู่บ้านใกล้เคียงซึ่งให้การว่า ได้เห็น คุณพงษ์ ออกมาจากบ้านนั้น ในเวลาใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ เขาบอกว่า ที่บ้านหลังนั้นมักจะเปิดวิทยุดัง ๆ เสมอ ๆ มาหลายวันแล้วในตอนเช้า ในวันนั้นเสียงวิทยุเงียบหายไป เขาจึงได้ยินเสียงปืน มิฉะนั้นแล้ว ก็คงจะไม่ได้ยิน เขาได้ออกไปแจ้งความกับตำรวจที่ตู้ยามหน้าปากตรอก ตอนกลับเข้ามาจึงได้เห็นคุณพงษ์ ออกไปดังที่ให้การ ... เป็นยังไง คุณคิดว่า ความอันนี้ จะมีประโยชน์อะไรบ้างไหม ก็เข้าทีอยู่ครับ ... ก็เข้าทีอยู่ พราน พูดคล้ายเสียงพึมพำ เขาไม่ได้ออกความเห็นอะไรต่อไป ดีแล้วครับ... ท่านสารวัตร ... ผมจะไปพบท่านสารวัตรที่บ้าน เวลา สิบเก้า น. สวัสดีครับ เขาวางหูโทรศัพท์ลง มือยังกดนิ่งอยู่ที่เครื่องโทรศัพท์นั้น ชำเลืองมองดู พิชิต และ กัลยา ซึ่งกำลังมองดูเขาอยู่แวบหนึ่ง แล้วก็หรี่ตาอย่างใช้ความคิด ยิ้มกับตัวเอง เอื้อมมือไปหยิบบุหรี่จุดสูบ แล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ พ่นควันบุหรี่ขึ้นสู่เพดานเป็นทางยาว พราน เจนเชิง หักพวงมาลัยรถ เลี้ยวเข้าซอยองครักษ์ เขายกนาฬิกาข้อมือพรายน้ำขึ้นดู ๑๙.๓๐ นาที ไม่สายเกินไป ใช่ไหมครับ ท่านสารวัตร ร.ต.อ. พจน์ พิทักษ์พล เพ่งสายตาไปข้างหน้า เห็นจะเลยเวลาอาหารของเขาแล้วละ พราน ผมเคยมาที่บ้านนี้ ครั้งหนึ่ง กับคุณผจญ ได้ทราบว่า เวลาอาหารเย็นของ คุณเพ็ญทิพย์ แกเป็นเวลาราว ๆ ๑๘ น. ถ้าเช่นนั้นก็เหมาะ ตัวแกจะอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เห็นจะอยู่ ปกติ แกไม่ไปไหนเวลาค่ำคิน มีใครอยู่บ้านบ้าง ทราบไหมครับ พราน พูดจบ ชะลอเครื่องยนต์ลง สารวัตรพจน์ ชี้มือไปด้านหน้า ทางข้างขวา เลยประตูบ้านรั้วสังกะสีนั่นไปหลังหนึ่ง ... พราน ... เท่าที่ผมเห็นก็มีคนใช้ผู้ชายคนหนึ่ง เป็นเด็กหนุ่ม ๆ แล้วก็มีคนครัว กับคนใช้ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง หยุดตรงนี้แหละ พราน พราน หยุดรถที่หน้าประตูบ้านใหญ่หลังหนึ่งตามที่สารวัตรชี้ เด็กผู้ชายคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนม้าหินหน้าประตูบ้าน กำลังเป่าขลุ่ยเป็นเพลงซึ่งคนทั้งสองไม่ได้เอาใจใส่ ทั้งคู่เปิดประตูรถลงมา สารวัตรพจน์ เดินเข้าไปหาเด็กชายคนนั้น ตบที่ไหล่เบาๆ คุณเพ็ญทิพย์ อยู่ไหม น้องชาย เด็กชายผู้นั้น ถอนขลุ่ยออกจากปาก พูดว่า อยู่ครับ แล้วก็เป่าขลุ่ยของเขาต่อไปโดยไม่เอาใจใส่กับคนทั้งสอง พราน ยิ้มกับสารวัตรพจน์ ขณะที่ก้าวเท้าผ่านประตูเข้าไป เขาหันมามองดูเด็กชายผู้นั้นอีกครั้ง ก่อนที่จะเดินไปสู่ตัวบ้านหลังใหญ่ตรงหน้า
Create Date : 19 สิงหาคม 2557 |
|
1 comments |
Last Update : 19 สิงหาคม 2557 23:01:18 น. |
Counter : 658 Pageviews. |
|
|
|
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
NENE77 Home & Garden Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
ธารน้อย Literature Blog ดู Blog
มาติดตามจ้า...กำลังสนุกเลย