คนละฟากฟ้า - บทที่ 33

กลับจากใส่บาตรพระสงฆ์ 300 รูปพราวพรายและสมพรก็แวะตลาดเช้าซื้อของสดของแห้งติดมือมาหลายอย่าง เมื่อรถถึงบ้านพราวพรายช่วยสมพรขนของที่ซื้อมาเข้าไปในครัว ช่วยกันทำอาหารเช้าง่ายๆ หลังจากนั้นหญิงสาวก็เข้าห้องปิดประตูลงกลอน เก็บตัวเงียบอยู่ในห้อง นิคซึ่งนั่งคุยอยู่กับดิ๊กที่หน้าบ้านเห็นสีหน้าเฉยเมยของพราวพราย ซึ่งไม่เหลือบแลมามองเขาเลย ก็รู้สึกกังวล คิดว่าเธอคงยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อคืน ขยับตัวอยากจะตามไปถามไถ่แต่ก็ไม่กล้า รู้ว่าเพื่อนคอยจับตาสังเกตเขาอยู่เพื่อเตรียมล้อ 

ดิ๊กใช้ข้อศอกกระทุ้งสีข้างอีกฝ่าย “เฮ้ย! ทำไมไม่ตามไปง้อเขาหน่อยล่ะ หน้าบูดมาเลย ไปเถอะน่า ไม่ต้องเขินหรอก”
“ไอ้บ้า ไม่ต้องเสือกมาแนะนำอีกแล้ว มึงอยากจะไปหาเมียมึงก็ไปเถอะ ไม่ต้องมายุ่งกับกู”
“เออ..กูไปดูเมียกูหน่อยดีกว่า” ดิ๊กรู้ว่าเพื่อนเขิน ไม่กล้าตามหญิงสาวคนนั้นไปหรอก ถ้าเขายังนั่งอยู่ตรงนั้น

นิคเห็นดิ๊กขึ้นบันไดไปชั้นบนเพื่อไปหาสมพรแล้ว ก็นั่งสูบบุหรี่อยู่อีกครู่หนึ่งจึงเดินไปหน้าห้องที่รู้ว่าพราวพรายอยู่ข้างใน แต่เมื่อลองผลักประตูแล้วรู้ว่าติดกลอน ก็รีรออยู่เดี๋ยวหนึ่งก่อนจะเคาะเรียก

“คุณ..คุณ เปิดประตูหน่อย”

หญิงสาวซึ่งคอยทีอยู่แล้วเปิดประตูให้โดยดี ทันทีที่ร่างของนิคผ่านพ้นประตูเข้าไปพราวพรายก็ปิดประตูตามหลัง ตามด้วยการกระชากแขนเขาให้นั่งลงบนพื้นห้อง ใกล้กับที่นอนที่เธอเดินกลับไปนั่ง

เห็นหน้าบึ้งตึงคิ้วขมวดมุ่นของพราวพราย นิคก็ถามว่า“เป็นอะไรไปอีกล่ะ? หน้าตาบอกบุญไม่รับเลย"

ราวกับนิคโยนก้านไม้ขีดติดไฟลงไปในถังน้ำมัน พราวพรายแผดเสียงขึ้นมาทันทีแม้จะไม่ดังนัก เพราะกลัวคนข้างนอกจะได้ยิน

“ใช่สิ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยอยู่แล้วนี่ คุณกับเพื่อนคุณน่ะ”

“อะไรอีกล่ะ? ผมกับเจ้าดิ๊กไปทำอะไรให้คุณ มันกับเมียมันก็ต้อนรับขับสู้คุณดีไม่ใช่หรือ?”

พอเห็นสีหน้าที่เหมือนไม่รู้ไม่ชี้ของเขา หญิงสาวก็โมโหจนลืมตัว โถมตัวเข้าใส่เขาเต็มที่จนนิคผงะไปข้างหลัง พราวพรายรัวกำปั้นลงไปบนอกของเขาจนนับครั้งไม่ถ้วน นิคต้องป้องกันตัวเองด้วยการถือโอกาสคว้าตัวเธอไปกอดไว้แน่น จนเธอทำอะไรเขาไม่ได้

“ปล่อยฉันนะ เก่งจริงก็ปล่อยสิ” พราวพรายแผดเสียงอยู่ข้างหูเขา
“สัญญาก่อนสิว่าจะไม่ทุบผมอีก เจ็บนะ มือหนักยังกะอะไร”
ทันทีที่นิคปล่อยตัวเธอ พราวพรายก็คาดคั้นถามไม่ให้เขาทันตั้งตัวได้
“คุณไปเล่าอะไรเกี่ยวกับฉันให้สองคนนั่นฟัง?”
“เล่าอะไร?”
“ก็...ทำนองว่าฉันเป็นอะไรกับคุณน่ะสิ”

“ผมไม่เคยพูดอะไรแบบนั้น คุณก็ได้ยินที่ผมแนะนำกับเจ้าดิ๊กและเมียมันว่าคุณเป็นเพื่อนผม แล้วไหงมาตั้งข้อหาผมอีกล่ะ” นิคปฎิเสธทันที

“ใช่ ฉันได้ยิน แต่ลับหลังฉันล่ะคุณไปบอกเขาว่ายังไง นั่งคุยกันอยู่ตั้งนานสองนานไม่ใช่หรือ? ไม่งั้นเมียเขาจะพูดแบบนั้นได้ไงล่ะ”

นิคมืดแปดด้าน “สมพรพูดอะไรกับคุณ?”
“ก็..ก็พูดคล้ายๆกับว่าฉันกับคุณเป็นแฟนกัน”
“คล้ายๆ?” อีกฝ่ายยังไม่เข้าใจ “ไอ้ที่ว่าคล้ายๆน่ะแปลว่าเขาไม่ได้พูดตรงๆ แต่คุณตีความเอาเองใช่ไหมล่ะ”
“นี่แน่ะ!”

ขาดคำของเขาพราวพรายก็ใช้เล็บแหลมๆของเธอ ตะกุยเข้าไปที่ซอกคอของนิคทันที โดยเจตนาละเว้นไม่ข่วนตรงใบหน้า เพราะกลัวว่าดิ๊กกับสมพรจะเห็นหลักฐานและคงเดาได้ไม่ยากว่าเป็นฝีมือเธอ ซึ่งจะทำให้เธอเข้าเนื้อมากขึ้นไปอีก

“แก้ตัวดีนัก แล้วยังมาหาว่าฉันตีขลุมเอาเองอีก”
“โอ๊ย เจ็บนะ!” ชายหนุ่มยกมือขึ้นแตะตรงซอกคอซึ่งเจ็บแปลบแล้วกระโดดลุกขึ้นยืน “ไม่พูดด้วยแล้ว ผมไปดีกว่า”
“อย่าหนีนะ ถ้าคุณออกไปจากห้องนี้โดยที่ฉันยังไม่อนุญาต ฉันจะเก็บของไปสนามบินทันที แล้วคุณกับฉันก็ไม่ต้องมาพบหน้ากันอีก”

คำขู่ของพราวพรายได้ผล นิคจำใจต้องนั่งลงตามเดิมทั้งๆที่คิ้วขมวดมุ่นอย่างเริ่มโมโหขึ้นมาบ้างแล้ว ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ อยู่ๆก็มาตั้งข้อหาโดยไม่เป็นธรรม แล้วยังทำตัวเป็นเผด็จการ ไม่ยอมให้ผู้ถูกกล่าวหาได้ชี้แจงข้อเท็จจริงอีกต่างหาก

“เขาพูดเรื่องพ่อคุณด้วย” หญิงสาวตั้งข้อหาต่อ
“เรื่องพ่อผม? สมพรพูดอะไรให้คุณฟัง” ชายหนุ่มทำท่าสงสัย
“ก็ถามว่าฉันเคยพบพ่อคุณไหมน่ะสิ”
“แค่นั้นน่ะหรือ? แล้วไง ทำไมต้องโมโห ไม่เห็นมีอะไรนี่” เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมเธอต้องโกรธ
“นี่แน่ะ!! ไม่มีอะไร”

คราวนี้พราวพรายกระชากแขนเสื้อเชิร์ตแขนสั้นที่นิคสวมอยู่ ให้สูงขึ้นไปเกือบถึงต้นแขน จิกเล็บของเธอลงไปบนเนื้อเขาเต็มแรง แล้วลากให้ยาวลงมา จนเกิดรอยข่วนเป็นแนวยาวสองสามรอยติดกัน มีเลือดไหลซิบๆออกมาทันที ที่ต้องเลิกแขนเสื้อเขาขึ้นสูงก็เพราะจะได้ไม่มีใครเห็นรอยข่วนนั้น ถ้าเขาไม่สวมเสื้อกล้ามที่เปลือยไหล่และแขน

“โอ๊ย!! เป็นแมวหรือไง ข่วนได้ข่วนเอา” นิคโอดโอยเสียงดังจนหญิงสาวตกใจ กลัวดิ๊กกับสมพรจะได้ยิน
“ดีเท่าไหร่แล้วที่ไม่ข่วนที่หน้า ไม่ต้องร้องยังกะหมูถูกเชือดคอหรอก”
“เอ๊ะ! ไม่ร้องได้ไง ก็มันเจ็บนี่นา แล้วนี่พูดจบหรือยังล่ะ ผมจะได้ออกไปซะที ขืนอยู่นานกว่านี้สงสัยคงตายแน่”
พราวพรายตะเบ็งเสียงตอบว่า “ยังไม่จบ!!”

“เอ้า..มีอะไรจะพูดก็รีบๆพูดซะ เดี๋ยวสมพรก็คงมาตามไปกินข้าว โอย..คนอะไรก็ไม่รู้ปากว่ามือถึง ไม่เกรงใจกันบ้างเลย” เขาบ่นยืดยาว นึกสงสารตัวเองว่าไม่น่ารู้จักกับเธอเลย ถูกเธอประทุษร้ายร่างกายโดยมีข้อแม้ว่าห้ามสู้แบบนี้

“เรื่องเมื่อคืนนี้คุณทำให้ฉันขายหน้ามากรู้ไหม” นั่นคือข้อหาต่อไปของพราวพราย “ไม่ต้องมาแกล้งทำงง จำได้มั้ยว่าเมื่อคืนนี้คุณทำบ้าอะไร”

“ไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย ก็แค่เป็นห่วงว่าคุณนอนห่มผ้าหรือเปล่า ห้องนั้นตอนดึกหนาวมาก กลัวว่าจะหลับไปโดยไม่ห่มผ้า ตื่นมาก็จะไม่สบาย นั่นน่ะหรือทำบ้าๆอย่างที่คุณว่า” นิคยื่นหน้าเข้าไปอธิบายจนหน้าเขากับหน้าเธอเกือบชนกัน

“พูดเอาแต่ดีใส่ตัว แล้วจริงๆคุณห่มผ้าให้ฉันหรือเปล่าล่ะ ก็เปล่าเลย อยู่ๆก็ลงนอนหน้าตาเฉย ไล่ก็ไม่ยอมไป จนฉันต้องออกไปนอนข้างนอกโน่นแทนคุณ”

“อ้าว..ทำไมต้องออกไปนอนข้างนอก ที่นอนก็ออกกว้าง นอนสองคนได้สบายๆ” ชายหนุ่มทำหน้ายิ้มกริ่ม

ฟังคำพูดเหมือนยั่วของนิค พราวพรายต้องพยายามสะกดใจไม่ให้เต้นไปตามคำยั่วของเขา คิดในใจว่าเต้นไปก็เหนื่อยเปล่า เขาไม่เห็นอนาทรร้อนใจเลยสักนิด ตอนนี้ยังทำหน้ายิ้มกริ่มเหมือนสนุกเสียอีก

หญิงสาวถอนใจยืดยาว “เฮ้อ..พูดกับคุณแล้วเหนื่อยใจ ขี้เกียจพูดแล้ว จะไปไหนก็ไปเถอะ”

นิครีบลุกขึ้นยืนโดยเร็วก่อนที่เธอจะเปลี่ยนใจ แต่ก่อนจะออกจากห้องก็ยังไม่วายหันมายั่วพราวพรายต่อ “คืนนี้ผมอาจจะมาขออาศัยนอนอีกสักคืน นอนบนเก้าอี้นั่นคงปวดหลังน่าดู”

“ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันจะไปสนามบินแต่เช้าเลย ส่วนคุณก็เชิญครอบครองห้องนี้ให้สบาย”
เมื่อเห็นเขายังยืนเกาะประตูเฉยอยู่ ไม่ออกไปเสียที พราวพรายก็ถามด้วยเสียงขุ่นๆว่า “ทำไมไม่ออกไปซะทีล่ะ? มายืนจ้องหน้าฉันอยู่ทำไม?”

นิคอมยิ้ม ยั่วเธออีกนิดทั้งที่รู้ว่าเธอต้องโกรธแน่ แต่ตอนนี้อยู่ตรงประตูแล้วไม่กลัวหรอกเพราะเผ่นง่ายหน่อย

“ผลเป็นไงบ้างล่ะ? ไอ้การประชันความงามกับเมียเจ้าดิ๊กน่ะ ใครชนะ คุณขี้โกงนี่ สมพรเขาไม่ได้แต่งหน้าแต่งตาเลย ผิดกับคุณที่โปะซะเต็มที่ คุณก็ต้องสวยกว่าเขาสิ แน่จริงก็อย่าแต่งหน้า เอาหน้าเปลือยๆด้วยกันทั้งสองคนเลย แล้วผมกับเจ้าดิ๊กจะเป็นกรรมการตัดสินให้ ตกลงไหม?”

พอขาดคำของเขาพราวพรายก็เขวี้ยงแปรงผมอันเล็กๆ ที่เพิ่งหยิบออกมาเพื่อจะแปรงผมเข้าใส่เขา นิคเบี่ยงตัวหลบ ทำให้แปรงเจ้ากรรมอันนั้นปะทะเข้ากับบานประตูแทน พร้อมๆกับที่คู่กรณีของเธอเผ่นออกจากประตูห้องไปโดยเร็ว

ดิ๊กซึ่งนั่งอยู่กับสมพรมองหน้านิคที่เดินเข้ามาสมทบอย่างขันๆ เห็นสีหน้าเซ็งๆของเพื่อนก็เข้าใจสถานการณ์ในห้อง ที่รู้ว่านิคแอบเข้าไปตอนที่เขาขึ้นไปข้างบน

“ไงวะ เดินหน้าตูบออกมาเลย สงสัยจะโดนหลายตุ้บ” ดิ๊กยั่วอย่างนึกสนุก

ส่วนภรรยาของเขาอมยิ้ม “สงสารนิคจัง คุณพราวท่าทางดุไม่ใช่เล่น”

ชายหนุ่มที่ถูกรุมวิจารณ์ทำหน้าบอกบุญไม่รับ เสเดินไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ

“ความจริงมึงกับเขาก็สมกันดีนะ แต่ถ้าแต่งงานกันจริงๆ สงสัยมึงต้องอยู่ในกำมือเขาแน่เลยว่ะ” ดิ๊กยั่วต่อ

นิคทำตาเขียวให้เพื่อน “เหมือนมึงหรือไง เลิกพูดถึงเขาเสียที แล้วนี่จะกินอาหารเช้ากันได้หรือยัง กินเสร็จจะได้พาเขาไปชมเมืองเสียหน่อย เดี๋ยวจะหาว่าพามานั่งอยู่แต่ในบ้าน”

ระหว่างนั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกันสี่คน พราวพรายปรับเปลี่ยนสีหน้าได้เป็นปกติ พูดคุยกับดิ๊กและภรรยาของเขาอย่างเป็นกันเอง แต่จงใจที่จะไม่พูดกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็คงจะรู้อารมณ์เธอดีเลยก้มหน้าก้มตารับประทานอาหารเงียบๆ ไม่พูดไม่จากับใครเหมือนกัน

“เฮ้ย! นิค เดี๋ยวจะพาคุณพราวไปเที่ยวที่ไหนบ้างวะ?” ดิ๊กถามเมื่อเห็นเพื่อนนั่งเงียบ
“ก็หลายแห่ง” แล้วเขาก็ถือโอกาสหันไปถามพราวพราย “คุณอยากไปไหนบ้างล่ะ?”
“สนามบิน” หญิงสาวตอบด้วยเสียงเรียบๆ

นิคสะดุ้ง ส่วนสองสามีภรรยามองพราวพรายเป็นตาเดียวกัน
“คุณพราวจะไปสนามบินทำไมคะ?” สมพรสงสัย

“อยากผ่านไปดูน่ะค่ะ เผื่อคราวหน้าอยากมาเที่ยวอีกจะได้มาเครื่องบิน ไม่ต้องนั่งรถหลายชั่วโมง” พราวพรายยิ้มหวานให้สมพร

นิครีบตัดบทถามว่า “คุณอิ่มแล้วใช่ไหม? จะออกไปข้างนอกกันหรือยัง”

แต่พราวพรายก็ยังไม่ยอมพูดกับนิคอยู่ดี เธอหันไปถามดิ๊กและสมพรว่า “คุณสองคนไปด้วยใช่ไหมคะ”

สองสามีภรรยามองหน้ากัน ดิ๊กขยับจะปฏิเสธเพราะคิดจะเปิดโอกาสให้เพื่อนกับพราวพรายไปกันตามลำพัง แต่นิคซึ่งรู้ว่าพราวพรายยังโกรธเขาอยู่และคงไม่อยากไปกับเขาเพียงสองคน รีบขยิบหูขยิบตาให้เพื่อน

“ไปด้วยกันหมดเลยดีกว่า กูรู้จักที่เที่ยวไม่กี่แห่ง สมพรเองก็จะได้ไปเป็นเพื่อนคุยกับคุณพราว”

รถคันที่ดิ๊กขับโดยมีนิคนั่งคู่ ผู้หญิงสองคนนั่งข้างหลัง ตระเวนไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในหลวงพระบาง เช่นวังเจ้ามหาชีวิตซึ่งตอนนี้ถูกจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ แสดงถึงการใช้ชีวิตของเจ้าของวังในวังแห่งนี้ ต่อจากนั้นก็ไปแวะวัดเชียงทองและศาสนสถานอีกหลายแห่ง ในที่สุดก็ไปจบลงที่ตลาดนัดขายสินค้าพื้นเมืองราคาถูก

ดิ๊กมองนิคที่สูบบุหรี่ติดต่อกันสองสามมวนอย่างขันๆ เพราะรู้ว่าเพื่อนกำลังเครียดที่หญิงสาวคนนั้นไม่ยอมพูดด้วย แม้แต่หน้าก็ไม่มอง ทั้งสองนั่งกินกาแฟอยู่ในร้านเล็กๆแห่งหนึ่ง รอผู้หญิงสองคนซึ่งกำลังเดินชมและเลือกซื้อสินค้าพื้นเมืองกันอยู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับเข้ามาที่โต๊ะง่ายๆ

ดิ๊กคว้าบุหรี่มาจุดสูบบ้าง ถามด้วยเสียงกลั้วหัวเราะว่า “เป็นไงวะ ไอ้นิค วันนี้ท่าทางจ๋องๆชอบกล ไม่ทำกร่างเหมือนเก่าเลยนี่หว่า สงสัยจะเจอมือปราบตัวจริงเข้าให้แล้ว”

“หุบปากไปเลย พูดออกมาแต่ละคำหมาไม่แดก” ชายหนุ่มโต้ เพราะกำลังอารมณ์ไม่ดีกับท่าทางหมางเมินของพราวพราย ที่เขาเห็นว่าไม่น่าจะต้องโกรธอะไรมากมาย ไหนๆก็ยอมให้ข่วนตั้งหลายทีแล้ว ทั้งๆที่ตามวัฒนธรรมของประเทศเขา การทำร้ายร่างกายผู้อ่ื่นแม้เพียงเล็กๆน้อยๆ เป็นเรื่องที่ไม่มีใครยอมรับได้

อีกฝ่ายยังหัวเราะชอบใจอยู่ แต่แล้วเสียงหัวเราะนั่นก็ขาดหายไป เมื่อตาอันไวของเขามองเห็นอะไรอย่างหนึ่งตรงซอกคอของเพื่อน

“เฮ้ย! ตรงซอกคอมึงนั่นอะไรวะ?”
ดิ๊กชะโงกหน้าเข้าไปสำรวจอย่างใกล้ชิด ขณะที่นิคสะดุ้งแล้วพยายามหันหน้าหนี

“ไม่มีอะไรโว๊ย”

“โธ่ ! ไอ้กร๊วก รอยข่วนชัดๆ” แล้วเขาก็แหงนหน้าขึ้นหัวเราะชอบใจ “ไม่ต้องมาทำอายหรอกวะ สงสัยจะโดนเมื่อเช้าล่ะสิ ตอนที่แอบตามเขาเข้าไปในห้องน่ะ ไปทำอีท่าไหนเข้าล่ะถึงโดนข่วน หรือไปปล้ำเขา”

“เปล่า แค่พูดไม่เข้าหูหน่อยเดียวเท่านั้นแหละ แม่ก็ข่วนแคว่กเข้าให้” ชายหนุ่มพยายามกลบเกลื่อน

“ดุขนาดนั้นเลยหรือวะ ดุๆยังงี้ต้องปราบให้อยู่หมัด เอาอย่างกูสิ ทนเจ็บเอาหน่อย ปากว่ามือถึงเดี๋ยวก็ได้เรื่อง” นายดิ๊กแนะนำอย่างคะนองปาก

นิคทำตาเขียว “พูดบ้าๆ เขาได้เอากูตายสิ ”
“ถ้าชอบเขาก็เล่นไม้นวมสิวะ”
อีกฝ่ายมองหน้าดิ๊กอย่างสงสัย “หมายความว่าไง”

นายดิ๊กยักคิ้วแผลบ “ชวนเขาทดลองอยู่ด้วยกันสักพักสิวะ ถ้าอยู่กันได้ไม่มีปัญหาค่อยคิดเรื่องแต่งงาน”

“มึงคิดว่าเขาจะตกลงด้วยง่ายๆหรือวะ เขาเป็นคนไทยนะเว้ย คนไทยเขาถือเรื่องแบบนี้”

“ไม่ใช่แต่คนไทยหรอกวะ คนลาวก็ถือ ความจริงผู้หญิงเอเซียส่วนใหญ่ก็ถือทั้งนั้นแหละ ในขณะที่พวกเราเห็นเป็นเรื่องธรรมดา แต่แฟนมึงก็ท่าทางเป็นสาวสมัยใหม่นี่หว่า ไม่น่าจะถืออะไรมากมาย”

“อย่าพูดดีกว่าวะ วัฒนธรรมทางนี้แตกต่างกับวัฒนธรรมของเรา เขาเองก็ไม่ได้ชอบกูถึงขั้นอยากจะมาอยู่ด้วยหรอก แล้วอีกอย่าง..กูกับเขาก็ไม่เคยมีอะไรกัน”

ประโยคสุดท้ายของนิคแม้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก แต่ก็จำเป็นต้องพูดออกไปเพื่อปกป้องพราวพราย ที่สังคมและวัฒนธรรมของเธอแตกต่างจากของเขาและนายดิ๊ก

ดิ๊กยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พูดจริงจังเป็นครั้งแรกว่า “กูจะบอกอะไรมึงอย่างนะ นิค กูน่ะไม่เคยคิดจะแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติเลย ตอนที่เจอสมพรใหม่ๆก็ไม่คิดจะจริงจังหรอก บอกตามตรงว่ากลัวมีปัญหาเรื่องความแตกต่างหลายๆด้าน แต่พอได้อยู่ด้วยกันแล้วกลับมีความสุข ผู้หญิงเอเซียส่วนใหญ่น่ารัก เป็นเมียที่ดี อ่อนหวานเอาอกเอาใจ ไม่ทำตัวเป็นแม่ ปรนนิบัติก็เก่ง กินเหล้ามากก็ไม่ว่า บางทียังซื้อมาให้เองเสียอีก จะกลับดึกกลับดื่นไปเมาหัวราน้ำกับเพื่อนฝูงก็ไม่เคยบ่น อย่างเก่งก็ทำหน้าตึงๆเท่านั้น ไอ้สีหน้าแบบนี้สิที่ทำให้เราต้องเกรงใจไปเอง จะมีปัญหาอยู่บ้างก็เรื่องครอบครัวของเขา แรกๆกูก็เซ็งนะที่พ่อแม่พี่น้องเขาชอบมาวุ่นวาย แต่หลังๆนี่สบายแล้ว เพราะถึงจะวุ่นวายบ้างแต่มันก็อบอุ่นดี กูจะไปแยกเขาออกจากครอบครัวเขาได้ไง จริงไหม? มึงก็รู้นี่ว่าระบบครอบครัวของคนเอเซียเป็นยังไง “

“ทางบ้านมึงล่ะไม่มีปัญหาหรือ?”

“ไอ้ค้านไม่เห็นด้วยน่ะไม่มี มึงก็รู้ว่าบ้านเราพ่อแม่ไม่มาก้าวก่ายเรื่องพวกนี้ เราจะรักใครแต่งกับใครก็เรื่องของเรา แต่แรกๆก็คงไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ที่กูแต่งงานกับผู้หญิงต่างชาติ แต่พอเจอสมพรพ่อแม่กูก็เปลี่ยนใจ โดยเฉพาะแม่กู ชอบสมพรมาก เขาเอาอกเอาใจยอมลงให้แม่ทุกอย่าง เดี๋ยวนี้เลยกลายเป็นลูกสะใภ้คนโปรดไปเลย”

นิคหัวเราะเยาะเพื่อนบ้าง “หลงเมียฉิบหายเลยนะมึง สมพรยังโง้น สมพรยังงี้ หนอย.ทำเป็นคุยยังกะว่าเมียอยู่ในโอวาท กูว่ามึงน่ะแหละที่เป็นหมูในอวยของเขา ”

นายดิ๊กทำหน้าขึงขัง “ไอ้เวร มึงยังไม่ได้แต่งงาน อย่ามาทำอวดรู้เรื่องผัวๆเมียๆหน่อยเลยวะ มึงน่ะ ถ้าแต่งกับยายคุณพราวคนนี้ คงทั้งหลงทั้งกลัวเขาน่าดู”

“เลิกพูดถึงเขาเสียทีเถอะวะ เขาไม่เล่นกับกูหรอก”

“อ้าว..งั้นทำไมมึงไม่ลองหาเมียญวนสักคนล่ะวะ สาวๆที่โน่นก็มีสวยๆเซ็กซี่เยอะแยะนี่หว่า” แล้วพอนึกขึ้นได้ก็พูดต่อว่า “ยายเหงียนไงวะ เขาชอบมึงไม่ใช่หรือ มองเอ็งแต่ละทีตาหวานเยิ้ม สวยด้วยเอาใจเก่งด้วย จะเอายังไงอีก”

ไม่ทันที่นิคจะต่อปากต่อคำด้วย สมพรกับพราวพรายก็เดินตามกันเข้า มาในร้าน หอบของกันมาเต็มสองมือ ชายหนุ่มทั้งสองรีบลุกขึ้นช่วยรับของ สมพรส่งของในมือให้สามีแล้วยิ้มหวานให้เขาเป็นเชิงขอบคุณ ในขณะที่นิคต้องเก้อไปเลย เมื่อพราวพรายแกล้งทำเป็นไม่เห็นมือของเขาที่ยื่นเข้ามา เธอวางของในมือลงบนโต๊ะที่ดิ๊กเอาของในมือภรรยาวางไว้แล้ว

“คุณพราวซื้ออะไรมาเยอะแยะ” ดิ๊กถาม

“ของฉันมีสองสามถุงเท่านั้นแหละค่ะ นอกนั้นของคุณสมพร”

พราวพรายซื้อผ้าไหมของลาวไปฝากอมราและสุนิสาคนละผืน กระเป๋าสะพายผ้าทอมือใบใหญ่ลวดลายเก๋อีกคนละใบ สำหรับของที่ซื้อฝากอมรานั้น หญิงสาวตั้งใจว่าจะเอาไปฝากไว้ที่มารดาของอมรา

คืนนั้นเมื่อกลับถึงบ้านของดิ๊กกับสมพร หลังเสร็จอาหารมื้อเย็นที่ร้านอาหารฝรั่งเศสเก่าแก่ริมแม่น้ำโขง นิคกับดิ๊กก็นั่งดื่มกันต่อตรงที่เดิม เมื่อถึงเวลานอนชายหนุ่มผู้นั้นก็ยอมเข้านอนที่เก้าอี้ยาวที่สมพรจัดไว้ให้โดยดี ไม่กล้าเยี่ยมกรายเข้าไปวุ่นวายกับพราวพรายอีกเลย

วันรุ่งขึ้นคนทั้งสี่ออกจากบ้านตอนสาย เที่ยวชมสถานที่ๆน่าสนใจอีกหลายแห่งในหลวงพระบาง แวะรับประทานอาหารเย็นที่ห้องอาหารแห่งหนึ่งแล้วกลับเข้าบ้านในตอนหัวค่ำ สองหนุ่มนั่งดื่มกันต่อเหมือนเดิม ส่วนพราวพรายเข้าห้องเก็บเสื้อผ้าเครื่องใช้ และสิ่งของที่ซื้อมาลงกระเป๋าเดินทางใบย่อมของเธอ เพราะเธอและนิคจะออกจากหลวงพระบางเพื่อกลับเวียงจันทน์ในเช้าวั นรุ่งขึ้น ระหว่างนั้นสมพรก็เข้ามานั่งคุยด้วย

“คุณพราวน่าจะอยู่ต่ออีกสักวันสองวัน จะได้พาไปเที่ยวอีกหลายแห่ง ทำไมรีบกลับล่ะคะ เห็นนิคบอกว่าคุณพราวจะกลับไปก่อน แต่เขาต้องอยู่เวียงจันทน์อีกสองวัน”

“ค่ะ เขาคงมีงานที่เวียงจันทน์ แต่ฉันหมดวันลาแล้วค่ะ ต้องรีบกลับไปทำงานที่อุบลฯ” พราวพรายโอภาปราศัยด้วยดี เธอรู้สึกชอบสมพรที่เป็นคนพูดอะไรซื่อๆ ท่าทางจริงใจ

“มีโอกาสก็มาเที่ยวใหม่นะคะ ที่นี่ยินดีต้อนรับคุณพราวทุกเมื่อ นิคมาที่นี่สองสามเดือนครั้ง ถ้าคุณพราวอยากมาก็มากับเขาได้เลยนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ แต่งานของฉันค่อนข้างยุ่งน่ะค่ะ นานๆจะลาได้ซักที ส่วนใหญ่ถ้ามีวันหยุดหลายวันก็มักจะกลับบ้านที่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยได้ไปที่อื่นหรอกค่ะ”

สมพรนิ่งไปอึดใจหนึ่งก็พูดเหมือนไม่ตั้งใจว่า “สงสารนิค โดนดิ๊กอำเรื่องสาวๆอยู่เรื่อย นิครู้จักผู้หญิงคนไหนดิ๊กก็เหมาให้เป็นแฟนเขาหมด หลายคนเลยนึกว่าเขาเจ้าชู้ เมื่อกี้ก็อำเรื่องสาวญวณแถวหน้าค่ายที่โน่น ดิ๊กบอกว่าสวย หนุ่มๆแย่งจีบกันเพียบ”

พราวพรายเหลือบมองสมพร ชักสงสัยว่าเธอมีจุดประสงค์อะไรที่กล่าวถึงชายหนุ่มผู้นั้น แต่เธอก็ไม่ถาม จัดของต่อไปเรื่อยๆ

ภรรยาของดี๊กเห็นท่าทางไม่รู้ไม่ชี้ของอีกฝ่าย ก็ถามยิ้มๆทีเล่นทีจริงว่า “คุณพราวว่านิคเจ้าชู้ไหมคะ?”

หญิงสาวตกใจ เธอไม่รู้หรอกว่านิคเจ้าชู้หรือเปล่า เพราะความจริงเธอกับเขาก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดและรู้จักตัวตนกันมากขึ้น ก็ตอนที่มาเที่ยวด้วยกันครั้งนี้เท่านั้น ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็ราวกับคู่อริกันกลาย ๆ

“ฉันไม่ทราบหรอกค่ะ แต่เท่าที่รู้ ผู้ชายเจ้าชู้ด้วยกันทุกคนไม่ใช่หรือคะ?” พราวพรายตอบเลี่ยงๆ รู้ว่าสมพรกำลังสนใจใคร่รู้ว่าเธอกับนิคคบหากันฉันใด

หลังจากนั้นเธอก็ตัดบทขอตัวไปอาบน้ำ โดยมีสมพรเดินตามไปส่งถึงหน้าห้องน้ำแล้วแยกตัวขึ้นข้างบนไป ส่วนดิ๊กกับนิคยังนั่งดื่มกันต่อจนใกล้จะเมาหรือเมาไปแล้วนั่นแ หละ จึงจะแยกย้ายกันไปนอน แต่คืนนี้วงเหล้าคงเลิกเร็ว เพราะพรุ่งนี้นิคจะต้องขับรถหลายร้อยกิโลเมตรเข้าเวียงจันทน์



 




Create Date : 09 มกราคม 2564
Last Update : 9 มกราคม 2564 9:33:49 น.
Counter : 853 Pageviews.

12 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณmariabamboo, คุณSweet_pills, คุณtuk-tuk@korat, คุณzungzaa, คุณบาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน, คุณSai Eeuu, คุณ**mp5**

  
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่า

รีบตามมาอย่างไว ... ขออ่านก่อนนะคะ
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 9 มกราคม 2564 เวลา:10:11:07 น.
  
สงสารนิคจัง นางเอกดุยังกับอะไรดี 555
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 9 มกราคม 2564 เวลา:10:29:21 น.
  
ขอบคุณที่นำมาฝากกันอีกนะคะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:14:36:40 น.
  
นางเอกดูแหละดี
เข้ายุคสมัยนะคะ

โดย: คนผ่านทางมาเจอ วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:16:42:49 น.
  
รีบเข้ามารับพร
และขอบคุณนะคะ
ไว้จะทะยอยอ่านๆ นะคะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:21:36:01 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 10 มกราคม 2564 เวลา:22:12:33 น.
  
สวัสดีปีใหม่ค่ะ ใว้ตามมาขออ่านตอนต้นๆนะคะ
โดย: zungzaa วันที่: 12 มกราคม 2564 เวลา:15:06:17 น.
  
พระเอกโดนไปหลายดอกเลยนะคะ
โดย: บาบิบูเบะ...แปลงกายเป็นบูริน วันที่: 13 มกราคม 2564 เวลา:13:07:23 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 15 มกราคม 2564 เวลา:9:31:50 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจค่ะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 15 มกราคม 2564 เวลา:16:33:22 น.
  
แวะมาชวนไปเที่ยวสวิตเมืองไทยกันค่ะ
โดย: zungzaa วันที่: 15 มกราคม 2564 เวลา:18:57:55 น.
  
มาอ่านต่อครับ นิคโดนเล็บมือนางไปหลาย
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 21 มกราคม 2564 เวลา:10:56:37 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มกราคม 2564

 
 
 
 
 
1
2
4
5
6
7
8
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com