คนละฟากฟ้า - บทที่ 84
                             วันนี้อัพสองบทนะคะ 83 และ 84


หลังจากโอ้เอ้กันอยู่ที่สวนสนุกแห่งนั้นจนถึงบ่ายโมงครึ่ง เพราะนิกกี้โยเยไม่ยอมเลิกเล่นง่ายๆ ในที่สุดนิคก็เกลี้ยกล่อมจนเด็กชายยอมขี่หลังไปขึ้นรถ เพื่อไปปิกนิคกันที่สวนสาธารณะที่อยู่ไกลออกไป บ่ายวันนั้นอากาศไม่หนาวมากนัก มีแดดอ่อนๆที่ช่วยให้อุ่นสบายพอควร คนทั้งสามเดินตามกันไปบนทางเดินเล็กๆ ระหว่างต้นไม้ดอกไม้หลากสี และสนามหญ้าเขียวขจีที่มีต้นไม้ใหญ่เช่นต้นบีช โอ๊ค มะฮอกกานี ฯลฯ ปลูกอยู่เป็นระยะห่างๆกัน ให้ผู้ที่มาปิกนิคได้อาศัยกิ่งใบหนาทึบของมันเป็นที่หลบแดดหลบฝน

พราวพรายเลือกได้ที่แห่งหนึ่งใต้ต้นไม้ใหญ่ที่เธอไม่รู้จักชื่อ นิคปูเสื่อที่ถือมาลงบนพื้นหญ้า เอาหมอนกองรวมกันไว้ตรงมุมเสื่อด้านหนึ่ง ส่วนพราวพรายก็รื้ออาหารในตะกร้าออกมาวางเรียงรายบนเสื่อ อาหารกลางวันที่เธอเตรียมมาวันนี้มีข้าวผัดกุ้ง แกงจืด แซนด์วิชใส้ต่างๆ บราวนี่ซึ่งเป็นของโปรดของนิกกี้ คัสตาร์ด ผลไม้สด รวมทั้งกาแฟสำหรับเธอและนิค นมสดสำหรับนิกกี้

ผู้ใหญ่สองและเด็กหนึ่งนั่งรับประทานอาหารมื้อนั้นด้วยกันอย่างมีความสุข นิกกี้ซึ่งหลังจากเล่นสนุกหลายชั่วโมงที่สวนสนุกคงจะหิวจัด เขารับประทานทั้งข้าวผัดกุ้ง แซนด์วิชและบราวนี่ชิ้นเล็กๆหลายชิ้น แล้วจบอาหารกลางวันด้วยนมสดหนึ่งกล่อง หลังจากนั้นก็ทำตาปรือหาวหวอดๆ เพราะปกติเขาเคยนอนกลางวันหลังอาหาร พราวพรายเก็บอาหารเข้าตระกร้า เหลือไว้เพียงกระติกกาแฟและผลไม้ ที่ปอกเปลือกและผ่าออกเป็นชิ้นๆแล้ว หยิบหมอนเล้กๆมาวางให้นิกกี้ ซึ่งยอมนอนลงโดยดีเพราะคงทั้งเหนื่อยและง่วง แล้วใน่สุดเด็กชายก็หลับไปอย่างรวดเร็ว

นิคที่เดินออกไปสูบบุหรี่หลังอาหารไกลออกไป เดินกลับเข้ามาที่เสื่อ นั่งลงใกล้ๆพราวพรายซึ่งนั่งเหยียดขาอยู่ใกล้ๆนิกกี้

“สงสัยนิกกี้จะเหนื่อยมาก ซนเหลือเกินนี่ ริกกี้ไม่เห็นซนขนาดนี้เลย”
“ค่ะ ริกกี้เรียบร้อยกว่ามาก ว่าง่ายกว่าด้วย” พราวพรายเสริมยิ้มๆ

“นั่นสิ มองผาดๆเด็กสองคนนี่เหมือนกันมาก แต่ดูๆไปแล้วไม่ยักเหมือนกันเท่าไหร่” นิกว่า แล้วมองสำราจหน้าตาของพราวพราย “ดิ๊กมันบอกว่านิกกี้คล้ายผม มันว่าคิ้วกับปากยิ่งเหมือนมาก พราวล่ะ เห็นเหมือนเจ้าดิ๊กไหม”

หญิงสาวอ้ำอึ้ง สองจิตสองใจว่าจะบอกเขาเรื่องนิกกี้ตอนนี้เสียเลยดีไหมแต่นิคก็เปลี่ยนเรื่องเสียแล้ว “พราวจะทำงานอยู่ที่นี่ไปอีกนานแค่ไหน’

“ถึงสิ้นเดือนมกราคมเท่านั้นแหละค่ะ”
"แล้วนิกกี้ล่ะ จะอยู่กับพราวถึงตอนนั้นเลยหรือ"
หญิงสาวหัวเราะ "ไม่หรอกค่ะ อีกสองสามวันฉันก็จะต้องพาเขาไปส่งที่โน่น"
"ความจริงให้เขากลับไปกับผมก็ได้นะ รับรองว่าจะส่งถึงมือคุณเจิดเลย"
"คุณจะกลับเมื่อไหร่ล่ะคะ"
“ผมว่าจะกลับคืนพรุ่งนี้ จะได้ไปคุยกับจูดี้ให้จบเรื่องไป”

“นิคคะ คุณแน่ใจแล้วหรือว่าเราควรจะกลับมาอยู่ด้วยกันอีก เราจากกันนานถึงสี่ปีเชียวนะคะ อะไรๆมันก็คงไม่เหมือนเดิม” พราวพรายนั้นยังไม่มั่นใจสักเท่าไรเลยว่าทุกอย่างจะราบรื่น

นิคขมวดคิ้วมองเธอ “ทำไมถามผมแบบนั้น หรือว่าคุณยังไม่มั่นใจ”

“เอ้อ..เราควรจะคุยกันก่อนไหมคะถึงเรื่องเก่าๆ ตั้งแต่ที่คิดว่าคุณตายไปฉันมานั่งคิดถึงเรื่องเก่าๆแล้วก็รู้สึกว่า ฉันทำอะไรต่ออะไรแบบเอาแต่ใจตัวเองมาตลอด ไม่เคยคิดถึงจิตใจของคุณเลย นึกแล้วก็ได้แต่เสียใจ คุณคงต้องอดทนกับฉันมากทีเดียว ฉันไม่แน่ใจว่าถ้ากลับมาอยู่ด้วยกันใหม่ ฉันจะทำอะไรบ้าๆแบบเดิมอีกหรือเปล่า ฉันไม่อยากทำให้ชีวิตคุณวุ่นวายสับสนเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว เราควรจะคิดเรื่องนี้ให้มากๆก่อนจะตัดสินใจว่าจะทำอย่างไร”

“ผมก็บอกแล้วไงว่าบางเรื่องผมก็ผิดเอง ที่บ้าแต่งาน ไม่ค่อยได้คิดถึงความรู้สึกของคุณ ทั้งๆที่จริงผมก็รู้ว่าควรจะให้เวลากับคุณมากกว่านั้น คุณอายุน้อยกว่าผมมาก ความคิดความเข้าใจของเราอาจจะไปคนละทาง ทำให้เข้าใจผิดกันได้”

“นั่นสิคะ ถ้าเรากลับมาอยู่กันใหม่ จะแน่ได้ยังไงคะว่าจะไม่มีปัญหาแบบเดิมอีก ยอมรับว่าฉันเป็นคนว้าเหว่ ต้องการความรักความสนใจจากคนรอบข้างมากกว่าคนทั่วไป”

“ผมตั้งใจเอาไว้แล้วละว่าจะพยายามให้เวลากับคุณให้มากขึ้น อย่าห่วงเรื่องนี้เลย”

“คุณจะทำได้หรือคะ นิค ลักษณะงานของคุณเท่าที่ฉันเห็น ไม่ค่อยเป็นเวล่ำเวลา แล้วคุณก็ทำงานแบบไม่มีวันหยุดอีกด้วย”

นิคหัวเราะ ยื่นมือไปจับมือพราวพรายที่ทอดอยู่บนเสื่อ

“ที่คุณว่านั่นมันเป็นงานภาคสนามและอยู่ในภาวะกึ่งสงคราม แต่งานของผมตอนนี้ไม่ใช่แบบนั้น ส่วนใหญ่เป็นงานวางแผน ทำงานตามเวลาราชการ มีวันหยุดตามปกติ ยกเว้นสองสามเดือนอาจจะต้องเดินทางไปที่โน่นที่นี่บ้าง ไปฝึกภาคสนามบ้าง อะไรทำนองนี้แหละ รับรองว่าเราจะได้อยู่ด้วยกันจนคุณเบื่อหน้าผมเชียวละ”

“คุณพักอยู่ในค่ายทหารหรือคะ บ้านพักของคุณหมือนที่เวียตนามไหม”

“ดีกว่าที่เวียตนามมาก หลังก็ใหญ่กว่าสักสองสามเท่ามั้ง เฉพาะห้องนอนก็มีตั้งสองห้องแล้ว มีบริเวณบ้าน มีสนาม มีทุกอย่างพร้อมเหมือนบ้านของคนทั่วไปแหละ ไม่ลองถามนิกกี้ดูล่ะว่าบ้านเป็นยังไงบ้าง เขาไปค้างกับผมหลายครั้งแล้ว”

หญิงสาวทำตาค้อนๆให้เขา “พูดยังกับว่าเด็กสามขวบจะช่างสังเกตเหมือนผู้ใหญ่งั้นแหละ”

ชายหนุ่มหัวเราะชอบใจ มองเด็กชายที่ยังหลับสนิทอยู่อย่างเอ็นดู

“เห็นนิกกี้แล้วก็นึกอยากมีลูกของตัวเองมั่ง ถ้าได้ลูกผู้ชายหน้าตาน่ารัก ฉลาดเหมือนนิกกี้สักคน ผมคงดีใจตาย”

พราวพรายซึ่งคิดว่าควรจะบอกนิคเรื่องนิกกี้เสียในตอนนี้ได้แล้ว เพราะเขาบอกว่าอยากมีลูกแบบนิกกี้ นอกจากนี้ก็เพราะความเป็นแม่ที่ย่อมอยากให้พ่อของลูกรู้ความจริงว่าเขามีลูก แม้ใจหนึ่งจะไม่ต้องการให้เรื่องนิกกี้กลายเป็นข้อต่อรองให้เขาต้องหันมารับผิดชอบ ทั้งๆที่เรื่องของผู้หญิงอีกคนหนึ่งยังคาราคาซังอยู่ก็ตาม

พราวพรายถือโอกาสที่ลูกชายตัวน้อยยังหลับอยู่ รีบพูดกับเขาว่า “นิคคะ ฉันมีเรื่องบางอย่างจะบอก...”

แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบประโยค นิกกี้ก็ขยับตัวลืมตาตื่นขึ้นมา เด็กชายขยี้หูขยี้ตา เหลียวมองนิคกับพราวพราย ยิ้มหวานให้คนทั้งสองก่อนจะผลุดลุกขึ้นนั่ง

“มอมมี้แม่ นิกกี้หิวน้ำ”

หลังจากดื่มน้ำเสร็จเด็กชายก็หาเรื่องซนต่อไป เขาล้วงมือลงไปในถุงสีน้ำตาลใบค่อนข้างใหญ่ที่พราวพรายเอามาด้วย ได้ลูกฟุตบอลพลาสติกใบย่อมๆซึ่งเป็นของเล่นประจำตัว ก็ฉุดมือนิคให้ออกไปเล่นเตะฟุตบอลกับเขาบนพื้นหญ้าใกล้ๆ พราวพรายนั่งมองพ่อลูกที่เล่นเตะฟุตบอลด้วยกันอย่างสนุกสนาน แฟรงค์พี่เขยของเธอนั้น ไม่ค่อยได้เล่นอะไรแบบนี้กับริกกี้และนิกกี้นัก เพราะงานในหน้าที่หัวหน้าแผนกศัลยกรรมที่มีคนไข้จำนวนมาก แย่งเอาเวลาของเขาไปเสียเกือบหมด บางครั้งกว่าเขาจะเสร็จงานก็สองสามทุ่ม พอกลับถึงบ้านก็หมดแรงเล่นกับเด็กทั้งสองแล้ว

พราวพรายนั่งมองนิคกับนิกกี้เตะฟุตบอลกันอยู่พักหนึ่ง ก็นึกอยากจะไปเข้าห้องน้ำซึ่งอยู่ไกลออกไป เธอลุกจากเสื่อที่นั่งอยู่ 

“นิคคะ ฉันจะไปห้องน้ำทางด้านโน้นหน่อย นิกกี้ล่ะ อยากไปห้องน้ำหรือเปล่า”

เด็กชายหยุดวิ่ง ส่ายหน้าปฏิเสธ “ม่าย นิกกี้ไม่ปวดฉี่”
“งั้นฝากนิกกี้ด้วยนะคะ นิค”

พราวพรายเดินหายไปได้เพียงห้านาที เด็กชายก็เบื่อเตะฟุตบอลแล้ว เขาหยิบลูกบอลที่นิดเตะเบาๆส่งมาให้ขึ้นมากอดเอาไว้ พะยักเพยิดบอกชายหนุ่มว่า

“อังเคิลนิค นิกกี้เบื่อเตะบอลแล้วละ เล่นเรือบินบรื๋อ..บรื๋อ กันดีก่า”

ว่าแล้วก็จูงมือนิคเข้าไปที่เสื่อ ส่วนนิคก็ถามอย่างสงสัยว่า “เรือบินที่ไหนล่ะ”

“ก้อ..เรือบินกาดาดไง๊ อังเคิลนิคทำไม่เป็นเหรอ มอมมี้แม่ทำให้นิกกี้บ่อยๆ”

นิคเริ่มเข้าใจว่านิกกี้หมายถึงอะไร “เรือบินหรือ ต้องใช้กระดาษไม่ใช่หรือ แต่เราไม่มีกระดาษนี่”

เด็กชายทำหน้าเสีย หันมองไปรอบตัว พอเห็นกระเป๋าถือใบใหญ่ของพราวพรายที่วางทิ้งไว้บนเสื่อ ก็ลงนั่งแล้วดึงกระเป๋าเข้าหาตัว ใช้มือเล็กๆควานลงไปในกระเป๋า ดวงตากลมโตก็ก้มลงมองตามมือ เพียงอึดใจเดียวก็ดึงซองจดหมายสีขาวที่ไม่ได้ปิดผนึกออกมา

“เย้ เจอกาดาดแล้ว” เด็กชายทำท่าดีอกดีใจ ดึงกระดาษที่อยู่ในซองออกมาส่งให้นิคซึ่งนั่งลงใกล้ๆ “เอ้า..กาดาด เร็ว อังเคิลนิค ทำเรือบินให้นิกกี้หน่อย”

ชายหนุ่มยื่นมือออกไปรับกระดาษที่พับสามท่อนจากมือเด็กชาย “กระดาษอะไร? จดหมายของมอมมี้คแม่ของนิกกี้หรือเปล่า ขออังเคิลนิคดูก่อนนะ”

ด้วยความรอบคอบ นิคก็คลี่กระดาษแผ่นนั้นออกตามรอยพับ ตาก็อ่านข้อความที่ปรากฏอยู่

“ เผื่อเป็นเอกสารสำ..”

ตาของนิคเบิกกว้าง หน้าซีดเผือด ชาวาบไปเกือบทั้งตัว เมื่ออ่านข้อความในเอกสารที่จั่วหัวว่าสำเนาใบสูติบัตรฉบับนั้นโดยละเอียด ‘ ทารกเพศชาย ชื่อ..เด็กชายนิกกี้ น้ำหนัก... เกิดวันที่....เวลา...ชื่อมารดา..นางพราวพราย พรหมวิชย์ ชื่อบิดา..พ.ต.นิโคลัส เอ็ม. แบรดเล่ย์ (ถึงแก่กรรม) ฯลฯ

กระดาษแผ่นนั้นร่วงผลอยตกจากมือของชายหนุ่มอย่างหมดเรี่ยวแรง หน้าของเขาเปลี่ยนจากซีดขาวเป็นแดงแล้วกลับมาซีดใหม่ นิ่งขึงไม่พูดไม่จาแม้นิกกี้จะคว้ากระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาส่งให้เขาอีก

“พับซี้ อังเคิลนิค ทำเรือบินให้หน่อย” นิกกี้ซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่ยังเซ้าซี้ต่อ

เมื่อสติกลับคืนมา นิคก็รวบร่างน้อยๆของเด็กชายเข้ามากอดรัดจนแน่น ซบหน้าซึ่งมีน้ำตาคลออยู่ในดวงตาที่แดงก่ำอย่างสะเทือนอารมณ์ ลงบนศรีษะเล็กๆ ที่มีผมหยิกหยอยสีน้ำตาลเข้ม เด็กชายซึ่งรู้สึกเจ็บจากการกอดรัด ปล่อยกระดาษให้หลุดมือ ปลิวห่างออกไปตกลงบนพื้นหญ้าใกล้กับเสื่อที่นั่งอยู่ สองมือก็พยายามผลักไสเขา

“ปล่อย..ปล่อยนะ! อังเคิลนิคบ้า นิกกี้เจ็บ หายใจม่ายออก”
“นิกกี้ นิกกี้ จริงหรือนี่” ชายหนุ่มคร่ำครวญอย่างเจ็บปวดกับความจริงที่เพิ่งรู้

พราวพรายซึ่งเดินกลับมาถึงพอดี มองนิคกับนิกกี้อย่างแปลกใจ เมื่อเดินเข้ามาใกล้ มองเห็นกระดาษสีขาวตกอยู่บนพื้นหญ้าก็ก้มลงเก็บขึ้นมาดู แล้วสีหน้าของเธอก็เผือดซีดขาวพอๆกับกระดาษในมือ ตาของเธอเบิกกว้าง เข้าใจได้โดยทันที

“นิค นิคคะ..”
ตาคู่ที่ดุกร้าวของนิคจ้องหน้าพราวพรายเขม็ง ถามห้วนๆว่า “ทั้งหมดในเอกสารนั่นเรื่องจริงหรือ”

พราวพรายอึกอักพูดไม่ออก รู้ว่าเขาโกรธมาก แต่จะโกรธเพราะเหตุใดเธอก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมต้องโกรธ เขาควรจะตื่นเต้นดีใจไม่ใช่หรือ

“หรือคุณแต่งเรื่องขึ้นมาหลอกผมเล่นเป็นของสนุก” หน้าของนิคหมองคล้ำจนเห็นได้ชัด “ถ้าเป็นเรื่องจริง คุณท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมผมถึงไม่รู้”

“เอ้อ..ฉัน..ฉัน..คุณ.” หญิงสาวพูดไม่ออก เมื่อเห็นสีหน้าแววตาที่ดุดันของเขา

“เอาละ สมมติว่าเป็นเรื่องจริง คุณคิดจะบอกผมเมื่อไหร่ หรือไม่เคยคิดจะบอกเลย ผมคงจะเป็นไอ้งั่งไม่รู้จักแม้แต่ลูกตัวเองต่อไป ถ้านิกกี้ไม่ไปค้นกระเป๋าคุณหากระดาษมาพับเรือบิน”

หญิงสาวรู้สึกตกใจกับข้อกล่าวหาของเขา ขณะที่เธอกำลังอ้ำอึ้งตะลึงตะไล นิคก็ลุกขึ้นยืน เดินเข้ามาคว้าเอกสารแผ่นนั้นที่ยังอยู่ในมือเธอ พับเป็นรูปสี่เหลี่ยมยัดลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วเดินกลับไปหานิกกี้ที่นั่งมองอยู่ อุ้มเขาขึ้นมากอดไว้กับอกแล้วพาเดินห่างออกไป ตามโค้งถนนที่มีต้นไม้ดอกไม้ขึ้นเป็นกอๆ หายลับตาไป

พราวพรายนั่งงงอยู่ตรงนั้นพักใหญ่ เมื่อเห็นคนทั้งสองหายไปนานผิดปกติก็เริ่มตกใจ หญิงสาวค่อยๆเดินเลียบไปตามเส้นทางที่เห็นนิคอุ้มเด็กชายไป แล้วก็เห็นคนทั้งคู่ นิคนั่งคุกเข่าอยู่บนพื้นหญ้า แขนทั้งสองข้างโอบไปรอบตัวของนิกกี้ที่นั่งห้อยขาอยู่บนม้านั่งตัวยาว พราวพรายไม่เห็นสีหน้าของเขา เพราะนิคนั่งหันหลังให้ เธอคิดว่าเขากำลังพูดอะไร บางอย่างกับเด็กชาย เห็นได้จากท่าพะยักเพยิดของนิกกี้

หญิงสาวเดินกลับมาที่เสื่อ เก็บสิ่งของทั้งหมดลงตระกร้า คิดว่าเมื่อนิคกลับมาก็ควรจะกลับออกไปจากสวนสาธารณะแห่งนี้ได้แล้ว เพราะเริ่มเย็นแล้ว เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนคงจะต้องไปพูดกันต่อที่บ้าน ซึ่งน่าจะเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุด

อีกประมาณสิบนาทีต่อมา นิคก็จูงมือเด็กชายกลับมา ตรงที่พราวพรายนั่งคอยอยู่อย่างกระวนกระวาย

“กลับกันเถอะ” เขาพูดโดยไม่มองหน้าเธอ

นิคหยิบกระกร้าสานและถุงสองใบออกจากเสื่อวางลงบนพื้นหญ้า พับเสื่อจนเล็กมาถือไว้ หอบหมอนสามใบขึ้นมาด้วย พราวพรายสวมเสื้อโค๊ตให้นิกกี้ คว้าตระกร้าสานและถุงมาถือ เตรียมตัวออกจากสวนสาธารณะ แต่แล้วนิกกี้ก็โยเยไม่ยอมเดิน ร่ำร้องจะให้นิคอุ้มเขาไป ในที่สุดชายหนุ่มซึ่งมือไม่ว่างก็ต้องให้เด็กชายขี่หลัง พอถึงรถที่จอดไว้ตรงลานหน้าทางเข้า นิคก็เปิดท้ายรถเอาของทั้งหมดใส่ลงไป เปิดประตูรถด้านหลัง ส่งตัวนิกกี้เข้าไปนั่งแล้วบอกเขาก่อนจะปิดประตูรถว่า

“นิกกี้รออยู่ในรถก่อนนะ อังเคิลนิคขอพูดธุระกับมอมมี้ของนิกกี้หน่อย”

“เอาละ เมื่อกี้ผมพูดอะไรไม่ถนัด เพราะนิกกี้อยู่ด้วย” เสียงของเขาห้วน

“พราว ผมว่าคุณยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ ยังทำอะไรตามใจตัวเองอยู่เหมือนเดิม”

“นิคคะ ฉันไม่...”

เขายกมือขึ้นเหมือนห้ามไม่ให้เธอขัดจังหวะ “คุณไม่คิดมั่งหรือว่าเรื่องนี้ตลกสิ้นดี ผมไม่เคยรู้ว่าคุณท้องกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่...”

หน้าของพราวพรายเผือดซีด เสียงของเธอสั่นเมื่อขัดขึ้นมาว่า “คุณไม่เชื่อหรือคะว่าเขาเป็นลูกคุณ”

ชายหนุ่มเลิกคิ้ว “ทำไมจะไม่เชื่อ หลักฐานออกชัดเจนขนาดนั้น ใช่..แวบแรกที่เห็นเอกสารนั่น ผมงงและสับสน ไม่เชื่อเท่าไร เพราะไม่เคยรู้เรื่องอะไรเลย แต่เมื่อกี้ผมไปนั่งคิดดูแล้วก็แน่ใจว่าเขาเป็นลูกผม แต่ที่ผมไม่เข้าใจก็คือ ทำไมเขาถึงกลายเป็นลูกของพี่สาวคุณกับแฟรงค์ไปได้”

“นิคคะ เขาไม่....”

“คุณไม่ต้องพูด ฟังผม! ทำไมพี่สาวคุณไม่บอกความจริงกับผม ผมไปหานิกกี้ที่บ้านเขานับครั้งไม่ถ้วนตลอดเวลาสามเดือนที่ผ่านมา ทำไมเขาไม่บอกว่านิกกี้เป็นลูกผม ไม่ใช่ลูกของเขากับแฟรงค์”

“นิคคะ พี่เจิดกับแฟรงค์ ไม่...”

แต่นิคไม่ฟังเสียง “ผมไม่รู้ว่าคุณกับพี่สาวพี่เขยคุณมีแผนอะไร ที่ทำให้เรื่องมันสับสนวุ่นวายไปหมด แล้วนิกกี้ล่ะ พวกคุณไม่คิดอะไรบ้างเลยหรือ ไม่สงสารเขาบ้างเลยหรือ ที่ต้องไปอาศัยพ่อแม่ของริกกี้เป็นพ่อแม่ของตัวเอง ทั้งๆที่เขาก็มีพ่อมีแม่เหมือนกัน”

พราวพรายซึ่งน้ำตาคลอ ร้องออกมาอย่างกลัดกลุ้มว่า “โธ่นิค! คุณกำลังเข้าใจผิด ขอให้ฉันอธิบายหน่อยได้ไหมคะ?”

หน้าดุดันของชายหนุ่มมียิ้มแค่นๆปรากฏขึ้น “ตอนนี้ผมยังไม่พร้อมจะฟังคำแก้ตัวของคุณ” เขาส่งกุญแจรถที่ยังอยู่ในมือให้เธอ “เอาเถอะ คุณพานิกกี้กลับบ้านไปก่อน”

หญิงสาวตกใจเมื่อเห็นเขาเดินจะออกไปจากที่ตรงนั้น “นิค! คุณจะไปไหน ไม่กลับด้วยกันหรือคะ?”

“ไม่ละ คุณกลับไปก่อนเถอะ ผมอยากอยู่คนเดียว” เขาตอบห้วนๆไม่มองหน้าเธอ
“เราน่าจะกลับไปด้วยกัน ไปคุยกันให้รู้เรื่องไม่ดีกว่าหรือคะ?”
นิคส่ายหน้า ไม่สบตาเธอเหมือนเดิม “ผมยังไม่อยากคุย ผมไปก่อนละ”

พอพูดจบเขาก็เดินออกไปจากลานจอดรถ พราวพรายมองตามหลังเขาไปอย่างงงงัน เห็นนิคเดินอย่างรวดเร็วออกไปริมถนน ตรงที่เป็นที่จอดรถแท็กซี่ ขึ้นแท็ก
ซี่คันที่จอดเข้าแถวอยู่หน้าสุดหายไป



Create Date : 07 สิงหาคม 2566
Last Update : 7 สิงหาคม 2566 16:49:04 น.
Counter : 528 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณปัญญา Dh, คุณhaiku, คุณปรศุราม, คุณอุ้มสี, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณ**mp5**, คุณnewyorknurse

  
มาอ่านครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 7 สิงหาคม 2566 เวลา:20:33:47 น.
  
ตามมาอ่านค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 7 สิงหาคม 2566 เวลา:22:27:48 น.
  
อันนี้ไม่เข้าใจทำไมต้องโกรธค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 8 สิงหาคม 2566 เวลา:7:04:37 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 9 สิงหาคม 2566 เวลา:10:29:03 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
สิงหาคม 2566

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
12
13
14
15
17
18
19
21
23
24
26
28
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com