Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2555
 
29 มิถุนายน 2555
 
All Blogs
 

พุทธประวัติจากพระโอษฐ์ .. ทรงมีธรรมสีหนาทที่ทำเทวโลกให้สั่นสะเทือน

.



ภิกษุ ท. !
พญาสัตว์ชื่อสีหะ ออกจากถ้ำที่อาศัยในเวลาเย็น เหยียดกายแล้วเหลียวดูทิศทั้งสี่โดยรอบ บันลือสีหนาทสามครั้งแล้วก็เที่ยวไปเพื่อหาอาหาร. บรรดาสัตว์เดรัจฉานเหล่าใดที่ได้ยินสีหนาท สัตว์เหล่านั้นก็สะดุ้งกลัวเหี่ยวแห้งใจ, พวกที่อาศัยโพรงก็เข้าโพรง ที่อาศัยน้ำก็ลงน้ำ พวกอยู่ป่าก็เข้าป่า ฝูงนกก็โผขึ้นสู่อากาศ, เหล่าช้างของพระราชาในหมู่บ้าน นิคมและเมืองหลวง ที่เขาผูกล่ามไว้ด้วยเชือกอันเหนียว ก็พากันกลัว กระชากเชือกให้ขาด แล้วถ่ายมูตรและกรีสพลางแล่นหนีไปพลาง ทั้งข้างโน้นและข้างนี้.

ภิกษุ ท. !
พญาสัตว์ชื่อสีหะ เป็นสัตว์มีฤทธิ์มาก มีศักดิ์มาก มีอานุภาพมากกว่าบรรดาสัตว์เดรัจฉาน ด้วยอาการอย่างนี้แล.

ภิกษุ ท. !
ฉันใดก็ฉันนั้น : ในกาลใดตถาคตอุบัติขึ้นในโลก เป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบโดยตนเอง สมบูรณ์ด้วยวิชชาและจรณะ ไปดี รู้แจ้งโลก เป็นผู้ฝึกบุรุษที่พอฝึกได้ไม่มีใครยิ่งไปกว่า เป็นครูสอนเทวดาและมนุษย์ เป็นผู้ปลุกสัตว์ให้ตื่น เป็นผู้จำแนกธรรม. ตถาคตนั้นแสดงธรรมว่า ..

- สักกายะ (คือทุกข์) เป็นเช่นนี้
- เหตุให้เกิดสักกายะเป็นเช่นนี้
- ความดับไม่เหลือแห่งสักกายะเป็นเช่นนี้
- ทางให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งสักกายะเป็นเช่นนี้.
*

พวกเทพเหล่าใด เป็นผู้มีอายุยืนนาน มีวรรณะ มากไปด้วยความสุข ดำรงอยู่นมนานมาแล้วในวิมานชั้นสูง, พวกเทพนั้นๆ โดยมาก ได้ฟังธรรมเทศนาของตถาคตแล้วก็สะดุ้งกลัว เหี่ยวแห้งใจ สำนึกได้ว่า "ท่านผู้เจริญเอ๋ย! พวกเราเมื่อเป็นผู้ไม่เที่ยง ก็มาสำคัญว่าเป็นผู้เที่ยง เมื่อไม่ยั่งยืน ก็มาสำคัญว่ายั่งยืน เมื่อไม่มั่นคง ก็มาสำคัญว่าเราเป็นผู้มั่นคง. พวกเราทั้งหลายเป็นผู้ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืนไม่มั่นคงและถึงทั่วแล้วซึ่งสักกายะ คือความทุกข์" ดังนี้.

ภิกษุ ท. !
ตถาคตเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ศักดิ์มาก อานุภาพมาก กว่าสัตว์โลก พร้อมทั้งเทวโลก ด้วยอาการอย่างนี้แล.
.
.
.
บาลี จุตกฺก. อํ. ๒๑/๔๒/๓๓.
---------------------------------------------------------
* ในบาลี ขนฺธ. สํ. ๑๗/๑๐๓/๑๕๕
ทรงแสดงลักษณะ, สมุทัย, อัตถังคมะ แห่งเบญจขันธ์แทนเรื่องสักกายะ ๔ ประการ ดังที่กล่าวข้างบนนี้, โดยข้อความที่เหมือนกัน.




 

Create Date : 29 มิถุนายน 2555
2 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2555 16:36:43 น.
Counter : 1433 Pageviews.

 

เอาอะไรมาวัดว่า เป็นคำสอนจากพระโอษฐ์ของท่าน เกิดทันหรือ ?

ธรรมะไม่ว่าจากไหน ถ้าสอนให้ละกิเลสได้ ดีทั้งนั้น เพราะพระพุทธเจ้าไม่เคยสอนให้ติดสมมุติว่าคำสอนมาจากไหน

 

โดย: จีรัง IP: 58.9.101.22 29 มิถุนายน 2555 9:21:04 น.  

 


กราบอนุโมทนาสาธุครับ

บุญอันยิ่งใหญ่คือการเผยแผ่พระธรรมวินัยของพระพุทธองค์

 

โดย: shadee829 29 มิถุนายน 2555 11:11:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.