Group Blog
 
<<
เมษายน 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
27 เมษายน 2558
 
All Blogs
 
+++ วัดอรุณราชวราราม วัดระฆังโฆสิตาราม +++




วัดอรุณราชวราราม    วัดระฆังโฆสิตาราม



ทริปไหว้พระ วันที่  ๑๔  มิถุนายน  ๒๕๕๗  ผ่านมานานพอสมควร

เริ่มจาก  ศาลหลักเมือง --> วัดพระแก้ว --> วัดโพธิ์  --> วัดอรุณ  -->  วัดระฆัง  

 วัดวาอารามจะอัพบล็อกช้าหน่อยค่ะ  ส่วนมากไปวัดซ้ำๆ ด้วย เลยเอ้อระเหยซะงั้น

ภาพจำในวันที่ไป...แต่ละครั้งก็แตกต่างกันไปเนาะ อยากลงบล็อกไว้ทุกรอบล่ะค่ะ  






ตอนที่แล้ว ทิ้งท้ายไว้ที่ภาพนี้....






นั่งเรือข้ามฟาก จากท่าเรือ ท่าเตียน  เพื่อจะมาวัดอรุณ / ลำนี้เป็นเรือด่วนเจ้าพระยา ธงส้มนะคะ






มองเห็น ราชนาวิกสภา อยู่ไกลๆ






๑๐.๕๓ น. วันที่  ๑๔  มิถุนายน   พ.ศ. ๒๕๕๗ 





ประตูซุ้มยอดมงกุฎ
  ตั้งอยู่ทางเข้าสู่บริเวณพระอุโบสถ อยู่ตรงกึ่งกลางพระระเบียงพระอุโบสถด้านตะวันออก สร้างในรัชกาลที่ ๓ เป็นประตูจตุรมุข หลังคา ๓ ชั้น เฉลียงรอบ มียอดเป็นทรงมงกุฎ ประด้วยด้วยกระเบื้องถ้วยสลับสี หลังคามุงกระเบื้องเคลือบ ช่อฟ้าใบระกา หัวนาค และหางหงส์เป็นปูนประดับกระเบื้องถ้วย หน้าบันเป็นปูนประดับกระเบื้องถ้วยมีลวดลายใบไม้ดอกไม้ เชิงกลอนคอสองประดับด้วยกระเบื้องถ้วยเช่นเดียวกัน เสาในร่วมมุขหน้าไม้สัก หน้า ๕/๑๑ นิ้ว ประกับรับสะพานด้านละ ๒ อัน ๔ ด้าน


ประตูซุ้มยอดมงกุฎนี้ เมื่อ ร.ศ.๑๒๔ (พ.ศ.๒๔๔๘) ในรัชกาลที่ ๕ ชำรุดทรุดโทรมมาก พระยาราชสงครามได้กราบบังคมทูลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า ถ้าจะโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมใหม่ ก็จะต้องใช้เงิน ๑๖,๐๐๐ บาท หรือไม่ก็ต้องรื้อ เพราะเกรงจะเป็นอันตรายเมื่อเวลาเสด็จพระราชดำเนินพระราชทานผ้าพระกฐินวัดนี้ และถ้าโปรดเกล้าฯ ให้ซ่อมทำใหม่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะต้องเสด็จพระราชดำเนินเข้าสู่พระอุโบสถทางประตูระเบียงด้านเหนือ

ซุ้มประตูแห่งนี้ ได้ปฏิสังขรณ์ใหญ่อีกครั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๘ การซ่อมครั้งนี้คงรูปเดิมไว้โดยตลอด เปลี่ยนกระเบื้องเคลือบบางส่วนและทางสีเชิงชาย ลงรักปิดทอง ประดับกระจกยอดมงกุฎ ซ่อมช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ ประดับกระเบื้องเคลือบ


รูปยักษ์ยืน  หน้าประตูซุ้มยอดมงกุฎมียักษ์ยืนอยู่ ๒ ตน มือทั้งสองกุมกระบองยืนอยู่บนแท่นสูงประมาณ ๓ วา ยักษ์ที่ยืนด้านเหนือ (ตัวขาว) คือ สหัสเดชะ ด้านใต้ (ตัวเขียว) คือ ทศกัณฐ์ ปั้นด้วยปูน ประดับกระเบื้องเคลือบสีเป็นลวดลายรูปลักษณะและเครื่องแต่งตัว

รูปยักษ์คู่นี้เป็นของทำขึ้นใหม่ ที่ทำไว้เก่าสมัยรัชกาลที่ ๓ นั้น เป็นฝึมือหลวงเทพ (กัน) สมเด็จฯ เจ้าฟ้าพระยานริศรานุวัดติวงศ์ตรัสว่า "หลวงเทพ..ที่ปั้นยักษ์วัดอรุณฯ คู่ที่พักเสียแล้ว เรียกว่าหลวงเทพกัน มีชื่อเดิมติด" และเรื่องหลวงเทพฯ นั้น จะเป็นหลวงเทพ (กัน) นี้ สมเด็จเจ้าฟ้าฯ พระองค์นี้ได้ทรงอธิบายถวายสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพไว้ว่า

"ยักษ์วัดแจ้งนั้นเขาพูดถึงของเดิมว่าเป็นฝีมือหลวงเทพกัน แต่คำว่า กัน นั้น เป็นชื่อตัวแต่เพราะฝีมือแกดีจึงโปรดให้ปั้นไว้ รูปเก่านั้นพังไปเสียแล้ว ที่ยืนอยู่บัดนี้เป็นของใหม่ แต่ใหม่ก่อนท่านเจ้านาค (พระพิมลธรรม "นาค") ไปอยู่เป็นแน่ เข้าใจว่ายักษ์วัดแจ้งนั้นแหละพาให้เกิดยักษ์ในวัดพระแก้วขึ้น ในที่สุดยักษ์ก็ต้องมี ที่ต้องมีนั้นจ้างเจ๊กทำก็ได้ เพราะราคาค่อยถูกหน่อย นี่ว่าถึงวัดพระแก้ว แต่ยักษ์คู่ใหม่ที่วัดแจ้งนั้นไม่ทราบ เกล้ากระหม่อมเห็นว่า ถ้าหาช่างฝีมือดีปั้นไม่ได้ ไม่ต้องมียักษ์ก็ได้ และว่า "ยักษ์วัดพระแก้วนั้นคงทำขึ้นในรัชกาลที่ ๓ เป็นประเดิม เพราะจำได้ว่าทศกัณฐ์กับสหัสเดชะนั้น เป็นฝีมือหลวงเทพรจนา (กัน) คือมือที่ปั้นยักษ์วัดอรุณ สันนิฐานว่า เพราะเวลานั้นมีช่างฝีมือดี ๆ จึงให้ทำขึ้นไว้"

เรื่องรูปยักษ์คู่ที่ไม่ใช่ของเก่านั้น ท่านเจ้าคุณพระเทพมุนี (เจียร ปภสฺสโร) ได้บันทึกเรื่องยักษ์ล้มไว้เป็นใจความว่า "วันที่ ๒๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๗๓ ตรงกับ วันอาทิตย์ ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะเมีย โทศก จุลศักราช ๑๒๙๒ กลางคืนฝนตกหนัก อสุนีบาตตกถูกยักษ์หน้าพระอุโบสถ (สหัสเดชะ) พังลงมาต้องสร้างใหม่"
เวลาที่รูปยักษ์ล้มนี้ พระพิมลธรรม (นาค) เป็นเจ้าอาวาส

ความจริงรูปยักษ์คู่นี้ เคยซ่อมมาหลายครั้ง ดังปรากฏในรายงานมรรคนายก เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๕ ก็มีรายการซ่อมยักษ์และใน พ.ศ. ๒๔๕๖ ก็ซ่อมแขนยักษ์อีก ส่วนที่ซ่อมและสร้างใหม่นี้ สืบไม่ได้ว่าใครเป็นผู้ซ่อม


ข้างยักษ์ตัวด้านเหนือ มีสิงโตหิน ๓ ตัว และข้างตัวด้านใต้มีสิงโตหินอีก ๓ ตัว เช่นเดียวกัน







อนุสาวรีย์ธรรมเจดีย์

อยู่ด้านใต้ของภูเขาจำลอง มีถนนที่ขึ้นจากศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน ๓ หลังไปพระอุโบสถคั่นกลาง อนุสาวรีย์แห่งนี้มีกำแพงเตี้ยๆ เป็นรั้วล้อมรอบภายในรั้วนอกจากจะมีโกศหินทรายสีเขียวแบบจีนที่ใช้บรรจุ อัฐิของพระธรรมเจดีย์ (อุ่ม ธมฺมธโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ ๙ แล้ว ยังมีประตู มีภูเขาจำลองเตี้ยๆ มีปราสาทแบบจีนเล็กๆ และ มีตุ๊กตาหินนอนอยู่ภายใน มีภาษาจีนกำกับซึ่งชาวจีนอ่านว่า ฮก ลก ซิ่ว 






ศาลาท่าน้ำ (เก๋งจีน)

มีทั้งหมด ๖ หลัง ตั้งอยู่ที่เขื่อนบริเวณหน้าวัด ตรงมุมเหนือสุดที่ปากคลองวัดแจ้งหลัง ๑ ตรงกับประตูซุ้มยอดมงกุฎ ๓ หลัง ตรงกับต้นพระศรีมหาโพธิ์หลัง ๑ และตรงกับทางเข้าพระปรางค์ใหญ่อีกหลัง ๑ ที่ศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีนมี สะพาน ยื่นลงไปในแม่น้ำเจ้าพระยา เว้นแต่ด้านเหนือสุด ส่วนหลังที่ตรงกับทางเข้าพระปรางค์นั้น มีรูปจระเข้หินอยู่ด้านหน้าข้างละตัว ศาลาเหล่านี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๓ เหมือนกันหมด คือหลังคาเป็นรูปเก๋งจีน มียกพื้นสำหรับนั่งพักทำด้วยหินทรายสีเขียว โดยเฉพาะ ๓ หลังตรงประตูซุ้มยอดมงกุฎนั้น หลังเหนือและใต้มีแท่นหินสีเขียวตั้งอยู่ตรงกลาง เข้าใจว่าจะเป็นที่สำหรับวางของ และหลังศาลาเก๋งจีน ๓ หลังนี้มีรูปกินรีแบบจีนทำด้วยหินทรายสีเขียวตั้งอยู่ ๒ ตัว






ภูเขาจำลอง


อยู่หน้าวัดทางด้านเหนือ หลังศาลาท่าน้ำรูปเก๋งจีน ๓ หลัง กล่าวกันว่า เดิมรัชกาลที่ ๑ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างภูเขาจำลองขึ้นในพระบรมมหาราชวัง

ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ โปรดให้นำมาไว้ที่วัดนี้ ภูเขาจำลองนี้มีรั้วล้อมไว้เป็นส่วนหนึ่งโดยเฉพาะ มีตุ๊กตาจีน ๒ ตัวนั่งบนแท่นอยู่นอกรั้วด้านหน้า
ตรงประตูเข้าทำเป็นรูปทหารเรือเฝ้าอยู่ ๒ คน






ได้มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขึ้นที่บริเวณเขื่อนหน้าวัด ในสมัยรัชกาลที่ ๙ นี้

เนื่องในมหามงคลวโรกาสแห่งราชพิธีกาญจนาภิเษก เมื่อปี ๒๕๓๙











พระวิหารหลวง






พระวิหารหลวง

ตั้งอยู่ระหว่างมณฑปพระพุทธบาทจำลองกับหมู่กุฏิคณะ ๑ เป็นพระวิหารยกพื้นสูงเช่นเดียวกับพระอุโบสถ หลังคาลด ๓ ชั้น มุงด้วยกระเบื้องเคลือบสี หน้าบันมีรูปเทวดาถือพระขรรค์นั่งอยู่บนแท่นประดับด้วยลายกระหนก ลงรักปิดทอง ประดับกระจก มีมุขทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านมีประตูเข้า ๓ ประตู ด้านหลังมี ๒ ประตู ผนังด้านนอกประดับด้วยกระเบื้องเคลือบลายก้านแย่งขบวนไทย ซึ่งสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงยืนยันว่า  เป็นกระเบื้องที่รัชกาลที่ ๓ ทรงสั่งมาแต่เมืองจีน เพื่อจะใช้ประดับผนังด้านนอกพระอุโบสถ แต่ไม่งามสมพระราชหฤทัย จึงโปรดให้เอามาประดับผนังด้านนอกพระวิหารนี้ ด้านนอกของประตูและหน้าต่างทั้ง ๑๔ ช่อง ทำขึ้นใหม่ เป็นลายรดน้ำรูปดอกไม้ ผนังด้านใน เดิมคงมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง เพราะเสาสี่เหลี่ยมข้างในและเรือนแก้วหลังพระประธานและบนบานประตูและ หน้าต่างด้านในยังมีภาพปรากฏอยู่ แต่ปัจจุบันผนังได้ฉาบด้วยน้ำปูนสีเหลืองเสียหมดแล้ว ยังเห็นเป็นรอยเลือนลางได้บางแห่ง แต่น้อยเต็มที     ปัจจุบันพระวิหารหลวงนี้ ใช้เป็นศาลาการเปรียญของวัดด้วย










พระพุทธชัมภูนุทมหาบุรุษลักษณาอสีตยานุบพิตร

เป็นประธานในพระวิหารหลวง ปรางมารวิชัย หน้าตักกว้าง ๖ ศอก หล่อด้วยทองแดงปิดทอง มีประวัติว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้หล่อขึ้นพร้อมกับพระประธานในพระอุโบสถวัดสุทัศนเทพวราราม ฝั่งพระนคร ประดิษฐานอยู่บนแท่นไพทีเหนือฐานชุกชีขนาดใหญ่ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๙๖ ทางวัดได้พบพระบรมธาตุ ๔ องค์ บรรจุในโกศ ๓ ชั้น คือ เงิน นาค และทอง เป็นชั้น ๆ โดยลำดับ อยู่ในพระเศียร

เหตุที่พบก็เพราะสมเด็จพระพุฒาจารย์ เจ้าอาวาสวัดอรุณฯ
องค์ปัจจุบัน ขณะนั้นยังดำรงสมณศักดิ์เป็นพระธรรมไตรโลกาจารย์ ได้เห็นแสงสว่างปรากฏในห้องที่จำวัด และก่อนหน้านั้น พระครูใบฎีกาเจริญ ผู้เฝ้าพระวิหารได้เห็นแสงพระรัศมี ลอยฉวัดเฉวียนอยู่ที่พระพุทธรูปสำคัญ แล้วหายไปที่พระเศียรถึง ๒ ครั้ง ท่านจึงให้พระครูใบฎีกาเจริญขึ้นไปดูที่พระเศียร จึงพบพระบรมธาตุดังกล่าว เมื่อเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๔๙๖









พระอรุณ หรือพระแจ้ง  เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งองค์พระและผ้าทรงครองทำด้วยทองสีต่างกัน หน้าตักกว้างประมาณ ๕๐ ซม. ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชี ด้านหน้าพระประธาน

ตามประวัติกล่าวว่า เป็นพระพุทธรูปที่ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทน์ เมื่อปีมะเมีย พ.ศ. ๒๔๐๑ และได้นำไปประดิษฐานอยู่ในพระบรมมหาราชวัง ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้อัญเชิญมาไว้ในพระวิหารนี้ ด้วยทรงพระราชดำริว่า มีพระนามพ้องกันกับวัด


พระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ประดิษฐานอยู่บนแท่นหน้าพระอรุณ หรือพระแจ้ง ในพระวิหารหลวง หน้าตักกว้างประมาณ ๗๐ ซม. พระพุทธรูปองค์นี้ เดิมอยู่ที่ศาลาการเปรียญเก่าที่รื้อไปแล้ว มีปูนพอกทั้งองค์ ไม่มีผู้ใดทราบ ภายหลังกระเทาะออก จึงได้เห็นองค์พระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย ทางวัดจึงได้อัญเชิญเข้าประดิษฐานไว้ในพระวิหารหลวง






เหมียวหน้าพระวิหาร









มณฑปพระพุทธบาทจำลอง

ตั้งอยู่ระหว่างพระเจดีย์กับพระวิหารหลวง ฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส ก่อด้วยอิฐถือปูนประดับกระเบื้องถ้วยสีต่าง ๆ มีฐานทักษิณ ๒ ชั้น สร้างในรัชกาลที่ ๓ หลังมณฑปเดิมเป็นยอดเกี้ยวแบบจีน ได้พังลงมาเมื่อ ร.ศ. ๑๑๔ (พ.ศ.๒๔๓๘) สมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระจักรพรรดิพงษ์ทรงรับจัดการเงินและเรี่ยไรซ่อม มีพระประสงค์จะเปลี่ยนหลังคาเป็นยอดมงกุฎ ๔ เหลี่ยม แต่ทำยังไม่ทันแล้วประชวรสิ้นพระชนม์เสียก่อน และพระยาราชสงคราม (ทัด หงสกุล) ผู้ปฏิสังขรณ์ก็ถึงอนิจกรรม


พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้พระยาราชสงคราม (กร หงสกุล) ขณะเป็นพระราชโยธาเทพทำตามรูปเดิม แต่ในปัจจุบันหลังคามณฑปเป็นของสร้างใหม่ ทำด้วยซีเมนต์ สืบได้ความว่า หลังคาที่ซ่อมใหม่นี้เป็นของทำในสมัยพระธรรมเจดีย์ (อุ่ม ธมฺมธโร) เจ้าอาวาสวัดอรุณราชวราราม รูปที่ ๙









วัดอรุณราชวราราม พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร

เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย

พระองค์ได้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ ตั้งแต่ยังทรงเป็นสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอและทรงผูกพันกับวัดนี้มาก

ภายในวัดอรุณราชวราราม ได้มีการสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ขึ้นที่บริเวณเขื่อนหน้าวัด ในสมัยรัชกาลที่ ๙ นี้ เนื่องในมหามงคลวโรกาสแห่งราชพิธีกาญจนาภิเษก เมื่อปี ๒๕๓๙

วัดอรุณราชวราราม ยังเป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทุกรัชกาล สงวนไว้เสด็จพระราชดำเนิน พระราชทานพระกฐิน เป็นประจำทุกปี และมีการเสด็จพระราชดำเนิน โดยขบวนทางชลมารคด้วยเรือพระราชพิธีที่งดงามยิ่ง

พระปรางค์ เป็นศิลปกรรมที่สง่างามเด่นที่สุด อยู่หน้าวัดทางทิศใต้ พระปรางค์องค์นี้ เดิมทีสร้างมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ไม่มีหลักฐานมีลักษณะเป็นแบบใด นอกจากกล่าวว่า สูงประมาณ ๘ วา เป็นปูชนียสถาน ที่สร้างขึ้นพร้อมกับพระอุโบสถ และพระวิหารน้อย หน้าพระปรางค์  เป็นศิลปะที่ประเมินค่ามิได้ของเมืองไทย  ในขณะที่ชาวต่างประเทศทั่วโลก เมื่อได้เห็นพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม ก็เข้าใจได้ทันทีว่า นี่คือ สัญลักษณ์ของประเทศไทย







วัดอรุณฯ  นี่ก็เคยอัพบล็อกไปแล้วค่ะ



















พระปรางค์ที่เห็นในปัจจุบัน ได้รับการบูรณะครั้งใหญ่ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีรั้วล้อมทั้ง ๔ ด้าน ตอนล่างเป็นกำแพงก่ออิฐถือปูนเตี้ยๆ ทาด้วยน้ำปูนสีขาว ตอนบนเป็นรั้วเหล็กทาสีแดง มีรูปครุฑจับนาคติดอยู่ตอนบนทุกช่อง แต่ละช่องกั้นด้วยเสาก่ออิฐถือปูน ด้านตะวันตก หลังพระปรางค์ มีเก๋งจีนแบบของเก่าเหลืออยู่ ๑ เก๋ง หน้าบันและใต้เชิงชายประดับด้วยกระเบื้องเคลือบสี

ในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ มีการบูรณปฏิสังขรณ์หลายอย่าง โดยเฉพาะพระปรางค์วัดอรุณฯ ได้รับการปฏิสังขรณ์ เป็นการใหญ่ มีการประกอบพิธีบวงสรวงก่อนเริ่มการบูรณะพระปรางค์ เมื่อวันพุธที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๑๐ และการบูรณะก็สำเร็จด้วยดี ดังที่เห็นเป็นสง่างามอยู่จนทุกวันนี้















๑๑.๒๐ น. นั่งเรือข้ามฟากกลับมาค่ะ



















เจดีย์สีขาว - วัดประยุรวงศาวาส  ถัดมาขวามือ - โบสถ์ซางตาครู้สค่ะ






ถ่ายจากบนเรือ ติดขอบมาด้วย






เดินผ่านวัดโพธิ์






ผ่านป้อมภูผาสุทัศน์ วัดพระแก้ว และพระบรมมหาราชวัง






มาท่าเรือ ท่าช้าง เราจะข้ามฝั่งไปวัดระฆังกันค่ะ









๑๒.๒๗ น. มาช้า เพราะไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวรองท้องก่อน






พระปรางค์องค์ใหญ่









ภายในพระอุโบสถ 






บริเวณฝาผนังภายในพระอุโบสถโดยรอบเขียนภาพจิตรกรรมที่ได้รับการยกย่องว่าฝีมืองดงามมาก

โดยผนังด้านหน้าพระประธานเขียนเป็นภาพพระพุทธเจ้าแสดงยมกปาฏิหาริย์ก่อนเสด็จขึ้นไปจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ และตอนเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์







ด้านหลังพระประธานเขียนภาพพระมาลัยขณะขึ้นไปนมัสการพระมหาจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์









เบื้องล่างเขียนภาพสัตว์นรกในอาการต่างๆ ภาพฝาผนังส่วนที่เหลือ เบื้องบนเขียนเป็นเทพชุมนุม

ตอนล่างเขียนภาพทศชาติ ซึ่งเขียนได้อย่างมีชีวิตชีวาอ่อนช้อยและแสงสีเหมาะสมกับเรื่องราว








ภาพเหล่านี้เขียนโดย พระวรรณวาดวิจิตร (ทอง จารุวิจิตร)

จิตรกรเอกในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อราว พ.ศ. ๒๔๖๕ ครั้งมีการบูรณะซ่อมแซมพระอุโบสถในรัชกาลนั้น







พระประธานยิ้มรับฟ้า

เป็นพระพุทธรูปเนื้อทองสำริด ปางสมาธิ หน้าตักกว้างประมาณ ๔ ศอกเศษ เบื้องพระพักตร์มีรูปพระสาวก ๓ องค์ นั่งประนมมือดุจรับพระพุทธโอวาท พระประธานองค์นี้ได้รับการยกย่องว่างดงามมาก
นปรากฎว่า ครั้งหนึ่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จมาถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดระฆังโฆสิตาราม ได้ทรงมีพระราชดำรัสแก่ผู้เข้าเฝ้าฯ ใกล้ชิดว่า ไปวัดไหนไม่เหมือนมาวัดระฆังพอเข้าประตูโบสถ์พระประธานยิ้มรับฟ้าทุกที ด้วยเหตุนี้จึงทรงถวายเครื่องราชอิสริยาภรณ์นพรัตนราชวราภรณ์ และมหาปรมาภรณ์ช้างเผือกแด่พระประธานองค์นี้เป็นพิเศษ และพระประธานองค์นี้ก็ได้นามว่า พระประธานยิ้มรับฟ้า ตั้งแต่นั้นมา











บานประตูหน้าต่างด้านนอกเขียนลายรดน้ำปิดทองมีรูประฆังเป็นเครื่องหมาย ด้านในเขียนภาพทวารบาลยืนแท่นระบายสีงดงาม







ภาพจิตรกรรมฝาผนัง ทศชาติชาดก  มโหสถชาดก










จันทกุมาร






คุณลุง รีดใบตอง สมัยเราเป็นเด็ก เคยใช้แบบนี้ด้วย









ไหว้พระ ปิดทอง ตรงนี้ค่ะ






เดินไปต่อที่ตำหนักแดงกัน









เชื่อกันว่าเป็นตำหนักสำหรับทรงกรรมฐานของสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี (พระเจ้าตากสิน) สันนิษฐานจากพระดำรัสของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ซึ่งได้ตรัสกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ เมื่อเสด็จมาทอดพระเนตรกุฏินี้ว่า นี้เป็นตำหนักปรกของพระเจ้ากรุงธนบุรี หลักฐานที่นำมาอ้างอิงคือฝาประจันที่ใช้กั้นห้องภายในตำหนักเดิม เขียนรูปอสุภต่างๆ ชนิด และมีภาพพระภิกษุเจริญกรรมฐาน ซึ่งสอดคล้องกับพระอุปนิสัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แต่ปัจจุบันภาพเหล่านี้ลบเลือนหายไปหมดสิ้นแล้ว












ภาพอดีตเจ้าอาวาส วัดระฆัง









พระบรมสารีริกธาตุ









ภาพเป็นเงาสะท้อนเลย ไม่รู้จะหามุมยังไง









ข้อมูล :   //www.watarun.org/Camber.html

//atimetraveller.com/story/11

//www.komchadluek.net/


//www.watrakang.com/








Create Date : 27 เมษายน 2558
Last Update : 27 เมษายน 2558 10:28:17 น. 35 comments
Counter : 8273 Pageviews.

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Travel Blog ดู Blog
เป็นวัด ที่ สวย งาม มากๆ จริงๆ ค่ะ


โดย: kwan_3023 วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:8:22:27 น.  

 
โหวตถ่ายภาพค่าา

พี่หนูคะ ลิงก์ข้อมูลของเอไทม์ ตัวอักษรมันเยอะจนทำให้บล็อกยืดค่ะ (ูดูด้วยโครม)

ลองแก้ลิงก์ดูนะคะพี่หนู


หนูชอบพระประธานทั้งในอุโบสถและวิหารของวัดอรุณหละ ง้ามงาม


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:9:29:43 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

มาชมความงามพระปรางค์
สวยงามสง่าทั้งยามเช้าและกลางคืนเลย
บล๊อกยวยจังครับ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
pantawan Health Blog ดู Blog
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: moresaw วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:9:49:44 น.  

 
สวัสดีอีกรอบค่าา

ร้านนี้ถ้าถามหนู ของคาวอร่อยกว่าของหวานนะคะพี่หนู แหะๆ

พี่หนูไม่ชอบอาหารฝรั่งเหรอคะ? หนูเองกินจนชอบไปแล้วค่ะเนี่ย ฮา


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:10:06:50 น.  

 
อุ้มตามมาไหว้ด้วยคนนะคะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:10:09:53 น.  

 
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
เตยจ๋า Topical Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog

--------------------

รายละเอียดเยอะมาก ภาพก็สวยด้วย
เหมือนได้เรียนประวัติศาสตร์บางส่วนของบรรพบุรุษไปด้วย อิอิ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลและภาพสวย ๆ นะคะ
ขอเก็บไปตามระเบียบ แหะ ๆ



โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:13:11:03 น.  

 
วัดอรุณสวยงามมาก จำได้ว่าสมัยยังเป็นเด็กประถม (หลายสิบปีแล้ว เป็นรูปปกหนังสือภาษาอังกฤษด้วยค่ะ)
วัดระฆังสมัยที่เรียนมหาลัยก็เดินผ่านทุกสัปดาห์เลยค่ะ แต่ไม่เคยเข้าไปด้านใน ได้แต่เดินผ่านแล้วไหว้อยู่ด้านนอกค่ะ
ภาพสวยมาก ไว้มาส่งกำลังใจอีกทีนะคะ ไม่ได้เข้าบล็อกหลายวันใช้โหวตแป๊บเดียวหมดเลย ^__^


โดย: เนินน้ำ วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:13:45:36 น.  

 
สวัสดียามบ่ายครับ
สายหมอกและก้อนเมฆ




โดย: ก้อนเงิน วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:14:31:05 น.  

 
มณฑปงดงามมากๆครับพี่หนู

ถ้ามีโอกาสก็อยากจะไปเดินถ่ายภาพที่นี่ด้วยเช่นกันครับ

ส่วนไร่เชิญตะวันต้องไปแน่นอนครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:16:20:50 น.  

 
ลืมเลยครับ 555

โหวต Photo Blog ให้นะครับพี่



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:16:21:42 น.  

 
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog

อยากไปเที่ยวจังเลย

ปล.พระพุทธรูปในเพลงเฉลยแล้วนะคะว่าอยู่ที่ไหนในบล็อกใหม่ค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:17:13:48 น.  

 
ใช่ ๆ ค่ะ หนังสือ Oxford ขอบคุณที่ช่วยนึกให้นะคะ


โดย: เนินน้ำ วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:17:25:22 น.  

 
ทั้งสองวัดนี้นอกจากเป้นวัดที่สวยงามมากแล้ว
ยังมีทัศนียภาพรอบๆที่งามที่สุดค่ะ ชอบมากเลย
คุณลุงรีดใบตอง คิดถึงตอนเด็กๆค่ะ
เวลาเตารีดฝืดหรือแรงไปก็จะเอาใบตองมารีด
ลื่นปรื๊ดเลย

ใส่เฝือกนานหน่อยค่ะ
ทนอย่างเดียวเลยตอนนี้




โดย: mambymam วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:18:12:12 น.  

 
ชมภาพเพลินเลยค่ะ ชอบคุณหนูพาเที่ยว ได้ชมภาพเยอะจุใจดี
หนนี้พาชมวัดงาม ๆ และทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์มาก ๆ ถึงจะมีรูปที่เคยลงบล็อกแล้ว แต่ดูอีกก็ไม่เบื่อค่ะ

ขอบคุณมาก ๆ ที่พาทัวร์วัดและเก็บภาพมาฝากกันนะคะ โหวตให้ค่า


โดย: haiku วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:19:02:54 น.  

 
อยากล่องเรือบ้างจังค่ะ ชอบมาก

ปล.พี่หนุ่ยอยู่แถวนี้ ใกล้ๆเองค่ะ เปลี่ยนชื่อบล็อกเป็นความคิดถึงมันหอมหวาน


โดย: sawkitty วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:19:22:13 น.  

 
บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ
ภาพสวยคมชัด แวะมาโหวตให้คุณหนูค่ะ


บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog



โดย: หอมกร วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:20:29:09 น.  

 
กล้องใหญ่ผมก็ชอบครับพี่
ยังไงก็ชอบกว่ากล้องมือถือ
เพียงแต่ความสะดวก
มือถือก็สะดวก
แล้ว App ตอนนี้ Photoshop ยังมีเลยครับ
ผมโหลดมาใช้ สนุกมากครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:21:07:39 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู มาส่งกำลังใจค่า
ดีใจๆมีพี่หนูช่วยไว้ได้ เด่วค่อย
ตรื้ดดดมาดีเทลอีกที ฝันดีนะค่าาาา

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
เตยจ๋า Topical Blog ดู Blog
**mp5** Dharma Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น



โดย: mastana วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:21:41:44 น.  

 
มาชมภาพประทับใจที่ทั้งสองวัดค่ะพี่หนู

ไม่ลืมที่จะโหวตแน่นอน ใช่แล้วๆ วัดใหญ่ๆนี้ไปได้เสมอ เที่ยวได้ตลอดเลยค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
mambymam Home & Garden Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog


โดย: anigia วันที่: 27 เมษายน 2558 เวลา:23:39:50 น.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:1:28:55 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่หนู




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:6:39:50 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่าาา


โดย: maistyle วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:10:47:48 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณหนู
รอบนี้มาส่งกำลังใจจ้า
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
foreverlovemom Topical Blog ดู Blog
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ฟ้าใสวันใหม่ Home & Garden Blog ดู Blog
สาวไกด์ใจซื่อ Food Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog


โดย: เนินน้ำ วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:13:00:55 น.  

 
กระโปรงผ้าไทย ซีใส่แต่เด็กโตยังใส่ได้อยู่เลย 555 ไม่โต


โดย: kae+aoe วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:13:28:31 น.  

 
ภาพสวยมากค่าพี่หนู
ที่นี่ก็ว่าจะพาลูกไปเที่ยวชม ถ่ายรูป แต่ยังไม่ได้ไปซักทีค่ะ


โดย: Close To Heaven วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:15:18:09 น.  

 
สวัสดีคร้าบ

งานบล็อกแก็งค์นี่ ดูๆแล้ว โจทก์ อ.เต๊ะ แยะ ครับ คงจะไปเดินเฉิดฉาย โชว์พุงกลมๆ ไม่ได้หรอกครับ ไม่ปลอดภัยต่อสวัสดิภาพร่างกายแน่ๆ 555

วัดอรุณนี่นานมากแล้ว ที่อ.เต๊ะ ไม่ได้ไป แต่วัดระฆัง นี่พึ่งไปมาเมื่อไม่นานมานี้เองครับ

หาที่จอดรถยากมาก ถนนข้างในก็แคบซะจริงๆ กว่าจะหาที่จอดได้เกือบตาย แหะๆ

เวลาดูก็ดูไม่ครบ ไม่ละเอียดละออแบบของคุณหนู ที่ถ่ายภาพมา

เพราะในสถานการณ์จริงนี่ ผู้คน ชุลมุน สับสน วุ่นวายมากๆ
ต้องมีอย่างต่ำ 3-4 ชม.ละครับ
ถ้าจะถ่ายรูปด้วย แล้วดูให้ทั่ว แบบสบายๆนะครับ

อ.เต๊ะ ดูแล้ว ตัดสินใจได้เลยว่า ต่อไป ขอนอนดูหน้าจอคอม จากบล็อกคุณหนูแทน ท่าจะดีกว่า อิอิ

ไม่ต้องเดินทางให้เมื่อย
ไม่ตั้งแบกกล้องแสนจะหนัก คอแทบเคล็ด ฝ่าฝูงชนชาวไทย

ยิ่งช่วงนี้ อากาศร้อนตับแล่บ ออกปากอยู่ด้วย

แล้วก็ เดี๋ยวนี้สงสัยเลือดจะไปลมจะมา เย้ย จะเข้าวัยทอง ความอดทนเลยต่ำลงแยะครับ อิอิ

วันนี้โหวตหมดซะแล้ว แล้วค่อยมาใหม่นะครับ


โดย: multiple วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:16:55:00 น.  

 


โดย: หอมกร วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:20:17:52 น.  

 
ขอบคุณค่ะคุณหนู



โดย: mambymam วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:21:05:31 น.  

 
ตามพี่หนูมาเที่ยว 2 วัดดังในกรุงเทพฯครับ ใครมาเที่ยวกรุงเทพฯนี่ห้ามพลาดเลยเนาะ กดโหวตให้เลยครับ


ป.ล.ขอบคุณสำหรับที่กดโหวตให้ผมด้วยนะครับ


บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
newyorknurse Klaibann Blog ดู Blog
เนินน้ำ Food Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
เริงฤดีนะ Movie Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: ปีศาจความฝัน วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:21:13:49 น.  

 
สวัสดียามดึกครับ



โดย: ก้อนเงิน วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:22:19:43 น.  

 
เข้ามาจองที่ชมภาพก่อน เดี๋ยวอีกสองวัน
กลับบ้านป่าจะดูภาพยากมาก

วัดกลุ่มนี้ พี่คุ้นแต่วัดโพธิ์
น้องหนูทันรีดใบตองด้วยเนอะ ดีจังค่ะ

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
Karz Music Blog ดู Blog
pantawan Health Blog ดู Blog
ALDI Klaibann Blog ดู Blog
toor36 Cartoon Blog ดู Blog
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog





โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:22:29:48 น.  

 
พระปรางค์นี้สวยจริงๆค่ะพี่หนู
ชอบลวดลายฝังกระเบื้องแบบนี้ค่ะ
แต่ละลายไม่ซ้ำกันดูแล้วเพลินเลย
พอดูแล้วก็ต้องชมฝีมือช่างของเราเนาะ

สถานที่บางแห่งเราก็ไปซ้ำได้หลายหน
ภาพที่ได้ก็ต่างมุมมองอีก
พระประธานยิ้มรับฟ้างามมากเลยค่ะพี่



โดย: ที่เห็นและเป็นมา วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:22:56:47 น.  

 

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog

ภาพสวยทุกภาพเลยค่ะน้องหนู
โดยเฉพาะภาพแรกชอบมาก
เลยค่ะ


โดย: AppleWi วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:23:13:42 น.  

 
วัดอรุณ
มาเมื่อไหร่ก็ไม่เบื่อ
Amazing Thailand จริงๆ


สายหมอกและก้อนเมฆ Photo Blog ดู Blog


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 เมษายน 2558 เวลา:23:53:32 น.  

 
ตามมาชมบรรยากาศครับ หวังว่าซักวันจะได้ไปวัดอรุณฯ อีกครั้ง แดดดีมากถ่ายรูปสวยแน่ๆ ถ้าเอาโมเดลไปถ่ายทำนำเที่ยวคงจะดี มุมสวยๆ เยอะ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 เมษายน 2558 เวลา:0:10:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.