มัสยิดต้นสน
สวัสดีวันพฤหัสค่ะ...ต่อเนื่องจากบล็อกเมื่อวาน เราตั้งใจจะเดินไปต่อที่มัสยิดต้นสน...ออกมาจากตรอกแล้วเดินข้ามสะพานอนุทินสวัสดิ์ ซึ่งเป็นสะพานข้ามผ่านคลองบางกอกใหญ่ แล้วจะมีบันไดเดินลงเป็นทางเท้า ลงไปจะเจอมัสยิดต้นสนเลยค่ะ
สะพานอนุทินสวัสดิ์
เดินผ่านบ้านพาทยโกศล...ไม่รู้หลัีงไหนค่ะ
คลองบางกอกใหญ่ หรือ คลองบางหลวงค่ะ
จากสะพานมองเห็นมัสยิดกำลังบูรณะซ่อมแซม...
ขอบคุณภาพจาก //www.tonsonmosque.com/
มัสยิดต้นสน
เลขที่ ๔๔๗ ถนนวังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กทม. ๑๐๖๐๐
กล่าวถึงกรุงธนบุรีในฐานะของราชธานีแห่งราชอาณาจักรสยามนั้น ความสำคัญในฐานะของการเป็นรอยต่อทางประวัติศาสตร์ระหว่างพระนครศรีอยุธยาและกรุงรัตนโกสินทร์ ดังนั้นกรุงธนบุรีจึงเป็นแหล่งรวบรวมของวัฒนธรรมประเพณีอันหลากหลายจากกลุ่มชนต่างชาติต่างภาษาและต่างวัฒนธรรมที่มารวมตัวกันในสมัยที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชของชาติในปี พ.ศ. ๒๓๑๐
ในบรรดากลุ่มชนต่างชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมที่มารวมตัวกันในกรุงธนบุรีครั้งนั้น ชาวไทยมุสลิมเป็นกลุ่มชนหนึ่งที่มีความสำคัญทั้งทางด้านประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและจารีตประเพณีอันมีเอกลักษณ์เฉพาะของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยมุสลิมกลุ่มที่รวมตัวกันอยู่บริเวณปากคลองบางหลวงหรือคลองบางกอกใหญ่ต่ำจากพระราชวังเดิมลงมา ซึ่งก่อร่างชุมชนมาพร้อม ๆ กับการตั้งเมืองบางกอกในอดีตและดำรงวัฒนธรรมกลุ่มชนของตนสืบต่อเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน จึงทำให้ประวัติของชาวไทยมุสลิมกลุ่มนี้มีความเป็นมายาวนานร่วม ๔๐๐ ปี โดยมีศาสนสถานที่เรียกว่า "มัสยิดตันสน" หรือ "กะดีใหญ่" ในอดีตเป็นศูนย์กลางของจิตวิญญาณที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาได้เป็นอย่างดี
อยู่หน้ามัสยิดค่ะ ตรงใต้สะพาน ไม่รู้เค้าใช้บริการกันยังไง...แต่เห็นแบบนี้อยู่หลายจุดใน กทม.
ประวัติของชุมชน "มัสยิดต้นสน" นั้นมีความเป็นมาโดยสันนิษฐานว่าแต่แรกน่าจะเป็นการรวมตัวของมุสลิมเชื้อสายจามที่เข้ามาเป็นกองอาสาต่างชาติในสมัยสมเด็จพระชัยราชาธิราช (พ.ศ.๒๐๗๗๒๑๑๑) ซึ่งเป็นช่วงของการเกณฑ์แรงงานอาสาต่างชาติเพื่อการศึกสงครามและบูรณประเทศ โดยเฉพาะการขุดคลองลัดบางกอกในปีพุทธศักราช ๒๐๘๕ เพื่อเชื่อมระหว่างคลองบางกอกน้อยและคลองบางกอกใหญ่ จึงทำให้มีชุมชนมุสลิมอยู่ในบริเวณท้ายป้อมเมืองบางกอกหรือป้อมวิชัยประสิทธิ์ในปัจจุบัน
หลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญคือ บันทึกจดหมายเหตุของบรรพชนที่พบในสมุดข่อยโบราณกล่าวว่า
"
เจียมลูกพ่อเดชมันถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารของพระเจ้าทรงธรรมที่กรุงศรีอยุธยาอุตส่าห์ส่งผ้านุ่งตาหมากรุกมาให้พ่อของมันถึงคลองบางกอกใหญ่จนได้
"
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมีอยู่และเป็นชุมชนดั้งเดิมที่มีมาก่อนสมัยของสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๖๓๒๑๗๑) นอกจากหลักฐานดังกล่าวแล้วยังพบบันทึกจดหมายเหตุ "ใครเปนใคร" ซึ่งคัดลอกต่อมาโดยพระยาจุฬาราชมนตรีหลายคนในสายตระกูลเจ้าพระยาบวรราชนายก (เฉก อหะหมัด) ตั้งแต่ครั้งปลายกรุงศรีอยุธยาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ โดยฉบับสุดท้ายเป็นฉบับการคัดลายมือของนายเพิ่ม อหะหมัดจุฬา ที่กล่าวถึงการสร้างศาสนสถานแห่งนี้ในปี พ.ศ.๒๒๓๑ ช่วงปลายแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช(พ.ศ.๒๑๙๙๒๒๓๑) โดยเจ้าพระยาราชวังสันเสนีย์ (ม๊ะหมูด) บุตรเจ้าพระยารามเดโชชัย (ทิพ) ซึ่งเป็นขุนนางกลุ่มสุลต่านสุลัยมานเชื้อสายเปอร์เซียและเป็นแม่ทัพเรือกำกับพลฝรั่งเศส ๔๐๐ คน ที่รัฐบาลสยามจ้างมารักษาป้อมวิชาเยนทร์ ณ ปากคลองบางกอกใหญ่และกำกับกำปั่นต่าง ๆ ที่เข้ามาติดต่อค้าขายยังกรุงศรีอยุธยาสมัยนั้น
การสร้างศาสนสถานสำหรับประกอบศาสนกิจของชาวไทยมุสลิมกลุ่มนี้น่าจะมีขึ้นภายหลังจากการรวมตัวกันเป็นชุมชนที่เป็นปึกแผ่นแล้ว โดยเริ่มจากการอุทิศที่ดินเพื่อสร้างศาสนสถานที่เรียบง่ายแบบเรือนฝาไม้กระดานใตัถุนสูงหลังคามุงกระเบื้องดินเผา ก่อนการปรับปรุงปฏิสังขรณ์ในอีกหลายยุคหลายสมัย เช่น ในปี พ.ศ. ๒๓๗๐ สมัยรัชกาลที่ ๓ โดยท่านหลวงโกชาอิสหาก (นาโคดาลี) บุตรชายของท่านเจ๊ะซอและห์ จนถึงอาคารมัสยิดหลังปัจจุบันที่สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๙๗ เพื่อทดแทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรมซึ่งรับใช้ชุมชนต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากในส่วนของมัสยิดต้นสนอันเป็นศาสนสถานที่มีประวัติความเป็นมาดังกล่าวแล้ว ที่ดินส่วนที่เรียกว่า "สุสาน" หรือ "กุบู๊ร" ของมัสยิดต้นสนก็ยังเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของชุมชนเป็นอย่างยิ่ง ด้วยเพราะเป็นสถานที่ฝั่งศพของบรรดาบรรพชนมุสลิมที่มีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์สังคมไทยจำนวนมาก เช่น เจ้าพระยาจักรีศรีองค์รักษ์ (หมุด) ผู้ร่วมกอบกู้แผ่นดินในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช , พระยาราชบังสัน (ฉิม) แม่ทัพเรือในสมัยรัชกาลที่ ๓ , หลวงโกชาอิสหาก (นาโคดาลี) ผู้ปฏิสังขรณ์มัสยิดต้นสนสมัย พ.ศ.๒๔๙๗ เป็นต้น และรวมทั้งยังเป็นสุสานที่ฝังศพของขุนนางตำแหน่งสำคัญ ๆ เช่น "จุฬาราชมนตรี" ทั้ง ๙ ท่านตลอดสมัยรัตนโกสินทร์จนถึงเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ ตลอดจน "เจ้าจอม" มุสลิมที่สำคัญในสมัยรัตนโกสินทร์ เช่น เจ้าจอมหงส์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑ เจ้าจอมจีบในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ เจ้าจอมละม้ายในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เป็นต้น
ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของมัสยิดต้นสนตลอดจนบรรพชนต่าง ๆ ในชุมชมแห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดต่อราชสำนักสยามมาโดยตลอด จึงทำให้มัสยิดต้นสนมีหลักฐานที่กล่าวถึงการเสด็จพระราชดำเนินมาของพระมหากษัตริย์หลายพระองค์ในสมัยรัตนโกสินทร์ หรือแม้แต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ.๒๔๗๕ แล้วก็ตาม เช่น เมื่อวันที่ ๒๖ เมษายน พ.ศ.๒๔๘๙ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล รัชกาลที่ ๘ ทรงเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคพร้อมด้วยพระอนุชา(พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙) เพื่อเยี่ยมเยียนชุมชนมัสยิดฯ เป็นการส่วนพระองค์โดยมีจุฬาราชมนตรี (แช่ม พรหมยงค์) พระยามไหสวรรค์ฯ (นายกเทศมนตรีนครธนบุรี) พร้อมด้วยอิหม่ามและคณะกรรมการมัสยิดต้นสนรับเสด็จ หรือเมื่อวันที่ ๖ มกราคม พ.ศ. ๒๕๔๕ ที่ผ่านมา สุลต่านอิสมาแอลปุตรา อิบนิ อัรมัรฮูมสุลต่านยะห์ยาปุตรา แห่งรัฐกลันตัน ประเทศมาเลเซีย ทรงเสด็จพร้อมพระชายา และตวนกูมะโกตาพระราชโอรสเป็นการส่วนพระองค์ โดยฮัจยีเฟาซัน หลังปูเต๊ะอิหม่ามมัสยิดต้นสนพร้อมคณะกรรมการมัสยิดฯ รับเสด็จ เป็นต้น
ขอบคุณภาพจาก //www.tonsonmosque.com/
ช่วงที่เราไปเค้าบูรณะซ่อมแซม...ขออนุญาตเค้าถ่ายรูปค่ะ
มัสยิดต้นสน นับเป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร ประมาณกันว่า เป็นมัสยิดที่เริ่มมีขึ้น
ตั้งแต่สมัยพระเจ้าทรงธรรม (พ.ศ. ๒๑๕๓ - พ.ศ. ๒๑๗๑) ในสมัยกรุงศรีอยุธยา
ลามัสยิดต้นสน...ด้วยภาพนี้ค่ะ
บล็อกหน้า...วัดโมลีโลกยาราม ราชวรวิหาร
ขอบคุณรูปภาพ และข้อมูลจาก //www.tonsonmosque.com/
ขอบคุณเฮดบล็อก และบีจีคุณญามี่
Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2554 |
|
57 comments |
Last Update : 21 มิถุนายน 2555 13:31:16 น. |
Counter : 7036 Pageviews. |
|
|
|