คนละฟากฟ้า - บทที่ 59
 

แขกสี่คนของนิคมาถึงเมื่อเวลาหกโมงเย็น ชายหนุ่มแนะนำคนทั้งหมดยกเว้นดิ๊กให้รู้จักกับพราวพราย โดยบอกว่าเป็น ‘เพื่อนหญิง’ ของเขา เมื่อเห็นแคทลินซึ่งเป็นหญิงอเมริกันผิวดำร่างใหญ่วัยประมาณสี่สิบปี หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พราวพรายก็รู้สึกถูกชะตาทันที แคทลินมีช๊อคโกแลตกล่องใหญ่มาฝากเธอด้วยตามธรรมเนียมอเมริกัน ที่เมื่อได้รับเชิญไปรับประทานอาหารที่บ้านใครก็มักจะมีของกินเล็กๆน้อยๆ ดอกไม้หรือเหล้าติดมือมาฝากเจ้าของบ้านด้วย

เพื่อนนายทหารอีกสองคนของนิค ที่ชื่อปีเตอร์หรือเรียกสั้นๆว่าพีทและโรเบิร์ตหรือบ็อบ ต่างก็เป็นอเมริกันผิวขาวที่มีอัธยาศัย ชายหนุ่มทั้งสองมีของฝากมาด้วยเหมือนกัน คนหนึ่งหนีบเอาชีวาสมาส่งให้นิค ส่วนอีกคนมีไวน์มาฝาก ในขณะที่ดิ๊กเอาสตรอเบอรรี่สดกล่องใหญ่มาส่งให้พราวพราย

เมื่อได้รับการแนะนำให้รู้จักกัน ชายหนุ่มหน้าใหม่ทั้งสองและแคทลินต่างก็มองพราวพรายอย่างทึ่ง พวกเขาคิดตรงกันว่าผู้หญิงเอเซียอายุน้อยคนนี้สวยทั้งรูปร่างหน้าตา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผิวพรรณที่ผุดผ่องสีงามแปลกตา ภาษาอังกฤษของเธอก็ดีเยี่ยม สามารถพูดจาปราศัยกับพวกเขาได้อย่างคล่องแคล่ว ยิ่งเมื่อได้ลองชิมอาหารรสเลิศ ที่นิครีบบอกแขกทุกคนด้วยสีหน้าที่ปลาบปลื้ม ว่าเพื่อนหญิงคนนี้ของเขาลงมือทำเองทั้งหมด ต่างก็ยิ่งทึ่งเธอมากขึ้น

พราวพรายรู้สึกดีใจที่อาหารทุกจานได้รับคำชมไม่ขาดปาก แม้จะคิดอยู่บ้างว่าคนอเมริกันส่วนใหญ่ปากหวาน และอาจจะเอ่ยชมตามมารยาท แต่เมื่อเห็นว่าหลังจากที่ทุกคนทานอาหารจนอิ่มแล้ว แทบไม่มีอาหารจานไหนเหลือติดจานอยู่เลย หญิงสาวก็รู้สึกอิ่มอกอิ่มใจ อดนึกขอบคุณมารดาไม่ได้ที่อุตส่าห์จ้ำจี้จ้ำไช บังคับให้เรียนรู้เรื่องการทำอาหาร จนสามารถแสดงฝีมืออวดแขกในวันนี้ได้ ทั้งๆตอนที่ถูกคุณจิตราเคี่ยวเข็นเธอรู้สึกไม่พอใจ แถมยังต่อต้านอยู่บ่อยๆ

หลังอาหาร แขกทั้งสี่และเจ้าภาพทั้งสองตั้งวงดื่มเหล้าและคุยกันต่อ

ดิ๊กหันไปกระซิบกระซาบข้างหูนิคว่า “แฟนมึงยอดเลยว่ะ ทำกับข้าว อร่อยฉิบหาย ท่าทางเหมือนคุณหนูเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไหงทำกับข้าวเก่งวะ “

พอเห็นพราวพรายมองมาอย่างสงสัย นายดิ๊กก็ยกหัวแม่โป้งขึ้นชู

“อาหารของคุณพราวยังงี้เลย อร่อยทุกอย่าง สงสัยวันหลังต้องส่งสมพรมาให้คุณพราวช่วยสอนเสียแล้ว”

“ตกลงค่ะ พาคุณสมพรไปเที่ยวอุบลฯบ้างสิคะ จะได้คุยกันมั่ง”

นิคมองหน้าเพื่อนเขม็งเหมือนจะเตือนว่า ‘อย่าเชียวนะมึง ลองได้เจอกันเขาจะไม่แค่สอนทำอาหารน่ะสิ ดีไม่ดีสมพรรู้เรื่องชีกอของมึงหมดหรอก’

พักใหญ่ต่อมาผู้ชายสี่คนก็เคลื่อนขบวนไปยึดโต๊ะอาหาร ที่ช่วยกันเคลียร์อาหารบนโต๊ะไปไว้ในครัวจนหมด แล้วเกมโป้กเกอร์ก็เริ่มขึ้น พราวพรายชงกาแฟมาให้แคทลินแล้วลงนั่งคุยกันที่เก้าอี้ชุด ห่างจากโต๊ะอาหารไม่มากนัก

“คุณเพิ่งมาที่ค่ายครั้งแรกใช่ไหมคะ”

แคทลินถามในตอนหนึ่งของการสนทนา เธอผู้นี้ดื่มเบียร์เก่งและสูบบุหรี่พ่นควันปุ๋ยเกือบตลอดเวลา ราวกับผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่ง

“ค่ะ ครั้งแรก ไม่ใช่เฉพาะที่ค่ายนี่เท่านั้นนะคะ เวียตนามนี่ไม่เคยมาเลย ทั้งๆที่อยู่ห่างประเทศฉันนิดเดียว”

“ตอนนี้ยังมีการสู้รบกันอยู่ คงไม่มีใครค่อยอยากมา แต่ความจริงไม่ได้สู้รบกันแถวนี้หรอก ไกลออกไปพอควร แถวนี้ยังพอเที่ยวได้ ไม่อันตรายมากนัก” แล้วแคทลินก็ถามต่ออย่างสงสัยว่า “แยกกันอยู่คนละประเทศแบบนี้ไม่มีปัญหาหรือคะ เห็นนิคเข้าไปอุบลฯแค่เดือนละครั้งเอง ทำไมคุณไม่ย้ายมาอยู่กับเขาที่นี่ล่ะ”

พราวพรายอึกอัก แต่ก็ตอบเท่าที่พอจะตอบได้ว่า “ฉันต้องทำงานน่ะค่ะ” เมื่อนึกถึงข้อข้องใจขึ้นมาได้ก็รีบเลียบเคียงว่า “เข้ามาอยู่ในค่ายได้หรือคะ”

“ถ้ามาอยู่ที่นี่ประจำก็ต้องเช่าบ้านอยู่นอกค่ายค่ะ ในนี้อนุญาตให้ครอบครัวเข้ามาเยี่ยมได้เป็นครั้งคราวเท่านั้น ต้องขออนุญาตล่วงหน้าด้วย” แคทลินชี้แจง

“ทำไมถึงอยู่ไม่ได้ล่ะคะ”

“เกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยน่ะคะ” แล้วเธอก็ชวนคุยว่า “เห็นนิคบอกว่าคุณจะกลับพรุ่งนี้ คราวหลังน่าจะมาอยู่นานกว่านี้สักหน่อย นิคจะได้ไม่เหงา”

พราวพรายได้ทีก็รีบเลียบเคียงหาข้อมูลทันที

“ ความจริงก็ไม่น่าเหงานะคะ เห็นนอกค่ายมีที่ให้ไปเยอะแยะ โบว์ลิ่งก็มีแม้จะเล็กไปหน่อยแต่ก็โอเค สนุ้กอีก ร้านรวงก็แยะ อาหารการกินก็ไม่เลว มีร้านอาหารหลายร้าน เมื่อคืนเขายังพาไปทานอาหารเวียตนามที่ร้านใหญ่ร้านหนึ่งเลย เห็นเขาว่าไปที่นั่นประจำ”

“อ๋อ..สงสัยร้านดาวทอง ร้านนั้นเขามีชื่อ นอกจากอาหารอร่อยแล้วลูกสาวเจ้าของร้านยังสวยอีกด้วย ทหารหนุ่มๆที่นี่หลายคนเป็นขาประจำ แย่งกันจีบคนสวย” แล้วเธอก็หัวเราะเห็นเป็นเรื่องสนุก ในขณะที่อีกฝ่ายเริ่มอยู่ไม่สุขขึ้นมาอีกแล้ว

วงโปกเกอร์เลิกราเมื่อเกือบสองยาม แขกทุกคนเข้ามาร่ำลาและขอบคุณเจ้าภาพอีกครั้งหนึ่ง สำหรับอาหารไทยรสเลิศ พราวพรายเห็นดิ๊กดึงมือนิคให้เดินตามลงไปนอกบ้าน พูดอะไรกันสองสามคำนิคก็เดินกลับขึ้นมา 

“พราว ผมออกไปกับเจ้าดิ๊กแป๊บนึงนะ มันมีอะไรจะคุยกับผมก็ไม่รู้ ถ้วยชามพวกนั้นไม่ต้องล้างหรอก เดี๋ยวกลับมาผมจะจัดการเอง เข้านอนได้เลยนะ ไม่ต้องรอผม เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”

หน้าตาของนิคไม่ค่อยดีนัก เมื่อเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันทีของพราวพราย หญิงสาวขยับจะบ่นว่าดึกมากแล้วจะออกไปไหนอีกเล่า แต่เมื่อเห็นสายตาของดิ๊กที่กำลังมองมา เธอเลยได้แต่พยักหน้ากับนิคเป็นเชิงรับรู้อย่างไม่เต็มใจนัก

ทันทีที่แขกทุกคนและนิคลับตัวไป พราวพรายก็กระแทกตัวลงนั่งบนเก้าอี้นวมตัวหนึ่ง หน้าแฉล้มที่ยิ้มแย้มแจ่มใสต้อนรับขับสู้แขกอยู่เมื่อครู่ก่อน เปลี่ยนเป็นบึ้งตึงขึ้นมาทันควัน โมโหนิคแล้วเลยพาลโกรธไปถึงนายดิ๊กคู่หูของเขาด้วย สงสัยว่าเขามีเรื่องจะพูดกันจริงหรือจะไปที่ไหนกันต่อ หรือว่าจะไปนั่งดื่มกันต่อที่ร้านแม่เหงียนคนนั้น

เธอผลุดผลุดนั่งรอนิคอยู่อีกพักใหญ่ก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมาสักที เมื่อเหลือบดูนาฬิกาเห็นว่าเขาหายไปเกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว ก็เริ่มเดือดดาลขึ้นมาอีก ไหนว่าแป๊บเดียวไง ไอ้แป๊บเดี๋ยวของเขาน่ะหมายถึงสว่างคาตาหรือเปล่า ในที่สุดเมื่ออีกหนึ่งชั่วโมงผ่านไปพราวพรายก็คิดจะเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

เธอเหลือบไปมองถ้วยจานชามที่สุมกันเต็มอยู่ในอ่างล้างจานแล้วคิดว่า ไหนอาสาว่าจะรีบกลับมาช่วยล้างไง หรือจะแกล้งทำเป็นลืมแล้วโมเมยกให้เป็นหน้าที่ของเธอ เชอะ..จ้างก็ไม่ล้างให้หรอก ถึงจะกลับมาสว่างก็ต้องล้างเองสิ

แต่แล้วการเคี่ยวเข็ญบ่นว่าจ้ำจี้จ้ำไชของมารดา ที่ไม่เคยยอมให้เธอหรือพี่สาวทำอาหารเสร็จ แล้วเดินลอยชายออกไปจากครัว ปล่อยการเก็บล้างทำความสะอาดอุปกรณ์ทำครัวและถ้วยจานชามให้เป็นหน้าที่ของเด็กรับใช้ ทำให้หญิงสาวหยุดชะงักขาที่กำลังจะก้าวเข้าไปในห้องนอน จำเป็นและจำใจต้องลงมือล้างถ้วยจานชามเหล่านั้นเสียเอง แทนที่จะทิ้งให้มันเขรอะอยู่อย่างนั้น จนกว่าคนที่รับอาสาจะกลับมา หลังจากนั้นจึงเข้าไปอาบน้ำสระผม เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน แล้วออกมานั่งคอยนิคต่อที่ห้องข้างนอก รออยู่อีกนานเขาก็ยังไม่กลับทั้งๆที่ขณะนั้นใกล้จะตีสองอยู่แล้ว

ในที่สุดพราวพรายก็เลิกรอ เธอเดินเข้าห้องนอนล้มตัวลงบนเตียงและพยายามจะหลับ เพราะรู้สึกง่วงจนตาจะปิดอยู่แล้ว แต่ใจเจ้ากรรมที่กำลังเดือดปุดๆและระแวงเขาอยู่ไม่ทำให้หลับลงได้ หญิงสาวนอนลืมตาโพลงพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง จนได้ยินเสียงรถของนิคเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเมื่อตีสามกว่าๆ

ชายหนุ่มผู้นั้นค่อยๆย่องอย่างเงียบกริบเข้ามาในห้องนอน คิดว่าพราวพรายคงหลับไปนานแล้ว นอกจากไม่อยากทำให้เธอตื่นแล้ว ยังรู้สึกผิดอีกด้วยที่ทิ้งเธอออกไปกับเพื่อนหลายชั่วโมง ตั้งใจว่าพรุ่งนี้เช้าค่อยขอโทษเธอ แต่ทันทีที่รู้ว่าเขาเข้าประตูห้องนอนมา พราวพรายก็กดสวิชต์ไฟโคมข้างเตียงให้สว่างขึ้น ลุกขึ้นนั่งแล้วถามด้วยเสียงที่แข็งโป๊ก

“ไปไหนมา นี่มันตีเท่าไหร่แล้วรู้ไหม ไหนว่าจะไปแป๊บเดียวไง”

เสียงแข็งที่แข็งที่สุดตั้งแต่เคยได้ยินมาจากพราวพราย ทำให้นิคซึ่งค่อนข้างเมาเพราะไปดื่มต่อกับดิ๊กอีกหลายแก้ว รู้ว่าเธอคงโกรธมาก ก็เลยเดินเข้าไปนั่งข้างเธอบนเตียงแล้วกอดเธอเอาไว้ ปากที่กำลังสัมผัสไปทั่วหน้าเธอก็งึมงำกล่าวคำขอโทษ ที่เหมือนคำแก้ตัวในความเห็นของพราวพราย เธอผลักไสเขาอย่างแรง

“อย่ามายุ่งกับฉัน ตอบมาเดี๋ยวนี้นะว่าไปไหนมา นายดิ๊กพาออกไปเที่ยวข้างนอกใช่ไหม หรือไปหายายคุณเหงียนนั่น เพื่อนคุณน่ะเจ้าชู้จะตาย มีลูกมีเมียแล้วยังหลีไปทั่ว คงจะชักชวนคุณไปทำแบบเดียวกันล่ะสิ บอกมาตามตรงนะว่าไปไหนมา”

“โธ่ พราว อย่าโกรธเลยนะ ไม่ได้ไปหาใครที่ไหนหรอก ผมกับเจ้าดิ๊กก็แค่ไปกินเหล้ากันต่อแล้วเล่นสนุ้กกันนิดหน่อยเท่านั้น นานๆเจอกันที” 

“อ้อ..นานๆเจอกันทีเลยต้องหายหัวไปด้วยกันทั้งคืน แล้วฉันกับคุณล่ะ ไม่ยิ่งกว่านานๆเจอกันทีหรอกหรือ พรุ่งนี้ฉันก็จะกลับอยู่แล้วยังไม่สนใจเลย ทิ้งฉันให้อยู่คนเดียวแบบนี้ได้ไง”

เขาจะพูดอย่างไรเธอก็ไม่สนใจจะรับฟัง เพราะโกรธจนเห็นช้างเท่าหมูไปแล้ว เมื่อจำเลยเอาแต่ขอโทษอยู่อย่างเดียว ไม่ใส่ใจจะให้ข้อมูลมากกว่านั้นเพื่อคลี่คลายความระแวงของเธอ พราวพรายก็ยิ่งโมโหมากขึ้น ผลักไสเขารุนแรงยิ่งขึ้น ในขณะที่นิคถึงจะเมามากและรู้ตัวว่าผิด เริ่มนึกโกรธขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดที่ค่อนข้างก้าวร้าวของเธอ และแม้เขาจะพยายามขอโทษขอโพย บอกเล่าเหตุผลของเขา แต่เธอก็ไม่ยอมรับฟัง ไม่ยอมเข้าใจว่าเขามีเพื่อนฝูงและสังคมของเขาเองที่บางครั้งก็เลี่ยงไม่ได้

เขาไม่ได้ตั้งใจจะทิ้งเธอให้อยู่คนเดียว แต่บางครั้งก็ไม่อาจปฏิเสธเพื่อนได้ โดยเฉพาะเพื่อนตายอย่างเจ้าดี๊กที่แซวว่า เขาหลงและกลัวพราวพรายจนทิ้งเพื่อนฝูง เขาก็เลยต้องยอมออกไปกับมัน เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหาของเพื่อนไม่เป็นความจริง จะมี ‘เพื่อนหญิง’ หรือไม่มีก็ไม่มีปัญหาเพราะเธอคนนี้แสนจะใจดีใจกว้าง ไม่เคยมีข้อห้ามใดใดมาจำกัดความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน

และแล้ว..เมื่อเริ่มรู้สึกว่าพราวพรายทำอำนาจกับเขามากเกินไป ไม่ยอมรับฟังอะไรทั้งสิ้น ชายหนุ่มก็นึกโกรธขึ้นมาบ้าง เขาลุกขึ้นเงียบๆจากเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ ปล่อยให้เธอทำหน้าถมึงทึงมองตามหลังเขาไป

สองสามนาทีต่อมานิคก็ออกจากห้องน้ำ ยังอยู่ในเครื่องแต่งกายชุดเดิม เมื่อเห็นพราวพรายยังนั่งหน้าเครียดทำท่าเหมือนจะเอาเรื่องเขาต่อ นิคก็ไม่พยายามจะงอนง้อเธออีก เดินอ้อมเตียงไปล้มตัวลงนอนในที่ของเขา พร้อมที่จะหลับแล้วเพราะเมาจัด น้ำท่ายังไม่ยอมอาบเลย แต่พราวพรายที่เห็นท่าทีของนิคที่เหมือนไม่แยแสกับความโกรธของเธอ ไม่ยอมให้เขานอนหรอก

เธอเขยิบเข้าไปนั่งจังก้าใกล้ตัวเขาแล้วออกคำสั่งว่า “ยังนอนไม่ได้ ลุกขึ้นมาพูดกับฉันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้”

อีกฝ่ายลืมตาที่หนักอึ้งด้วยความเมาและความง่วงขึ้นมองหน้าเธอ ตอบด้วยเสียงขุ่นๆว่า “ไว้ค่อยพูดกันพรุ่งนี้ ผมจะนอน ง่วงจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว”

พอได้ยินคำปฏิเสธเสียงแข็งของนิค พราวพรายก็โกรธหัวหมุนจนลืมคืดหน้าคิดหลัง คว้าคอเสื้อเขาได้ก็กระชากเต็มแรง จนเสื้อผ้าไหมไทยตัวงามใหม่เอี่ยมที่เขาเพิ่งได้ใส่เพียงครั้งเดียว ขาดแคว่กตั้งแต่คอเสื้อลงมาจนถึงกลางอก

ชายหนุ่มที่กำลังจะหลับ ตกใจผลุดลุกขึ้นนั่ง เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นก็โกรธจัดเสียจนต้องกระโดดออกจากเตียง กระชากเสื้อที่ขาดออกจากตัว เหวี่ยงไปตกบนพื้นห้อง เปิดตู้เสื้อผ้า คว้าเสื้อได้ตัวหนึ่งก็สวมเข้าไปแทนตัวที่ขาดเพราะแรงอารมณ์ของพราวพราย แล้วเดินโครมครามออกไปจากห้อง กระแทกประตูปิดตามหลังเสียงดังสนั่น อีกครู่ต่อมาพราวพรายที่นั่งตกตะลึงอยู่บนเตียง ก็ได้ยินเสียงรถของเขาแล่นออกจากหน้าบ้านไป..คืนนั้นนิคไม่กลับบ้าน

พราวพรายซึ่งนอนไม่หลับเลย ตั้งแต่ตอนที่นิคผลุนผลันออกจากบ้านไป ผลุดลุกผลุดนั่งอยู่บนเตียง เดี๋ยวก็ลุกขึ้นเดินวนไปเวียนมาอยู่ในห้อง หูก็คอยฟังเสียงรถเขาว่าจะกลับเข้ามาเมื่อไร แล้วในที่สุดเมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่างรำไรโดยไม่มีแม้แต่เงาของเขา หญิงสาวก็ลุกขึ้นอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดหลวมๆแบบอยู่กับบ้าน ใจแป้วเหลือนิดเดียวเมื่อเขาไม่กลับมาทั้งคืน

สมองของพราวพรายมึนงงเพราะไม่ได้นอนเลย บวกกับความเครียดอย่างแรงกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งลุกลามจากการมีปากเสียงกันตามธรรมดาระหว่างสามีภรรยา กลายมาเป็นเรื่องการทำลายเข้าของ จากโทสะของฝ่ายหนึ่งที่คิดว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกร้อยเปอเซ็นต์ ต่อทรัพย์สินของอีกฝ่ายหนึ่ง ที่คิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดหนักหนาสาหัสเสียจนอภัยให้ไม่ได้

หลังจากเดินไปเดินมาอยู่ครู่หนึ่งพราวพรายก็จัดกระเป๋าเสื้อผ้า เตรียมที่จะกลับอุบลฯตามที่ตกลงกันไว้แล้วล่วงหน้าตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เพียงแต่ยังไม่รู้แน่ว่าจะได้ไปตอนไหน เช้า สาย บ่ายหรือเย็น เตรียมของเสร็จแล้วก็นั่งซึมอยู่ริมเตียงอีกพักใหญ่จึงเดินออกไปนอกห้องนอน ต้มน้ำชงกาแฟแก่ๆไม่ใส่น้ำตาลหรือครีมเลย แล้วนั่งจิบอยู่คนเดียวอย่างเงียบเหงา

พอได้เวลาเจ็ดนาฬิกาตรงเขาก็กลับมา แม้จะเห็นพราวพรายนั่งขรึมอยู่บนเก้าอี้ นิคก็ไม่พูดจาทักทายเหมือนเคย เขาเดินผ่านเธอเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมไปทำงานตามปกติ เสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินหน้าเครียดลงจากบ้าน ขึ้นรถแล้วขับออกไปโดยไม่แม้แต่เหลือบมองเธอ ทิ้งให้พราวพรายนั่งน้ำตาไหลพราก สะอื้นฮักๆ...สงสารตัวเอง

พลทหารแมกซ์ขับรถเข้ามาจอดหน้าบ้าน ตอนแปดนาฬิกาครึ่งแล้วเดินขึ้นมาบนบ้าน หญิงสาวที่นั่งซึมอยู่ที่เดิมเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างแปลกใจ เพราะไม่ใช่เวลาที่เขาเคยนำอาหารกลางวันมาส่งให้ ใจของเธอวูบขึ้นมาทันทีด้วยความดีใจเมื่อเห็นซองจดหมายที่เขายื่นให้

พราวพรายใจเต้นแรงด้วยความหวัง หวังว่านิคคงจะเขียนโน๊ตมาขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อคืน หรือไม่ก็อาจจะบอกให้เธอแต่งตัว รอเขามาพาไปกินอาหารกลางวันเป็นกรณีพิเศษ เพื่อเป็นการไถ่โทษ แต่เมื่อเปิดออกดู ใจที่โลดขึ้นด้วยความหวังกลับวาบลงแล้วฟุบแฟบลงไปโดยพลัน โน๊ตของเขามีข้อความเพียงสั้นๆว่า “พราว จะมีเครื่องไปอุบลฯวันนี้สามไฟลท์ 09.30 น. 12.30 และ 16.30 น. คุณจะไปไฟลท์ไหนก็บอกแมกซ์ ผมจะได้จัดการให้ นิค”

หน้าของพราวพรายซีดเผือดด้วยความผิดหวัง บวกกับความสะเทือนใจ ที่โน๊ตของเขาช่างเป็นทางการเสียเหลือเกิน เมื่อเห็นพลขับของนิคยังยืนอยู่ที่เดิมเหมือนรอคำตอบจากเธอ หญิงสาวก็แข็งใจบอกให้เขารอสักครู่ เขารับคำสั่งแล้วถอยออกไปยืนคอยนอกประตู ส่วนพราวพรายก็เดินแกมวิ่งเข้าไปในห้องนอน นั่งลงริมเตียงละล้าละลังทำอะไรไม่ถูก ถามตัวเองว่าเขาคิดอย่างไร ก่อนหน้านี้เขาเคยบอกว่าอยากให้เธอกลับอุบลฯช้าที่สุด ซึ่งเธอเข้าใจเอาเองว่าคงจะเป็นไฟลท์สุดท้ายของวัน แล้วนี่มันหมายความว่าอย่างไร ทำไมเขาต้องให้เธอเป็นคนเลือก ถ้าต้องเลือกเธอควรจะเลือกไฟลท์ไหน

ไฟลท์แรกตอนเก้าโมงครึ่งก็เร็วเกินไป ไฟลท์สุดท้ายก็ไม่แน่ใจว่าเธอจะต้องนั่งแกร่วรออยู่ที่บ้านคนเดียว จนกว่าจะถึงเวลาขึ้นเครื่องหรือเปล่า ในที่สุดพราวพรายก็ตัดสินใจเลือกไฟลท์เที่ยงครึ่ง เพราะอย่างน้อยก็เป็นเวลาพักที่นิคคงจะมาพาเธอไปขึ้นเครื่องได้โดยไม่เสียเวลาทำงาน

สมองของพราวพรายหมุนติ้วคิดอะไรมากกว่านั้นไม่ออก แต่ก็รู้ว่าไม่ควรให้พลทหารแมกซ์รอนาน เพราะเขาอาจจะสงสัยก็ได้ หญิงสาวมองหน้าที่ซีดขาวของตัวเองในกระจก พยายามปรับแววตาที่ร้าวรานและสีหน้าให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนเดินออกไปหาแมกซ์ ส่งยิ้มให้เขาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“ช่วยเรียนผู้พันว่าฉันจะกลับไฟลท์เที่ยงครึ่ง”

เมื่อพลทหารผิวดำผู้นั้นขับรถออกไปแล้ว หญิงสาวก็ลงนั่งงงอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิมที่นั่งมาตั้งแต่เช้า หยิบโน๊ตของนิคมาอ่านซ้ำอ่านซากอีกหลายเที่ยว พยายามหาคำที่อาจจะแอบซ่อนรอให้เธอตีความอยู่ ความหวังของเธอก็คือคำที่จะบอกเธอว่าเขายังมีเยื่อใย ยังรักเธออยู่เหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่อ่านแล้วอ่านเล่าก็หาคำที่ว่านั้นไม่เจอ ถ้าจะเจอก็มีแต่ความเย็นชาไร้อารมณ์ เหมือนโน๊ตทางธุรกิจจากคนแปลกหน้าคนหนึ่ง ถึงคนแปลกหน้าอีกคนหนึ่งเท่านั้นเอง

นั่งจมจ่อมอยู่เช่นนั้นอีกพักใหญ่ ใจของพราวพรายก็เริ่มมีความหวังขึ้นมาใหม่ หวังว่าจะมีโอกาสได้ปรับความเข้าใจกับนิค ตอนที่เขามารับเธอไปขึ้นเครื่อง เธอจะขอโทษเขาที่ลุแก่โทสะกระชากเสื้อเขาจนขาดวิ่นใช้การไม่ได้อีกต่อไป ถ้า..ถ้าเขายอมเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน ยอมรับผิดที่เห็นแก่เพื่อนมากไปหน่อย เธอจึงจะยอมยกโทษให้เขา แล้วกลับมาดีกันใหม่เหมือนเดิม

ประมาณ 11.00 น. พราวพรายแต่งตัวเสร็จ ออกมานั่งคอยนิคที่ห้องด้านนอก แม้จะรู้ว่าเขาคงไม่มาก่อนเที่ยง แต่ก็ยังแอบหวังว่าเขาอาจจะพอปลีกตัวมาได้ก่อนหน้านั้น เขาเองก็รู้ไม่ใช่หรือว่ากว่าจะได้พบหน้ากันอีกครั้งก็เกือบเดือน วันนี้เธอจะกลับแล้วก็ไม่ควรจะจากกันแบบมีเรื่องค้างคาใจ พราวพรายรู้ว่านิครักเธอมาก เขาเองก็คงทนไม่ได้หรอกที่จะต้องจากกันทั้งๆยังโกรธกันอยู่ ตอนนี้สีหน้าของเธอดีขึ้นเล็กน้อยแล้วด้วยความหวัง

หญิงสาวนั่งหันหน้าออกไปทางประตูหน้าบ้าน ตาจ้องเป๋งอยู่ที่ประตูสลับกับคอยชำเลืองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ แล้วเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆจนถึงเที่ยงตรง แต่เขาก็ยังไม่มา ตอนนี้ความหวังสุดท้ายของพราวพรายก็คือ หวังว่านิคจะตัดสินใจไม่ยอมให้เธอกลับวันนี้ เขาอาจจะวิทยุไปพูดกับจอห์นแล้ว ขอให้เธออยู่ที่นี่ต่ออีกวันสองวัน เพราะถ้าเขายอมให้เธอกลับไฟลท์นี้ เขาก็น่าจะมาหาเธอเสียนานแล้ว เพื่อปรับความเข้าใจกันแล้วค่อยพาเธอไปส่งขึ้นเครื่อง ใจของพราวพรายขึ้นๆลงๆไปตามอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น

ในที่สุดเขาก็มา...ก่อนเวลาเครื่องบินออกเพียงสิบห้านาที! ปากของพราวพรายที่อ้าขึ้นเพื่อทักทายเขาพลันต้องหุบสนิท เมื่อนิคเดินเข้ามาในห้องแล้วพูดกับเธอโดยไม่มองหน้า ด้วยเสียงและสีหน้าที่เรียบเฉย 

“เสร็จแล้วใช่ไหม รีบไปกันเถอะ ใกล้เวลาเครื่องจะออกแล้ว”

พอพูดจบเขาก็ก้าวสวบๆเข้ามาคว้ากระป๋าเดินทางใบเล็กของเธอ ที่วางแอบไว้บนพื้นใกล้เก้าอี้ตัวหนึ่ง แล้วเดินลงบันไดไป พราวพรายซึ่งตะลึงอยู่กับสีหน้าวาจาที่เหินห่างของเขา ค่อยๆโผเผลุกจากเก้าอี้หยิบกระเป๋าถือขึ้นสะพายไหล่ เดินอย่างเงื่องหงอยลงบันไดตามเขาไป สมองมึนงงคิดอะไรไม่ออก รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่าเขายังโกรธเธออยู่ การปรับความเข้าใจจะไม่เกิดขึ้นได้เพราะเขาไม่เปิดโอกาสให้

หญิงสาวขึ้นนั่งคู่กับเขาบนรถ ระหว่างที่ขับรถมุ่งหน้าไปที่ลานบินนิคไม่ได้พูดอะไรเลย พราวพรายที่กำลังเก้อและเงอะงะทำอะไรไม่ถูกล้วงมือลงไปในกระเป๋าถือ ควานพบแว่นกันแดดสีดำก็เอาออกมาสวม ไม่อยากให้เขาเห็นน้ำตาที่กำลังเอ่ออยู่

ใช้เวลาเพียงห้านาทีรถก็เข้าถึงลานบิน เฮลิคอปเตอร์ลำที่จะพาเธอไปจากเขาจอดรออยู่ นักบินติดเครื่องยนต์แล้ว ใบพัดยาวบนหลังคาเครื่องหมุนติ้ว พร้อมที่จะพาเฮลิคอปเตอร์โผผินขึ้นสู่อากาศ ตัวนักบินยืนรออยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นนิคเขาก็ทำความเคารพด้วยการวันทยาหัตถ์ แล้วเดินเข้ามารับกระเป๋าของพราวพรายที่ยังอยู่ในมือนิค บนเครื่องมีผู้โดยสารที่เป็นทหารนั่งรออยู่แล้วสองนาย

นิคฉวยแขนเธอพาเดินไปส่งขึ้นเครื่อง พยักหน้าให้นิดหนึ่งแล้วถอยห่างออกไป นักบินขึ้นประจำที่ แล้วภายในสองนาทีเฮลิคอปเตอร์ลำนั้นก็ยกตัวเองขึ้นช้าๆในแนวตั้ง พร้อมที่จะออกเดินทาง พราวพรายเหลียวมองนิคแวบหนึ่งผ่านแว่นดำที่สวมอยู่ เห็นเขายืนกอดอกมองมาที่เครื่อง หญิงสาวไม่แน่ใจว่าเขามองเธอหรือเปล่า เมื่อเฮลิคอปเตอร์ยกตัวขึ้นสูงได้ระดับแล้ว มันก็เคลื่อนที่ในแนวเฉียง มุ่งหน้าไปสู่จังหวัดอุบลราชธานี พราวพรายเห็นลานบินเบื้องล่างและผู้ชายที่ยืนอยู่ค่อยๆเล็กลง..เล็กลง แล้วในที่สุดก็ไม่เห็นอีกต่อไป





 

 

 



 




Create Date : 16 มีนาคม 2566
Last Update : 16 มีนาคม 2566 9:39:33 น.
Counter : 581 Pageviews.

13 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณThe Kop Civil, คุณRain_sk, คุณเริงฤดีนะ, คุณหอมกร, คุณอุ้มสี, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณkae+aoe, คุณสองแผ่นดิน, คุณกิ่งฟ้า, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณnewyorknurse

  
ช่วงนี้จะโพสต์เร็วหน่อยนะคะ เห็นใจคตอ่านที่รออ่านค่ะ หวังว่าจะสนุกนะคะ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:7:36:46 น.
  
กำลังสนุกเลยค่ะ
แต่ดูเหมือนจะลงซ้ำกัน 2-3 ครั้งด้วยนะคะ

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:8:05:56 น.
  
จอบคุณมากนะคะ คุณฟ้าฯ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:9:41:21 น.
  
ติดตามตามติดค่ะ
สนุกๆค่ะ
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:13:18:01 น.
  
ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผลน่าเบื่อมากค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:13:57:29 น.
  
โดย: สมาชิกหมายเลข 4149951 วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:14:38:56 น.
  
เส้นทางชีวิตของพราวพรายจะผ้นแปรไป ในอีกไม่นานเกินรอ
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:17:52:26 น.
  
มาอ่านต่อ
โดย: อุ้มสี วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:19:12:29 น.
  
มาอ่านต่อแล้วค่ะ เพื่งกลับจากต่างจังหวัดค่ะคุณตุ้ย ทำไมให้พระเอกนางเอกโกรธกันอีกแล้ว จะริอ่านต่อนะคะ

ติดโหวตไว้ก่อนนะคะ ไว้มาใหม่ค่ะโหวตหมดพอดี

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 16 มีนาคม 2566 เวลา:22:26:17 น.
  
สวัสดีค่ะคุณตุ้ย วันนี้มาโหวตให้แล้วและมาแก้ไขพิมพ์ผิด ด้วยค่ะ 555

จะริอ่าน แก้เป็น จะรออ่านต่อนะคะ

โหวต Literature Blog

หลับฝันดีค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 17 มีนาคม 2566 เวลา:23:10:18 น.
  
ดีเลย มีแทรกธรรมเนียมเมกัน ด้วย.. อยู่ในไทยไม่ค่อยรู้เรื่องนี้
เท่าใด นอกจากเขาเลี้ยงเรา ๆ ก็เลี้ยงตอบ

ตอนอยู่อุบล เจอทหารเมกันที่นั่นเยอะ เสียงเครื่องบินออกจากอุบล
ไปเวียตนาม เสียงดังลั่นอยู่ ๆ ไปก็ชินครับ
โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 20 มีนาคม 2566 เวลา:18:59:33 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจนะคะ
โดย: Sweet_pills วันที่: 21 มีนาคม 2566 เวลา:0:09:33 น.
  
สวัสดีค่ะคุณตุ้ย ขอบคุณที่ไปให้กำลังใจบล็อกผัดแหนมและหมูทอดนะคะ

ตามมารออ่านต่อค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 23 มีนาคม 2566 เวลา:7:32:28 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2566

 
 
 
1
3
4
5
6
7
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
27
28
29
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com