คนละฟากฟ้า - บทที่ 60

พราวพรายรู้สึกโล่งใจที่สุนิสาไม่อยู่บ้าน มีแต่โน้ตเล็กๆ ที่เขียนบอกเธอว่าออกไปกับอรรณพ คงจะกลับดึกไม่ต้องห่วง สุนิสารู้อยู่แล้วว่าพราวพรายจะกลับวันนึ้ เพียงแต่ไม่รู้เท่านั้นว่ากลับจากไหน หญิงสาวที่หน้าตาซีดเซียวเพราะความทุกข์รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตั้งใจว่าคืนนี้จะเข้าห้องส่วนตัวเร็วกว่าปกติ ก่อนที่สุนิสาจะกลับมา ไม่อยากให้เพื่อนเห็นสีหน้าท่าทางที่ผิดปกติของเธอ

หลังจากรับประทานข้าวห่อที่ซื้อติดตัวมาก่อนเข้าที่พักได้เพียงสองสามคำ พรายพรายก็ฝืดคอกลืนต่อไปไม่ลง ล้างจานเสร็จก็ลงนั่งดูโทรทัศน์ด้วยใจที่เลื่อนลอย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังดูอะไรอยู่ เพราะใจของเธอล่องลอยข้ามน้ำข้ามฟ้า ไปที่ค่ายทหารแห่งนั้นในเวียตนามเสียแล้ว ตอนนี้เมื่อได้อยู่ตามลำพังหญิงสาวก็นึกอยากจะร้องไห้ แต่ก็ร้องไม่ออก นั่งเฉยๆอยู่อย่างนั้นอีกเกือบชั่วโมงก็ปิดบ้านปิดไฟแล้วเข้านอน

หัวสมองที่ตึงเครียดบอกเธอให้พยายามผ่อนคลายด้วยการหลับเสีย แต่หัวใจที่กระสับกระส่ายดิ้นรนถึงคนที่รัก ดื้อดึงไม่ยอมให้เธอหลับ มันทำหน้าที่ราวกับเครื่องฉายสไลด์ ฉายภาพระหว่างเธอกับนิคในช่วงสองสามวันที่ได้อยู่ด้วยกันในเวียตนาม ทีละภาพ..ทีละภาพ

ตั้งแต่ภาพที่เขากอดจูบเธอด้วยความรัก สีหน้าแววตาที่เปี่ยมสุขของเขาเวลาอยู่กับเธอ คำพูดอ่อนหวานเอาอกเอาใจที่ผู้ชายแบบเขาไม่น่าจะพูดเป็น แล้วก็ต่อไปเรื่อยๆจนถึงภาพที่เธอบันดาลโทสะ กระชากเสื้อเชิร์ตตัวงามราคาแพงที่เธอเป็นผู้ให้เขาเองจนขาดวิ่นสิ้นสภาพ เหลือแต่ซากที่เธออุตส่าห์ยัดใส่กระเป๋าเดินทางกลับมาด้วย ตั้งใจว่าจะไถ่โทษตัวเองด้วยการไปซื้อตัวใหม่ สีและแบบเดียวกันมาชดใช้ให้เขา แล้วมาถึงภาพท้ายๆที่เธอนั่งรอด้วยความหวังให้เขามาหาเธอเพื่อปรับความเข้าใจกันก่อนกลับอุบลฯ

ภาพสีหน้าแววตาที่สงบนิ่งปนความห่างเหินของเขา ตอนที่ขับรถพาเธอไปขึ้นเครื่อง จนถึงภาพสุดท้ายที่ลานบินที่เขายืนกอดอก มองเฮลิคอปเตอร์ที่ค่อยๆยกตัวสูงขึ้นไปในอากาศ แล้วบินตรงเข้าอุบลฯ เห็นตัวเขาที่ค่อยๆเล็กลง..เล็กลงไปเรื่อยๆแล้วหายลับตาไป น้ำตาของพราวพรายที่พยายามกลั้นเอาไว้ขณะอยู่บนเฮลิคอปเตอร์ ค่อยๆไหลรินออกมา ตามด้วยเสียงสะอื้นเหมือนใจจะขาด เมื่อนึกเอาเองว่านิคคงหมดรักเธอแล้ว เขาคงไม่มาหาเธออีกแล้ว บอกตัวเองว่าเขาจะมาทำไมในเมื่อใกล้กับค่ายทหารที่เขาประจำการอยู่ ยังมีสาวสวยโสภานัยน์ตาคมกริบ ที่พวกทหารหนุ่มๆในค่ายแย่งกันจีบตามคำบอกเล่าของแคทลินคอยเขาอยู่ทั้งคน

เช้าวันรุ่งขึ้นพราวพรายกลับไปทำงานตามปกติ ทั้งๆที่อยากจะอยู่บ้านไม่อยากพบอยากพูดกับใคร แต่ความรับผิดชอบต่องานบังคับเธอ ให้ฝืนใจลุกขึ้นแต่งตัวออกไปทำหน้าที่ตามปกติ ไม่ยอมปล่อยให้เรื่องหัวใจมาอยู่เหนือเรื่องงาน ทั้งพราวพรายและเจิดจรัสได้รับการถ่ายทอดคุณสมบัติข้อนี้มาจากบิดา

จอห์นทำท่าดีใจที่เห็นพราวพรายกลับมาทำงานตามกำหนด เขาสอบถามเรื่องที่เธอพบเห็นในค่ายแห่งนั้น และเรื่องทั่วไปอยู่สองสามนาที แม้เธอจะเล่าให้เขาฟังในทำนองว่าเธอมีความสุขสนุกสนานดี แต่จอห์นก็สังเกตเห็นแววตาหมองๆ ที่ไปกันไม่ค่อยได้กับความสนุกที่เธอเล่า นอกจากนี้เขายังรู้สึกอีกด้วยว่าเธอพูดถึงนิคน้อยมาก เขาเลยคิดว่าหนุ่มสาวทั้งสองที่มีท่าทีว่ารักใคร่ชอบพอกันนี้ อาจจะมีปัญหาส่วนตัวระหว่างกัน ที่คนนอกอย่างเขาไม่ควรเข้าไปวุ่นวาย

หลังจากนั้นจอห์นก็ต้องออกไปประชุมข้างนอกทั้งวัน แล้วก็ลืมเล่าให้พราวพรายฟังไปเลยว่าเช้าวันนั้น ก่อนที่เธอจะมาถึงที่ทำงาน นิควิทยุมาถามเขาว่าเธอกลับมาถึงโดยเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ซึ่งเขาก็บอกไปว่าเธอยังมาไม่ถึงที่ทำงานเพราะยังเช้าเกินไป จอห์นสัมผัสได้ถึงความห่วงใยในน้ำเสียงของชายหนุ่มผู้นั้น

แม้จะกำลังทุกข์ใจกับปัญหาส่วนตัวที่ไม่รู้ว่าจะลงเอยในรูปใด แต่พราวพรายก็ทำงานในหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายได้อย่างดีตามปกติ เพราะทันทีที่นั่งลงหน้าโต๊ะทำงานเพื่อเริ่มงานชิ้นแรก สมองของเธอก็เก็บเรื่องของนิคยัดเข้าลิ้นชักโดยอัตโนมัติ แต่ก็พร้อมที่จะเปิดลิ้นชักดึงเรื่องกลับมาวนเวียนคิดใหม่ ได้ทันทีที่ถึงเวลาส่วนตัวของเธอ สิ่งนี้เป็นธรรมชาติวิสัยตามปกติของพราวพรายที่ทำมาตั้งแต่เล็กจนโต มันช่วยให้เธอสามารถดำเนินชีวิตไปตามปกติได้ โดยไม่นำเรื่องสองเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องกัน มาคิดในเวลาเดียวกันจนในที่สุดพังทั้งสองเรื่อง

เย็นนั้นพราวพรายกลับถึงบ้านก่อนสุนิสา อาบน้ำอาบท่ากินข้าวกินปลาแล้วก็ลงนั่งซึมอยู่บนเก้าอี้นอนในห้องเอนกประสงค์ สุนิสากลับถึงบ้านในอีกหนึ่งชั่วโมงต่อมาด้วยหน้าตาสดชื่นแจ่มใสตามปกติของเธอ ทันทีที่เห็นหน้าซีดๆของเพื่อน ก็ถามอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ว่า

“ไปเที่ยวมาไม่ใช่หรือ แต่ทำไมทำหน้าเหมือนคนเบื่อโลกล่ะ ไม่สนุกหรือไง”
“หน้าตาเราเป็นยังงั้นจริงหรือ”
“จริงสิ มีอะไรหรือเปล่า หรือหนีไปเที่ยวนานไปหน่อยเลยถูกเจ้านายดุ”
พราวพรายอึ้งไปหน่อย “ไม่มีอะไรหรอก ไม่ค่อยสบายใจนิดหน่อยน่ะ”

สุนิสาซึ่งคนเป็นช่างสังเกต รู้ทันทีว่าเพื่อนของเธอคงไม่สบายใจจริงอย่างที่ว่า แต่คงไม่ใช่แค่นิดหน่อย น่าจะมีอะไรมากกว่านั้น เพราะในระยะหลังๆนี้เธอเคยสงสัยมาหลายครั้งแล้ว ว่าพราวพรายมีอะไรบางอย่างที่ปิดบังเอาไว้ บางวันเลิกงานแล้วเธอไม่ได้ตรงกลับบ้านทันที หายไปไหนก็ไม่รู้จนดึก กลับเข้าบ้านห้าทุ่มสองยามสองสามวันติดๆกัน แล้วก็กลับมาเหมือนเดิม อีกพักใหญ่ต่อมาก็กลับดึกอีก

แม้แต่วันศุกร์และวันเสาร์ต่อถึงเย็นวันอาทิตย์ บางครั้งเธอก็หายไปทั้งวันทั้งคืน ที่สุนิสารู้ก็เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งที่เธอไปค้างกับอรรณพตามปกติ แล้วกลับมาเอาของสำคัญ ที่ลืมไว้ที่บ้านในตอนดึกวันเสาร์ เธอพบด้วยความประหลาดใจว่าพราวพรายไม่ได้กลับบ้าน ไม่รู้ไปค้างที่ไหน แรกๆก็ไม่ได้สงสัยอะไร แต่เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกเป็นครั้งที่สองหญิงสาวก็เริ่มสงสัย แต่เมื่ออีกฝ่ายหนึ่งไม่มีทีท่าว่าจะเล่าให้ฟังเธอก็เลยไม่ถาม เพราะเห็นว่าแม้จะมีพฤติกรรมแปลกๆอย่างที่ว่า แต่เพื่อนของเธอก็ดูสดชื่นแจ่มใสมีความสุขดี

แต่ครั้งนี้พราวพรายแปลกไป สุนิสาอดคิดไม่ได้ว่าเธอทำท่าเหมือนคนอกหัก หรือเธอจะแอบมีแฟนโดยไม่บอกเล่าให้เพื่อนทั้งสองรู้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็นับว่าแปลก เพราะสุนิสารู้ว่าพราวพรายอยากจะมีใครสักคนหนึ่ง มาแทนที่วิชชานานแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นเธอสนใจหรือคบกับใครเป็นพิเศษ แม้แต่เขตต์ซึ่งแรกๆพราวพรายก็มีทีท่าสนใจเขาเหมือนกัน แต่ระยะหลังๆนี้เธอมักจะคอยเลี่ยงเขาจนน่าสงสัย

“เราไปอาบน้ำก่อนละ ถ้าพราวยังไม่นอนจะมาคุยด้วย ดีไหม”

พราวพรายพยักหน้ารับคำ ตอนนี้เธอกำลังอัดอั้นตันใจอยากหาเพื่อนคุย เพื่อให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้สักชั่วขณะหนึ่งก็ยังดี ความสดชื่นรื่นเริงคุยโน่นคุยนี่ได้ทั้งวันของสุนิสา คงจะช่วยให้เพลินไปได้บ้าง ดีกว่าจะเข้าห้องปิดประตูนอนซม คิดถึงเรื่องราวระหว่างเธอกับนิคให้ปวดหัวใจ

สุนิสากลับมานั่งตรงหน้าพราวพรายหลังจากนั้นสิบห้านาที มองหน้าทุกข์ตรมของอีกฝ่ายอย่างหมายมาด ว่าคืนนี้จะต้องรู้ให้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น ที่ทำให้เพื่อนของเธอเปลี่ยนแปลงไปได้ถึงเพียงนี้ เจตนาของสุนิสาเพียงแต่จะหาทางช่วยเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้คิดจะสืบเสาะเพื่อหาข่าวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ระหว่างพราวพรายกับอมรา แม้จะรู้จักสนิทสนมกับอมรามานานกว่า แต่สุนิสาก็รู้สึกผูกพันกับพราวพรายมากกว่า นอกจากเพราะอยู่บ้านเดียวกัน ที่ทำให้ต้องรู้ทุกข์สุขของกันและกันไปโดยปริยายแล้ว ยังเป็นนิสัยของเพื่อนคนนี้ด้วยที่ยินดีรับฟังเรื่องเกี่ยวกับอรรณพ ที่สุนิสาอยากเล่าให้ใครสักคนฟังแต่ไม่ได้ต้องการคำวิจารณ์ ซึ่งพราวพรายมีคุณสมบัติข้อนี้ที่จะไม่ค่อยวิจารณ์ใคร

สุนิสารู้ว่าแม้พราวพรายจะไม่ค่อยชอบอรรณพ แต่ก็ไม่เคยออกปากติฉินเขาให้เธอฟัง ยามมีทุกข์เรื่องลูกเมียของเขา คนแรกที่สุนิสาจะเล่าให้ฟังและปรับทุกข์ด้วยก็คือเพื่อนคนนี้ ดังนั้นเมื่อรู้สึกว่าพราวพรายมีทุกข์ สุนิสาก็อยากจะช่วยบำบัดทุกข์ให้ถ้าสามารถทำได้

“พราว หมู่นี้เราว่าพราวมีอะไรแปลกๆนะ อยากจะถามหลายครั้งแล้วแต่ไม่กล้า” สุนิสาเริ่มต้น

พราวพรายสะดุ้ง หน้าเผือดลง ไม่นึกมาก่อนเลยว่าเพื่อนจะสังเกตเห็น

“แปลกหรือ? ไม่มีอะไรนี่” พราวพรายปฏิเสธอย่างมีพิรุธ

สุนิสาจ้องหน้าอีกฝ่าย “พราวอาจจะไม่ไว้ใจเราเพราะยังรู้จักกันไม่นานพอก็ได้ แต่พราวก็คงรู้ว่าเราเป็นคนตรงมาก จนบางครั้งเหมือนขวานผ่าซาก เราไม่ใช่คนปากหวานก้นเปรี้ยว จริงไหม”

อีกฝ่ายพยักหน้ารับโดยไม่ต้องเสียเวลาคิดเลย เพราะหญิงสาวร่างเล็กบางท่าทางแกร่งกล้าคนนี้เป็นอย่างนั้นจริงๆ

“ใช่ เรารู้ว่าแอ๋วเป็นแบบนั้น ซึ่งเราชอบ เราก็คล้ายๆแอ๋วเหมือนกัน”

“พราว เราน่ะไม่ใช่คนที่ชอบสอดรู้สอดเห็นเรื่องของใคร แต่เรารู้สึกมาหลายเดือนแล้วว่าพราวแปลกไป จะให้เราพูดตรงๆไหม”

พราวพรายลังเล ชักไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้เรื่องของเธอมากน้อยแค่ไหน “เอ้อ..แปลกยังไง”

ท่าทางลังเลไม่แน่ใจว่าจะพูดอย่างไรของพราวพราย ทำให้สุนิสาเริ่มเรื่องด้วยถามออกไปตรงๆตามนิสัยของตัวเอง

"ตอนนี้พราวคบใครอยู่หรือเปล่า บอกเราได้ไหม รับรองว่าถ้าเป็นความลับ เราก็จะไม่ปริปากพูดให้ใครฟังแม้แต่พี่ณพ พราวอาจจะไม่รู้ว่าถึงเรากับเขาจะเป็นแฟนกันก็จริง แต่ก็มีเรื่องส่วนตัวของเราหลายเรื่องที่ไม่เคยเล่าให้พี่ณพฟัง”

เมื่อเห็นสายตาสงสัยของอีกฝ่ายสุนิสาก็รีบอธิบายว่า “ เราพูดจริงนะพราว ถึงจะคบกันลึกซึ้งขนาดนี้ แต่เราก็ยังมีความลับกับพี่ณพ เราไม่ได้ไว้ใจเขาร้อยเปอร์เซนต์ ใครจะรู้ว่าเรื่องของเรากับเขาจะไปได้ไกลแค่ไหน อาจจะได้แต่งงานกันถ้าเมียเขายอมหย่า หรืออาจจะแยกทางต่างคนต่างไปก็ได้ เราจึงอยากจะบอกพราวว่า ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เราจะเอาไปเล่าให้ใครฟัง แต่เรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับพราวด้วยว่าอยากจะเล่าไหม ถ้าคิดว่าเล่าแล้วจะสบายใจขึ้นก็เล่าได้ เราเต็มใจรับฟัง ถึงช่วยอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยพราวก็อาจจะอึดอัดน้อยลงที่มีคนรับฟัง ไม่ต้องนั่งเครียดอยู่คนเดียว แล้วอีกอย่าง...”

สุนิสาหยุดพูดกลางคัน เพื่อสังเกตสีหน้าของพราวพรายว่าอยากจะฟังต่อหรือเปล่า

เมื่อเห็นแววตาสนใจใคร่รู้ที่มองกลับมา ก็รีบสาธยายต่อทันที

“อีกอย่าง เราก็เป็นห่วงพราวด้วย ไม่อยากให้ต้องมีปัญหาแบบเรา การไปชอบสามีคนอื่นน่ะไม่สนุกหรอก มีความสุขอยู่บ้างก็เป็นความสุขที่ลุ่มๆดอนๆ เดินไปไหนก็มีแต่คนซุบซิบนินทาว่าพยายามจะแย่งผัวชาวบ้าน อย่านึกว่าเราไม่สะดุ้งสะเทือนนะพราว เจ็บด้วยสิ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เราคงไม่ทำแบบนี้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับพราวแบบเดียวกับเราๆก็คงเสียใจมาก เพราะเรารักพราวมาก พราวเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเท่าที่เราเคยมี ไม่เคยซ้ำเติมเราเลย แม้ในใจพราวอาจจะคิดว่าเราทำไม่ถูก ซึ่งเราก็ทำไม่ถูกจริงๆแหละ แต่พราวก็เห็นว่าความเป็นเพื่อนสำคัญกว่า”

มีน้ำตาจางๆอยู่ในดวงตาของสุนิสา ซึ่งเธอก็รีบยกมือขึ้นป้ายทิ้งอย่างรวดเร็ว

“อย่าเพิ่งพูดเรื่องของเราเลย พูดไปพูดมาแล้วมันเศร้า ตอนนี้พูดกันเรื่องของพราวดีกว่า พราวมีปัญหาอะไรที่ทำให้กลุ้มใจใช่ไหม ต้องการคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญบ้างหรือเปล่า” สุนิสายักคิ้วให้เพื่อนกับคำว่า ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ที่อุปโลกน์ให้ตัวเองอย่างแค่นๆ

ในที่สุดพราวพรายซึ่งกำลังอัดอั้นตันใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ตัดสินใจเลียบเคียงถามสุนิสาว่า “ที่แอ๋วว่าเราแปลกไปน่ะ บอกได้ไหมว่าแปลกยังไง”

“หลังๆนี่บางวันพราวกลับบ้านดึกมาก เกือบสองยามมั้ง บางวันเช่นเสาร์อาทิตย์ก็ไม่กลับบ้าน บอกได้ไหมว่าพราวไปไหน ไปกับใคร”

พราวพรายอึกอัก แต่ก็ค่อยๆเผยออกมาว่า “ความจริงเรื่องนี้ยังไม่มีใครรู้เลย เราไม่อยากให้ใครรู้...เรา..เรา”

สุนิสารวบรัดเรื่องให้ง่ายเข้า ด้วยการตั้งคำถามว่า “บอกได้ไหมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร คุณเขตต์หรือเปล่า”

“ไม่ใช่หรอก”

“เราอยากจะถามพราวมานานแล้วละว่าพราวคิดยังไงกับคุณเขตต์ เราว่าเขาเป็นคนดีนะ สมกับพราวมากด้วย ถ้าคนที่ว่านั่นคือคุณเขตต์เราคงดีใจมากเลย แอบเชียร์มานานแล้ว”

ตาของพราวพรายหมองลงเมื่อนึกถึงชายหนุ่มผู้นั้น

“ใช่แอ๋ว คุณเขตต์เป็นผู้ชายที่น่ารักมาก”
“นั่นสิ แล้วพราวไม่สนใจเขาบ้างเลยหรือ”

อีกฝ่ายอึกอัก ใครบอกว่าไม่สนใจ เธอเคยสนใจเขามากทีเดียว มากพอที่จะรับเขาไว้พิจารณาได้อย่างไม่ยากเย็น และอาจจะถึงขั้นตกลงปลงใจเป็นแฟนกับเขาไปแล้วก็ได้ ถ้าเธอไม่รู้เรื่องการบาดเจ็บสาหัสของนิคในวันนั้น

เมื่อพราวพรายไม่ตอบสุนิสาก็พูดต่อว่า “ งั้นคุณเขตต์ก็ปิ๋วไป แต่เขาก็ยังมาหาพราวอยู่บ่อยๆนี่ สงสัยคงคิดว่ายังมีหวังอยู่มั้ง เออ..พูดถึงคุณเขตต์ เกือบลืมแน่ะ เมื่อสองสามวันก่อนตอนที่พราวไม่อยู่น่ะ เขามาที่นี่ ก็คงจะมาหาพราวน่ะแหละ พอรู้ว่าไม่อยู่ท่าทางผิดหวังน่าดู คุยกับเราไม่กี่คำก็กลับแล้ว”

“เหรอ” พราวพรายรับรู้แบบแกนๆ

นิ่งกันไปเป็นครู่แล้วสุนิสาก็ถามต่ออีกว่า “ถามหน่อยสิพราว คุณเขตต์เขาไม่เคยบอกว่ารักพราวบ้างหรือ”

หญิงสาวอึกอักแต่แล้วก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธ เมื่อคิดว่าไม่ควรจะเอาคำสารภาพรักของเขตต์ไปบอกใครให้เขาต้องเสียหน้า “

ไม่เคยหรอก เพียงแต่มีทีท่าบ้างเท่านั้น”

สุนิสาอมยิ้ม “ไม่หน่อยละ มากทีเดียว แต่เขาอาจจะยังไม่กล้าพูดอะไร เพราะพราวไม่เปิดโอกาสให้เขาพูดก็ได้ จริงไหม”

เธอทำท่าคิดแล้วก็รุกต่อไปว่า “คุณเขตตก็ไม่ใช่ เอ..แล้วใครหนอที่ทำให้พราวต้องมีความลับแบบนี้ หรือเขามีลูกมีเมียแล้ว”

อีกฝ่ายรีบส่ายหน้าปฏิเสธโดยเร็ว “ยังหรอก เขายังโสด”

“หรือว่าเขาไม่คิดจริงจัง แค่มาหลอกพราวเล่น”

พราวพรายนิ่งอีก ใจหนึ่งก็อยากจะเล่าเรื่องที่กำลังกัดกินหัวใจให้ทุกข์ตรมให้เพื่อนฟัง เผื่อจะบรรเทาความอัดอั้นลงไปได้บ้าง แต่อีกใจหนึ่งที่ยังไม่แน่ใจ ว่าเรื่องระหว่างเธอกับนิคจะเป็นอย่างไรต่อไป ทำให้หญิงสาวลังเลที่จะให้บุคคลที่สามเข้ามาล่วงรู้ความลับ ที่อาจจะจบสิ้นลงไปเงียบๆในอีกไม่นานนี้ สู้เก็บมันเอาไว้รู้เพียงตัวเองคนเดียวก็น่าจะดีกว่า

ในที่สุดพราวพรายจึงตัดสินใจบอกสุนิสาแต่เพียงว่า

“เอางี้ดีกว่านะ แอ๋ว ขอบใจในความหวังดีของแอ๋วมาก และก็เชื่อด้วยว่าถ้าเราเล่าให้ฟังแอ๋วก็จะเก็บเป็นความลับ แต่ตอนนี้เรายังไม่อยากพูดอะไรมาก ขอรอดูเหตุการณ์ไปสักพักหนึ่งก่อน”

“แล้วแต่พราวก็แล้วกัน แต่สัญญาได้ไหมว่าถ้าพราวตัดสินใจจะทำอะไร ที่อาจจะเป็นผลเสียแก่ตัวเอง ขอให้คุยกับเราก่อน เผื่อเราจะช่วยคิดหาทางออกให้พราวได้”

ดวงตาที่จริงใจของสุนิสาที่พราวพรายรู้ว่ามีแต่ความหวังดีให้เธอตลอดมา ทำให้หญิงสาวพยักหน้ารับ

“ขอบใจมากนะแอ๋ว แอ๋วเป็นเพื่อนที่ดีของเรามาตลอด ถ้าที่อุบลฯนี่ไม่มีแอ๋วเราคงกลับกรุงเทพฯไปเสียนานแล้ว เอาเถอะ เราสัญญาว่าจะบอกแอ๋วเป็นคนแรก ก่อนจะตัดสินใจอะไรลงไป”

การสนทนาของสองสาวจบลงเพียงเท่านั้นก็จริง แต่สุนิสาคนฉลาดที่มีประสพการณ์พอตัว รู้ทันทีถึงความสัมพันธ์ระหว่างพราวพรายกับหนุ่มนิรนามผู้นั้น ว่ารุดหน้าไปไกลเกินแก้แล้ว การที่ผู้หญิงสาวหายตัวไปค้างอ้างแรมที่อื่นกับผู้ชายคนหนึ่งเป็นครั้งคราว ใครจะเชื่อว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพื่อนของเธอยิ่งเป็นคนซื่อและอ่อนหัดในเชิงนี้อยู่ด้วย

หญิงสาวนึกเสียดายที่พราวพรายไม่ยอมเปิดใจเล่าให้ฟัง เธอเชื่อว่าจะสามารถไขปัญหาหรือข้อข้องใจให้เพื่อนได้พอสมควร แม้จะยังไม่รู้ว่าเพื่อนของเธอกับผู้ชายคนนั้นมีปัญหาอะไรกัน แต่ก็คิดจากประสพการณ์ของตัวเอง ที่เชื่อว่าผู้ชายส่วนใหญ่เล่ห์เหลี่ยมจัด หาทางแต่จะพิชิตความสาวของผู้หญิงด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะผู้หญิงอ่อนโลกอย่างพราวพราย ตอนนี้เมื่อสมใจแล้วอาจจะกำลังหาทางตีจากก็ได้ เธอผู้นั้นถึงได้มีท่าทางทุกข์ตรมขนาดนั้น

สุนิสาคิดว่าจะต้องหาทางเตือนเพื่อนให้เข้มแข็งและรักตัวเองให้มาก ถ้าเจ้าหนุ่มนิรนามคนนั้นจะตีจากจริงก็ไม่ต้องแคร์ แล้วก็ไม่ต้องไปป่าวประกาศเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครรู้ด้วย แต่ขณะเดียวกันเธอเองก็คิดว่าถ้ามีเรื่องถึงขั้นต้องเลิกรากันไป พราวพรายคงจะยิ่งเจ็บปวดมากกว่าตอนนี้หลายเท่า วิธีที่จะทำให้บาดแผลครั้งนี้หายไปได้โดยเร็วที่สุด ในความเห็นของสุนิสาคือ หนามยอกต้องเอาหนามบ่ง เพื่อนของเธอควรจะต้องมีผู้ชายคนใหม่ ที่ดีกว่าคนเก่าให้เร็วที่สุด





















 



Create Date : 26 มีนาคม 2566
Last Update : 26 มีนาคม 2566 12:46:42 น.
Counter : 617 Pageviews.

8 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณ**mp5**, คุณเนินน้ำ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณkae+aoe, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณกิ่งฟ้า, คุณnewyorknurse, คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkatoy, คุณอุ้มสี

  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 26 มีนาคม 2566 เวลา:14:47:05 น.
  
มาทักทายและส่งกำลังใจค่ะ
โดย: เนินน้ำ วันที่: 26 มีนาคม 2566 เวลา:19:02:10 น.
  
มาอ่านต่อแล้วค่ะคุณตุ้ย กำลังสนุกค่ะ รอตอนต่อไปนะคะ

โหวต Literature Blog

หลับฝันดีค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 26 มีนาคม 2566 เวลา:23:29:03 น.
  
วันนี้มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาหน่อย
จากการที่รู้จักทบทวนการกระทำของตัวเอง
และไม่เอาไปปนกับเรื่องงานค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 27 มีนาคม 2566 เวลา:7:44:58 น.
  
นางเอกเรา อมทุกข์ไว้คนเดียว
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 28 มีนาคม 2566 เวลา:23:16:40 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 29 มีนาคม 2566 เวลา:0:41:48 น.
  
ขอบคุณกำลังใจนะคะ
รออ่านตอนต่อไปด้วยค่ะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 29 มีนาคม 2566 เวลา:10:02:13 น.
  
มาอ่านต่อค่ะ
โดย: อุ้มสี วันที่: 31 มีนาคม 2566 เวลา:15:05:54 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2566

 
 
 
1
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com