เข็มนาฬิกาที่ข้อมือของพราน เจนเชิง ชี้บอกเวลา ๑๕.๐๐ น. เศษ ขณะที่เขาก้าวเท้าออกมาจากสำนักงานทนายความ เทพนราทร พรานเดินตรงไปที่รถยนต์ของเขาจอดอยู่ เปิดประตูเข้านั่งในตอนหลัง ออกคำสั่งให้คนขับรถตรงไปยังบ้าน เขาเอาศีรษะพิงกับเบาะ หลับตายิ้มละมัยด้วยความพึงพอใจ
เมื่อกลับถึงบ้านเขาสั่ง นายโทน คนใช้ผู้ซื่อสัตย์ ไม่ให้ปลุกเขาจนถึงเวลาอาหารเย็น แม้ว่าจะมีแขกที่สำคัญอย่างไรมาพบ เพราะเขาต้องการที่จะพักผ่อนให้เต็มที่สำหรับในตอนบ่ายวันนั้น
เมื่อ กัลยาชาญวิทยา ก้าวเข้าห้องรับแขกของ พราน เจนเชิง ในค่ำวันนั้น พร้อมด้วยแฟ้มเอกสาร หล่อนพบเจ้าของบ้านนั่งยิ้มละมัยต้อนรับอยู่แล้ว
งานที่สำนักงานเป็นอย่างไรบ้างกัลยา เขาถามขึ้นเป็นประโยคแรก
มีคนมาขอพบหัวหน้าหนึ่งราย จากบริษัทประกันภัยอะไรไม่ทราบ จะให้ช่วยสืบเรื่องเพลิงไหม้ที่โรงงานทอผ้า ดิฉันบอกไปว่า เรายังรับงานไม่ได้ แกก็กลับไป เลยไม่ได้สนใจว่าเป็นบริษัทอะไร นอก จากนั้นก็ไม่มีอะไร รายงานของคุณเกรียงกับ คุณพิชิต หัวหน้าจะดูหรือยังคะ
เอาไว้ก่อน หลังอาหารแล้วค่อยให้ผมก็ได้
อ้อ.. กัลยากล่าวขึ้น คุณเกรียงให้บอกกับหัวหน้าว่า แกเลยไปนครสวรรค์ ขบวนรถด่วน เย็นนี้เพื่อเอารายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องนี้ เบิกค่าเดินทางไปหนึ่งพันบาท ดิฉันเลยจ่ายไป เห็นว่าเป็นเรื่องต้องทำด่วนและไม่รู้จะไปขอคำสั่งจากหัวหน้าที่ไหน
ดีแล้ว กัลยา พรานตอบ นั่งคุยกันก่อน ถ้าคุณยังไม่หิว หรือเราจะไปคุยกันที่โต๊ะอาหาร
ที่โต๊ะอาหารดีกว่าค่ะหัวหน้า ดิฉันรับอาหารกลางวันนิดเดียววันนี้ และจนเดี๋ยวนี้ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย คอยรับรายงานจากคุณเกรียง และ คุณพิชิต อยู่ตลอดเวลา
ดีเหมือนกัน พรานพูดพร้อมกับลุกขึ้น เดินนำหน้าไปยังโต๊ะอาหาร และสั่งคนใช้ให้ตั้งอาหารทันที
ขอรายงานของ พิชิต กับ เกรียงให้ผมเถอะ ผมจะอ่านไปพลาง ๆในระหว่างอาหาร
กัลยาเอื้อมมือไปเปิดแฟ้มเอกสาร และหยิบกระดาษ ๒ ๓ แผ่น ส่งไปให้พรานซึ่งเขารับไปถือไว้ พร้อมกับใช้สายตาพิจารณาไปโดยละเอียด
กัลยารอให้หัวหน้าของหล่อนตักอาหารก่อน แต่เขายังก้มหน้าก้มตาอ่านข้อความในกระดาษนั้นอย่างสนใจ และไม่มีท่าทีที่จะวางมันลงเลย หล่อนนั่งมองดูเขาอย่างสงสัย และในอาการนั้น กัลยารู้ดีว่าเขากำลังใช้ความคิดอย่างหนัก จึงได้แต่นั่งมองดูเขาเฉย ๆ
เมื่อจบรายการทั้งสองฉบับนั้นแล้ว พรานพับมันใส่กระเป๋าเสื้อเชิ้ต เขาเงยหน้าขึ้นดูกัลยาพร้อมกับลุกขึ้นจากเก้าอี้
กัลยาขอโทษนะที่ต้องปล่อยให้คุณทานอาหารคนเดียว ผมมีงานที่จะต้องทำด่วนเสียแล้ว และต้องทำเดี๋ยวนี้
เขาหันไปทาง โทน ซึ่งคอยรับใช้อยู่
โทนดูแลคุณกัลยาให้เรียบร้อยนะ รับอาหารเสร็จแล้ว แกเอารถยนต์ของฉันไปส่งคุณกัลยา แล้วสั่ง เจ้าช่วย ให้เอารถไปคอยรับฉันอยู่ที่ปากทางเข้าป่าช้าวัดดอนก่อนสี่ทุ่ม ถ้าถึงสองยามฉันยังไม่มาที่รถ ให้ไปแจ้งความที่สถานีตำรวจยานนาวา แล้วเข้าไปค้นตัวฉันในบริเวณป่าช้า เข้าใจไหม
โทน รับคำ พรานกล่าวขอโทษ กัลยา อีกครั้งหนึ่ง แล้วก็ผลุนผลันขึ้นไปชั้นบน เขาเปิดลิ้นชักหัวนอน หยิบปืนพกคู่มือยัดซ่อนไว้ในเสื้อ และเดินกลับลงมา
ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องรับแขกไป เขาหันมาโบกมือกับ กัลยาพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย
กัลยา มองตามหัวหน้าของหล่อนไปอย่างเป็นห่วงและครึ่งสงสัย แต่เมื่อมันเป็นเหตุการณ์ที่หล่อนเคยชินเสียแล้ว กัลยา จึงหันมาทำธุระกับอาหารบนโต๊ะต่อไปตามลำพัง