คนละฟากฟ้า - บทที่ 37
พราวพรายเก็บเอาคำขอแต่งงานของนิคมาครุ่นคิดอย่างหนัก คิดทบทวนไปมาแล้วก็ยังไม่ได้คำตอบ ถามตัวเองว่าอยากแต่งงานไหม คำตอบก็คือไม่อยากแต่งงาน อย่างน้อยก็ยังไม่ใช่ตอนนี้ ถามต่อไปว่าถ้าจะต้องแต่งงานจริงๆ จะแต่งงานกับผู้ชายต่างชาติหรือผู้ชายไทย หญิงสาวก็ตอบได้ทันทีอีกเหมือนกันว่าไม่เคยคิดจะแต่งงานกับคนต่างชาติ เพราะไม่เชื่อว่าจะทนเห็นสายตาเหยียดหยามของคนไทยด้วยกันได้ ทุกวันนี้เธอเห็นผู้หญิงที่เป็นเมียเช่าเดินควงคู่กับผู้เช่าซึ่งเป็นทหารทั้งผิวดำและผิวขาวอยู่เกลื่อนเมือง แม้ผู้หญิงเหล่านั้นจะทำท่าเหมือนไม่ยี่หระต่อสายตาและคำพูดในเชิงดูหมิ่นเหยียดหยามของใคร แต่พราวพรายเชื่อว่าลึกลงไปในใจ พวกเธอเหล่านั้นก็คงต้องรู้สึกเจ็บปวดบ้างไม่มากก็น้อย ถ้าแต่งงานกับนิคเธอก็คงหลีกเลี่ยงคำนินทาว่าร้ายแบบเดียวกันไม่ได้


ถ้าจะพูดกันจริงๆแล้วเมียเช่าก็คืออาชีพอย่างหนึ่ง เพราะมีลักษณะเป็นการซื้อขายหรือข้อตกลงทางธุรกิจ ฝ่ายหนึ่งยินดีซื้อเพื่อหวังบริการจากอีกฝ่าย ในขณะที่อีกฝ่ายก็ยินดีขายเพื่อแลกกับทรัพย์สินเงินทอง มันก็คือการค้าต่างตอบแทนนั่นเอง แต่อย่างน้อยที่สุดผู้หญิงที่ตกลงเป็นเมียเช่า ก็มีจุดมุ่งหมายเพื่อจะได้เงินมาจุนเจือทั้งตัวเองและครอบครัว ที่อาจจะประกอบด้วยพ่อแม่พี่น้องหรือแม้แต่ลูกเล็กๆที่ยากไร้ขาดแคลน ถึงอย่างไรผู้หญิงพวกนี้ก็ไม่น่าถูกตำหนิหรือหมิ่นแคลนเหมือนเธอ ที่ไม่ได้มีความจำเป็นในเรื่องเงินทอง แม้ว่าการแต่งงานกับนิคจะหมายความว่าเธอจะเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฏหมายของเขา ไม่ใช่เมียเช่าเหมือนผู้หญิงพวกนั้น แต่จะมีใครสักกี่คนที่จะรู้ความจริง เธอมิต้องพกหลักฐานทะเบียนสมรสติดตัว เพื่อควักออกมาแสดงทุกครั้งที่เดินคู่กับเขาไปไหนต่อไหนหรือ

นอกจากนี้ทางครอบครัวของเธอจะว่าอย่างไร พราวพรายนึกภาพมารดาเป็นลมล้มตึงลงไปทันทีที่รู้ว่าเธอแต่งงาน หรือกำลังจะแต่งงานกับชายต่างชาติ ไม่ใช่ชายต่างชาติทั่วไปเสียด้วย แต่เป็นชายต่างชาติที่เป็นทหารในยุคที่เมียเช่าเกลื่อนเมือง

ประเด็นสำคัญที่สุด แต่พราวพรายกลับนำมาวิเคราะห์เป็นประเด็นสุดท้าย คือความรัก เมื่อถามตัวแองว่ารักเขาหรือเปล่าหญิงสาวก็รีบปฎิเสธทันทีโดยไม่ยอมเสียเวลาคิด เรื่องอะไรจะบ้าไปรักผู้ชายต่างชาติ ที่เธอแทบจะไม่รู้จักเทือกเขาเหล่ากอที่มาที่ไปของเขาเลย นิคเป็นคนดีก็จริงแต่ก็คงมีผู้ชายไทยดีๆอีกหลายคน ที่จะผ่านเข้ามาในชีวิตของเธอในอนาคต เพราะเธอก็อายุยังน้อยยังมีเวลาอีกมากมาย ถ้าเธอเพียงแต่เปิดใจยอมรับยอมคบหาดูใจกับพวกเขาบ้าง ไม่ใช่คอยแต่ปิดกั้นตัวเองเหมือนทุกวันนี้ พราวพรายถอนใจยาวอย่างโล่งอกเมื่อคิดว่าหาคำตอบได้แล้ว คำตอบที่จะปฎิเสธนิคได้อย่างเต็มปากเต็มคำและมีเหตุมีผลว่าเธอจะไม่แต่งงานกับเขา เมื่อแน่ใจในคำตอบที่จะให้เขาแล้วหญิงสาวก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะยอมให้เขาพบเพื่อแจ้งคำตอบของเธอ

ชายหนุ่มผู้นั้นมาพบเธอตามนัดในอีกสามวันต่อมา พราวพรายรู้ว่าเขามาเพื่อพบเธอโดยเฉพาะ เพราะไม่ใช่ช่วงที่เขามาทำงานในฐานทัพที่อุบลฯ นิคขับรถมารับเธอที่หน้าบ้านด้วยสีหน้าที่เรียบเฉยตามปกติ

“เราจะไปคุยกันที่ไหน” เขาถาม

หญิงสาวอึกอัก ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีปฏิกิริยาต่อคำตอบของเธออย่างไร ถ้าเขาเกิดบ้าขึ้นมาเหมือนวิชชา เธอจะต้องอับอายคนที่เห็นหรือได้ยินอย่างแน่นอน ร้านอาหารคงจะไม่ใช่ตัวเลือกที่ดี อพาร์ตเมนท์ของเขาก็เช่นเดียวกัน ถ้าเขาเกิดแค้นขึ้นมาแล้วปล้ำเธอ ใครจะช่วยเธอได้

“คุยกันในรถดีไหมคะ? หาที่จอดเงียบๆที่ไหนสักแห่ง จะได้พูดกันได้สะดวก”

นิคหันมามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะเลี้ยวรถไปบนถนนเล็กๆเส้นเดิมที่เคยมาด้วยกันเมื่อครั้งที่แล้ว ขับเลียบฝั่งแม่น้ำมูลไปเรื่อยๆ จนในที่สุดจอดแอบลงข้างทางใต้ต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ที่บริเวณโดยรอบว่างวายทั้งสิ่งปลูกสร้างและผู้คน หน้าหม้อรถหันออกไปยังแม่น้ำกว้างใหญ่ที่สายน้ำใสสะอาดไหลเอื่อยๆ มีสายลมอ่อนๆจากแม่น้ำพัดมาเป็นระลอก

จอดรถเรียบร้อยชายหนุ่มผู้นั้นซึ่งวันนี้อยู่ในชุดลำลองเพราะไม ่ใช่วันทำงานตามปกติ ตะแคงตัวหันมามองผู้หญิงที่นั่งเคียงข้าง มีรอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าคมสัน แม้ว่าแววตาที่คมกล้าของเขาตอนนี้ จะมีรอยกังวลเจือปนอยู่บ้างก็ตาม

“คุณมีคำตอบให้ผมแล้วใช่ไหม?” เสียงของเขาทุ้มนุ่มนวลแบบที่เธอชอบ ไม่ใช่เสียงดุๆที่ได้ยินอยู่บ่อยๆ

พราวพรายชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งว่าจะพูดอย่างไร ที่จะไม่ทำให้เขาโกรธหรือไม่พอใจ ในที่สุดเธอเริ่มต้นว่า “นิคคะ ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าฉันรู้สึกขอบคุณมากที่คุณให้เกียรติขอฉันแ ต่งงาน ที่พูดยังงี้ก็เพราะฉันรู้ว่าคุณเป็นคนดี เป็นผู้ชายแบบที่ผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องการ คุณทั้งใจดี สุภาพและน่ารัก..”

แววตาของนิคเปลี่ยนไปทันที มือข้างที่วางพาดอยู่บนพวงมาลัยรถกำแน่น แต่พราวพรายไม่เห็นเพราะไม่ได้มองเขา เธอไม่รู้ว่าฟังคำพูดของเธอเพียงแค่นั้นเขาก็รู้คำตอบชัดเจนแล้ว แต่ถึงจะรู้เขาก็นิ่งรอให้เธอพูดจนจบ

“บอกตรงๆเลยนะนิค แม้ฉันจะรู้จักผู้ชายเพียงไม่กี่คน แต่ฉันก็พูดได้เต็มปากว่าคุณเป็นคนที่ดีที่สุด เป็นผู้ชายที่ทำให้ผู้หญิงแข็งกระด้างอย่างฉัน ได้ตระหนักถึงความเป็นผู้หญิงของตัวเองที่ไม่เคยรู้ว่ามี”

แล้วพราวพรายก็หยุดชะงัก หน้าของเธอแดงระเรื่อเมื่อคิดว่าคำพูดคลุมเครือของเธออาจจะทำให้เขาเข้าใจผิดได้ เธอรีบกล่าวต่อไปโดยเร็ว

“ฉันหมายความว่าทุกอย่างที่เป็นตัวตนของคุณ ความแข็งแกร่ง ความนุ่มนวล ความเข้าใจ การปกป้องคุ้มครองและการให้อภัย ทั้งหมดที่คุณให้ฉันในระยะหลังๆ เป็นสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนต้องการจากผู้ชายสักคนหนึ่ง เพราะมันทำให้เราได้รู้ซึ้งถึงความเป็นผู้หญิง ที่ไม่ว่าจะเข้มแข็งแกร่งกล้าสักเพียงใด ก็ยังต้องการความห่วงใย ความอนาทร การปกป้องคุ้มครองและความนุ่มนวลอ่อนหวานจากผู้ชาย การที่คุณไม่ยอมคล้อยตามฉันง่ายๆ ในบางเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่ถูกต้อง เป็นสิ่งพิสูจน์จุดยืนและความเข้มแข็งของคุณที่ฉันไม่อาจเอาชนะ ได้ รู้ไหมคะนิคว่าผู้หญิงหัวแข็งน่ะ ไม่ได้ต้องการผู้ชายอ่อนๆอย่างที่หลายคนคิดหรอกนะ เราต้องการมือที่แข็งกว่า มาปราบทิษฐิและความดื้อรั้นของเรา ด้วยเหตุด้วยผลที่เราไม่สามารถดึงดันเอาชนะได้ สรุปก็คือคุณทำให้ฉันรู้สึกดีๆที่ได้มีโอกาสรู้จักคนที่สามารถจะเป็นได้ทั้งพ่อ พี่และเพื่อนไปพร้อมๆกันอย่างคุณ นิคคะ..ที่ฉันพูดมานี่คุณเข้าใจฉันบ้างหรือเปล่า”

ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆ “แน่นอน ผมเข้าใจ”

พราวพรายสำรวจสีหน้าของอีกฝ่าย เมื่อพบว่ามันยังปกติดีอยู่เธอก็พูดต่อไปเรื่อยๆ

“หลายวันมานี้ฉันคิดหนักมาก เรื่องที่คุณขอฉันแต่งงาน บอกตรงๆนะนิค ฉันอยากให้ตัวเองคิดอะไรให้น้อยลงกว่านี้ เช่นเรื่องความแตกต่าง เรามีความแตกต่างกันหลายเรื่อง ที่เห็นๆคือเชื้อชาติ ศาสนา ภาษา สังคมและวัฒนธรรม ฉันเคยบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือว่าฉันไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานข้ามชาติ ข้ามวัฒนธรรม บอกตรงๆว่าฉันกลัวว่าความแตกต่างในเรื่องเหล่านี้ จะกลายเป็นอาวุธมาประหัตประหารความสัมพันธ์ของคนสองคน ให้ขาดสะบั้นลงไปในวันหนึ่งข้างหน้า ฉันเป็นคนที่กลัวความเปลี่ยนแปลง”

พราวพรายเริ่มรู้สึกว่านิคเงียบเกินไปในขณะที่เธอเป็นฝ่ายพูดอยู่ข้างเดียว หญิงสาวพยายามสังเกตสีหน้าเขา ก็เห็นแต่ความสงบเหมือนเดิม เขาจะคิดอย่างไรเธอไม่มีทางรู้

เมื่อเห็นเธอหยุดพูดมองหน้าเขาเฉยอยู่ ชายหนุ่มก็กล่าวว่า “พูดต่อไปสิ ผมคิดว่าคงมีอีกหลายเรื่องที่คุณอยากจะพูดกับผม”

“ค่ะ ฉันยังมีเหตุผลอีกหลายข้อ ถ้าคุณคิดว่าจะรับฟังได้โดยไม่โกรธ ฉันก็จะพูด”
สีหน้าของนิคยังเรียบเฉย เมื่อบอกเธอว่า “พูดมาเถอะ ผมฟังได้”

“เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งคือพ่อแม่ของฉัน พวกท่านไม่มีทางจะรับได้ถ้าฉันแต่งงานกับคุณซึ่งเป็นคนต่างชาติ ฉันคิดว่าแม้แต่ทางบ้านคุณก็คงรับไม่ได้เช่นเดียวกัน จริงไหมคะ”

ความจริงนิคไม่จำเป็นต้องตอบ แต่เมื่อเธอมองเขาอย่างคาดคั้นต้องการคำตอบ เขาก็ตอบเธอว่า “ทางบ้านผมไม่มีปัญหาอะไร พ่อแม่ผมยอมรับการตัดสินใจของผมทุกเรื่อง ไม่ว่าผมจะแต่งงานกับใครก็รับได้ทั้งนั้น"

“คุณโชคดีที่ไม่มีปัญหาทางบ้าน แต่ฉันไม่ได้โชคดีเหมือนคุณ ไม่ใช่เพราะรังเกียจคนต่างชาติ แต่อาจจะเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่เรายึดมั่นอยู่ ที่ทำให้ครอบครัวฉันโดยเฉพาะแม่สั่งห้ามมาตลอด ตอนที่ฉันจะย้ายมาทำงานที่อุบลฯ แม่ขอให้ฉันสัญญาว่าจะไม่คบผู้ชายต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารต่างชาติที่มาทำงานในเมืองไทย ตอนที่แม่มาเป็นเพื่อนฉันครั้งแรกที่อุบลฯ เห็นทหารต่างชาติเดินควงผู้หญิงไทยที่เป็นเมียเช่าเต็มเมือง แม่กลัวมาก กลัวว่าถ้าฉันคบทหารต่างชาติ ใครๆจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันก็เป็นเมียเช่าเหมือนกัน นี่ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ฉันบอกคุณว่าไม่เคยคิดจะแต่งงานกับคนต่างชาติ อย่าโกรธนะคะนิค แม่ไม่ได้คิดว่าคนต่างชาติไม่ดีหรืออะไรหรอก เพียงแต่ถ้าเลือกได้ แม่ก็คงอยากให้ลูกสาวแต่งงานกับคนชาติเดียวกันมากกว่า”

“ผมเข้าใจ” นิคยังยืนคำเดิม

“อีกเรื่องคือเรายังรู้จักกันน้อยมาก ฉันไม่เคยรู้เรื่องอะไรของคุณเลย โดยเฉพาะเรื่องทางบ้านคุณ แม้แต่เรื่องงานของคุณฉันก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าคุณทำงานอยู่ในเวียตนาม ทำอะไร เสี่ยงมากน้อยแค่ไหนก็ไม่รู้ เพราะคุณไม่เคยพูดถึงเลย เห็นไหมคะว่าฉันแทบจะไม่รู้จักคุณเลย”

คราวนี้นิคเป็นฝ่ายพูดบ้าง “ผมต้องขอโทษด้วยทั้งสองเรื่อง เรื่องงานผมคงเล่าให้ใครฟังไม่ได้แม้แต่คุณ เพราะมันเกี่ยวกับความปลอดภัยของคนจำนวนมาก ผมบอกคุณได้แต่เพียงว่ามันเป็นงานที่เสี่ยงอันตราย ที่ผมไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้ก็เพราะไม่อยากให้คุณเป็นกังวล ไม่ได้อยากจะปิดบังอะไรหรอก”

นิคนิ่งไปอึดใจหนึง ตาก็มองหน้าเธอแน่วแน่เมื่อพูดต่อว่า “ส่วนเรื่องทางบ้านผม ผมกับคุณอาจจะคิดกันคนละมุม คนอเมริกันจะไม่เข้าไปวุ่นวายตัดสินใจแทนลูกที่โตพ้นอกไปแล้ว ปล่อยให้ตัดสินใจเอง เพราะถือว่าชีวิตของใครก็ต้องเลือกทางเดินเอาเอง ผมอาจจะชินกับชีวิตแบบนั้นจนลืมคิดว่าวัฒนธรรมการเลี้ยงดูของเราไม่เหมือนกัน พูดง่ายๆคือคุณต้องยึดมั่นกับครอบครัวของคุณไปตลอด ในขณะที่ผมยึดมั่นกับการตัดสินใจของตัวเอง เป็นอิสระจากครอบครัวเดิมของผม”

“นั่นสิคะ คุณเองก็รู้ ว่าเราสองคนมีอะไรที่แตกต่างกันตั้งหลายอย่าง” พราวพรายรู้สึกดีใจที่เขาเห็นด้วย
“คุณมีอะไรจะบอกผมอีกไหม?”
นิคถามเมื่อเห็นเธอเงียบไปอีก เขาไม่แน่ใจว่าเธอพูดจบหรือยัง
หญิงสาวทำท่าคิด ก่อนจะบอกเขาว่า “หมดแล้วมั้ง คุณล่ะมีอะไรจะพูดกับฉันมั่งไหม?”

“ผมเข้าใจว่าที่คุณพูดมาทั้งหมดนี้คือการปฎิเสธ ก่อนจะตัดสินใจปฏิเสธผมคุณคงคิดทุกอย่างรอบคอบแล้ว คุณถามว่าผมมีอะไรจะพูดกับคุณไหม ซึ่งผมคิดเอาเองว่าคุณคงอยากรู้ว่าก่อนตัดสินใจขอคุณแต่งงาน ผมคิดอะไรบ้าง ผมบอกให้คุณรู้ก็ได้ถ้าคุณอยากจะฟัง”

“แน่นอนค่ะ ฉันอยากฟังเหตุผลของคุณบ้าง” พราวพรายซึ่งตอนนี้รู้สึกโล่งอก ที่นิคไม่มีปฎิกิริยารุนแรงใดใดต่อคำพูดในเชิงปฏิเสธของเธอ รีบตอบอย่างกระตือรือร้นเพื่อเอาใจเขา

นิคมองดวงตาคู่งามที่กำลังจ้องเขาอยู่ “ผมไม่ได้นำเรื่องอะไรมาขึ้นตาชั่งเพื่อหาเหตุผล ผมมีเหตุผลเดียวเท่านั้นที่ขอคุณแต่งงาน นั่นคือเพราะผมรักคุณ อยากอยู่กับคุณจนวันตาย”

พราวพรายทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก่อนที่เธอจะพูดอะไรออกมานิคก็พูดต่อว่า “ผมจะไม่ถามว่าคุณรักผมบ้างไหม เพราะเหตุผลทั้งหมดของคุณชัดเจนในตัวของมันเองอยู่แล้ว ถ้าคุณรักผมบ้างสักนิดคุณก็จะไม่ต้องพยายามคิดหาเหตุผลมาหักล้าง คุณจำเป็นต้องหาเหตุผลมาปฏิเสธผมก็เพราะคุณไม่ได้รักผม ก็เท่านั้นเอง”

ขณะที่พราวพรายนิ่งอั้นพูดอะไรไม่ออก ชายหนุ่มก็ยิ้มน้อยๆให้เธอราวจะปลอบว่า ‘ไม่เป็นไร ผมเข้าใจ’ อย่างที่เขาชอบพูดกับเธอบ่อยๆ

“นิคคะ” พราวพรายอึกอักอยู่อึดใจหนึ่ง “ก่อนหน้านี้ฉันไม่เคยรู้...”
“ไม่ต้องพูดอะไรอีกหรอก เมื่อคุณตัดสินใจไปแล้วก็อย่าให้คำพูดของผมมาทำให้คุณต้องเปลี่ยนใจ ละทิ้งจุดยืนของคุณ” เสียงของเขาราบเรียบพอๆกับสีหน้า
“ถ้าคุณต้องการยังงั้น ฉันก็จะไม่พูดอะไรอีก นิค..คุณโกรธฉันหรือเปล่า?”
“ไม่โกรธหรอก บอกแล้วไงว่าผมเข้าใจ” เขานิ่งไปอึดใจหนึ่งก็ถามว่า “เราจะกลับกันหรือยัง?”
“คุณจะกลับเวียตนามเมื่อไหร่คะ?” พราวพรายพยายามหาเรื่องพูดกับเขา
“เย็นนี้แหละ ผมมีงาน ที่มาเพราะจะมาฟังคำตอบจากคุณเท่านั้น ได้คำตอบแล้วผมก็คงต้องรีบกลับ”

เห็นเธอเฉยไม่ท้วงติงหรือซักถามอะไรอีก นิคก็สตาร์ทเครื่องยนต์ พารถเคลื่อนออกจากที่มุ่งตรงไปส่งเธอที่บ้าน ตลอดทางทั้งเขาและเธอต่างก็เงียบกริบเหมือนหมดเรื่องจะพูดกันแล้ว ในที่สุดเมื่อรถมาจอดที่หน้าประตูบ้าน นิคก็พูดกับพราวพรายว่า

“ไม่ต้องกลัวว่าผมจะโกรธนะ ผมเข้าใจทุกอย่างที่คุณพูด ผมหวังว่าอีกไม่นานคุณคงจะได้พบผู้ชายดีๆที่เหมาะสมกับคุณสักคน ถ้าไม่ใช่ปลัดอำเภอคนนั้น ก็อาจจะเป็นใครสักคนที่คุณรักเขา ขออวยพรล่วงหน้าให้คุณมีความสุข ส่วนผมก็คงจะไม่มาวุ่นวายกับชีวิตคุณอีกแล้ว ถ้าผมเคยทำอะไรให้คุณเดือดร้อน ผมก็ต้องขอโทษด้วย”

พราวพรายมองหน้าที่มีรอยยิ้มนิดๆของนิค ไม่แน่ใจว่าเขาโล่งใจหรือเสียใจกับคำพูดในเชิงปฏิเสธของเธอ อย่างไรก็ดีก่อนลงจากรถ หญิงสาวเอื้อมมือไปสัมผัสมือแข็งแรงข้างที่พาดอยู่บนพวงมาลัย ยิ้มอย่างหวานให้เขา

“นิคคะ ฉันขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเคยทำให้ฉัน ฉันคงไม่ลืมคุณหรอก ไม่ว่าเราจะมีโอกาสได้พบกันอีกหรือไม่ ฉันก็ขออวยพรให้คุณโชคดี ได้พบผู้หญิงดีๆที่คู่ควรกับคุณ”

คำสุดท้ายที่เธอพูดกับเขาคือ “ลาก่อนค่ะ นิค”
คำสุดท้ายของนิคที่กล่าวกับเธอก็คือ “ลาก่อน พราวพราย”

นิคขับรถหายลับตาไปแล้ว พราวพรายเดินเข้าไปในห้องส่วนตัว เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอยู่กับบ้านหลวมๆ รู้สึกโล่งใจที่นิคยอมรับคำปฏิเสธของเธอด้วยดี ไม่มีท่าทางโกรธแค้นหรือไม่พอใจอย่างวิชชา แม้จะรู้สึกอย่างไรเขาก็ยังมีสีหน้าวาจาที่สุภาพเหมือนเดิม ซึ่งทำให้หญิงสาวอดนึกชมเขาไม่ได้ ตอนนี้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมากที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

แต่แล้วเพียงครู่ต่อมาเมื่อนึกถึงที่นิคบอกว่ารักเธอ พราวพรายก็ถามตัวเองว่ารู้สึกอย่างไร แล้วก็ตอบได้ทันทีว่ารู้สึกภูมิใจที่ผู้ชายดีๆอย่างนิคออกปากว่ารักเธอ แต่ในเมื่อเธอไม่ได้รักเขา ความรักของเขาก็ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับเธอ หญิงสาวเชื่อว่าอีกไม่นานเมื่อไม่ได้พบเห็นกันอีกนิคก็คงจะลืมเธอได้ในที่สุด

แต่พราวพรายก็อดคิดไม่ได้ว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป เธอจะไม่ได้พบชายหนุ่มคนนั้นอีกแล้ว จะไม่มีผู้ชายคนที่คอยวุ่นวายอนาทรร้อนใจกับทุกข์สุขของเธออีกต่อไป ผู้ชายคนที่มักจะปรากฏตัวขึ้นมายามที่เธอมีปัญหา ยั่วเย้าบ้าง ง้องอนบ้างเมื่อเห็นเธอโกรธหรืออารมณ์เสีย ว่ากล่าวตักเตือนเมื่อเธอทำผิด ผู้ชายคนที่มีแต่ความหวังดีให้เธอเสมอมาตลอดเวลาเกือบหนึ่งปีที่ได้รู้จักกัน แม้บางช่วงจะกระท่อนกระแท่นก็ตาม ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้นพราวพรายไม่ได้โทษเขา เพราะเรื่องทั้งหมดมันเกิดจากเธอ ไม่ใช่เขา

หญิงสาวพยายามบอกตัวเองว่าดีแล้วละที่ทุกอย่างลงเอยด้วยดี นิคก็ไปตามทางของเขา ส่วนเธอก็มีทางที่ต้องเดินต่อไป ผู้ชายดีๆอย่างเขาคงจะมีผู้หญิงมาชอบอีกหลายคน เธอเชื่อว่าเขาจะเลือกได้คนที่เหมาะสมกับเขา คนที่สามารถจะเคียงคู่ไปกับเขาทุกหนทุกแห่งได้อย่างสง่าผ่าเผย แต่เมื่อคิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็รู้สึกวาบในหัวใจ ไม่อยากนึกภาพเขากับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ เธอบ้าไปหรือเปล่า เห็นแก่ตัวมากไปไหม ที่ไม่รักไม่อยากแต่งงานกับเขา แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากให้เขารักหรือแต่งงานกับใคร

หลังจากนั้นพราวพรายก็หันมาพิจารณาเขตต์มากขึ้นกว่าเก่า แม้ความสัมพันธ์ของเขตต์กับเธอจะคืบหน้าไปเรื่อยๆ แม้เธอจะดีใจเมื่อเขามาหา แต่ลึกๆลงไปในหัว ใจพราวพรายยังไม่สามารถลืมนิคได้ ความสุภาพอ่อนโยนของเขตต์ทำให้หญิงสาวต้องหวนกลับไปคิดถึงผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่เคยอนาทรห่วงใยให้ความอบอุ่นแก่เธอ ปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพนุ่มนวลในระยะหลังๆ เมื่อต่างก็ได้รู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น

เนื่องจากไม่ได้ข่าวคราวของเขามาเป็นเดือนๆแล้ว ทำให้พราวพรายคิดว่านิคอาจจะย้ายกลับไปอเมริกาแล้วก็ได้ บางครั้งขณะนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศและมีทหารในชุดพรางเปิดประตูเข้ามา ใจของพราวพรายก็วาบขึ้นด้วยความหวังว่าจะเป็นนิค แต่แล้วก็ไม่ใช่ กลายเป็นคนอื่นที่เธอไม่รู้จัก




 




Create Date : 07 มิถุนายน 2564
Last Update : 7 มิถุนายน 2564 21:20:31 น.
Counter : 868 Pageviews.

6 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณ**mp5**

  
ส่งกำลังใจไว้ก่อนครับ พี่ตุ้ย
เดี๋ยวมาใหม่

โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 7 มิถุนายน 2564 เวลา:23:47:45 น.
  
เดาว่าพระเอกต้องบาดเจ็บแน่ๆ ค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 8 มิถุนายน 2564 เวลา:7:53:50 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 8 มิถุนายน 2564 เวลา:16:17:40 น.
  
มาอ่านจนจบครับ
นิคอกหัก คาดคะเนเดาแบบคุณหอมกรครับ พระเอกออกไปรบแบบคนอกหัก

รออ่านตอนต่อไปครับ มาไวๆนะครับ
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 9 มิถุนายน 2564 เวลา:23:56:31 น.
  
สวัสดีค่ะ
โดย: สมาชิกหมายเลข 6483305 วันที่: 14 มิถุนายน 2564 เวลา:11:48:37 น.
  
ขอบคุณค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:8:38:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มิถุนายน 2564

 
 
1
2
3
4
5
6
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
7 มิถุนายน 2564
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com