คนละฟากฟ้า - บทที่ 64
วันหนึ่งระหว่างที่กำลังพยายามหาทางที่จะสืบเสาะหาความจริง ในความสัมพันธ์ระหว่างนิคกับพราวพรายว่านิคมีความจริงใจกับเธอเพียงใด เธอตกเข้าไปอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นได้อย่างไร ด้วยความสมัครใจหรือเพราะถูกบังคับ เขตต์ก็ได้พบเพื่อนที่ชื่อพิษณุอีกครั้งหนึ่ง

“เขตต์ ได้ข่าวว่าสองวันนี้เอ็งอยู่ในอุบลฯ ข้าเองก็เพิ่งเข้ามาเมื่อวานนี้ ถ้าเย็นนี้ว่างมากินเหล้ากันหน่อยสิ”

ชายหนุ่มที่กำลังทั้งเศร้าและเหงาที่เรื่องเกี่ยวกับพราวพราย ทำให้เขาต้องพยายามตีตัวออกห่าง จากกลุ่มเพื่อนฝูงที่เคยสังสรรค์กันเป็นประจำ เช่นอรรณพและสุรเดช เพราะไม่อยากได้ยินคำล้อเลียนเกี่ยวกับหญิงสาวผู้นั้นให้แสลงใจอีกต่อไป รีบตกปากรับคำทันที เพราะกำลังต้องการเพื่อนกินเหล้าสักคน ที่อยู่นอกแวดวงเดิมที่ไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของเขา

ทั้งสองนั่งกินเหล้ากันอยู่ในร้านอาหารกึ่งเรือนแพริมฝั่งแม่น้ำมูล ตอนหนึ่งของการสนทนาพิษณุถามเขตต์ว่า “ได้ข่าวว่าเอ็งกำลังวิ่งเต้นขอย้าย จริงหรือเปล่า”

เขตต์กรอกเหล้าเข้าปากก่อนจะตอบว่า “เออ เรื่องจริง”
“ทำไมล่ะ อยู่โขงเจียมก็ดีนี่ เอ็งเป็นคนโปรดของเจ้านายไม่ใช่หรือ”

“เบื่อแล้ว ข้าขอย้ายไปจังหวัดชายแดนแถวปักษ์ใต้ เพราะเห็นว่าน่าจะง่ายกว่าไปท
างเหนือ ข้าเพิ่งรู้ว่าคำสั่งกำลังจะออกมา"

“เร็วขนาดนั้นเลยหรือวะ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ท่าทางซึมๆชอบกล” อีกฝ่ายถามอย่างมีความหมาย

“เปล่า ไม่มีอะไร” แล้วเขตต์ก็รีบกลบเกลื่อนเปลี่ยนเรื่อง “ว่าแต่มีธุระอะไรกับข้าหรือเปล่านอกจากชวนมากินเหล้า”

“ธุระของข้าน่ะไม่มีหรอก มีแต่เรื่องจะเล่าให้เอ็งฟัง”
“มีเรื่องอะไรอยากเล่าก็เล่ามา”

“เอ็งจำผู้หญิงสวยๆคนที่ควงกับฝรั่งคนนั้นได้ไหมวะ?”
อีกฝ่ายซึ่งกำลังใจลอย ขมวดคิ้ว “ผู้หญิงคนไหน?”

“ก็คนที่เราเจอที่คลับโน่นไง ที่เขามากินข้าวกับฝรั่งแล้วเข้าไปเต้นรำข้างใน ที่เอ็งลากข้าตามเข้าไปดูเขาต่อน่ะ จำไม่ได้หรือ”

เขตต์ชะงักมือที่กำลังยกเหล้าเข้าปาก จ้องหน้าเพื่อนเขม็งเมื่อนึกออกว่าเขาหมายความถึงใคร

“จะไปสนใจเขาทำไมอีกล่ะ ไม่เกี่ยวอะไรกับเราไม่ใช่หรือ"

“ไม่เกี่ยวหรอก แต่ข้ากำลังจะบอกเอ็งว่าตอนนี้ข้ารู้แล้วละว่าเคยเจอเขาที่ไหน บอกแล้วว่าข้าจำไม่ผิดหรอก เพียงแต่ตอนนั้นยังนึกไม่ออกเท่านั้น”

อีกฝ่ายยักไหล่ บอกเพื่อนอย่างเบื่อๆว่า “จะไปสนใจเขาทำไม เจอที่ไหนก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนี่หว่า ของมันเจอกันได้ เมืองมันก็ไม่ได้กว้างขวางใหญ่โตเหมือนกรุงเทพฯ คุยเรื่องอื่นดีกว่าวะ”

“เอ็งไม่อยากรู้หรือว่าข้าเคยเจอเขาที่ไหน” พิษณุทำหน้ายิ้มๆ อย่างผู้กุมข่าวสำคัญหรือน่าสนใจ “ข้าบอกแล้วว่าสองคนนั่นเขาต้องเป็นแฟนกัน เอ็งก็ยังเถียงว่าเขาแค่คนรู้จักกัน ติดต่อกันเรื่องงาน”

เขตต์ไม่ต่อความด้วย อยากจะบอกเพื่อนว่าเขารู้มากกว่านั้นอีก แต่มันเป็นเรื่องที่เขาไม่อาจเอ่ยปากเล่าให้ใครฟังได้ เพราะคนที่จะเสียหายคือผู้หญิงที่เขารัก
'
“เออ เอ็งฉลาดกว่าข้า ข้ามันโง่ดูไม่ออกเอง” เยาะหยันตัวเองเสร็จเขตต์ก็ตัดบทด้วยการถามพิษณุว่า “เอ็งพักที่ไหน โรงแรมหรือเปล่า?”

“พักบ้านน้า มาทีไรก็พักบ้านเขาทุกทีแหละ เขาเก็บห้องที่ข้าเคยอยู่ตั้งแต่เด็กไว้ให้ บ้านเขาใหญ่มีหลายห้อง”

ตอบเสร็จเขาก็วกกลับไปเรื่องเดิมอีกเพราะมีจุดประสงค์สำคัญ

“เอ็งรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นกับไอ้หรั่งนั่นเขาเป็นอะไรกัน”

อีกฝ่ายยักไหล่ ทำท่าเหมือนไม่แยแส “ก็คงเป็นแฟนกันอย่างที่เอ็งบอกเมื่อกี้มั้ง เลิกพูดถึงเขาเถิดวะ ขี้เกียจฟังเรื่องของชาวบ้าน กินเหล้าแข่งกันดีกว่าว่าใครจะเมาก่อนกัน”

พิษณุทำหน้ายิ้มๆ เมื่อบอกเพื่อนที่กำลังกรอกเหล้าเข้าปากว่า “แฟนกันน่ะยังน้อยไป เขาเป็นผัวเมียกันโว้ย รู้ไว้เสียด้วย”

คราวนี้เขตต์แทบสำลักเหล้าที่กำลังดื่มอยู่

“เอ็งว่าอะไรนะ เป็นผัวเมียกัน? วันนั้นเอ็งว่าเขาเป็นคู่รักกัน พอวันนี้กลายเป็นผัวเมียกันไปแล้ว เอ็งคิดเอาเองหรือไงวะ”

อีกฝ่ายทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะล้วงมือลงไปในกระเป๋าเสื้อเชิร์ตที่สวมอยู่ หยิบของสิ่งหนึ่งออกส่งให้เขตต์

“คนอย่างข้าน่ะหรือจะพูดอะไรโดยไม่มีหลักฐาน ดูซะให้เต็มตา”

เขตต์คลี่กระดาษที่พับเป็นรูปสี่เหลี่ยม เล็กพอที่จะยัดลงในกระเป๋าเสื้อเชิร์ตได้ออกดู แล้วก็ต้องสะดุ้งวาบอย่างคาดไม่ถึง มันคือสำเนาทะเบียนสมรสที่ระบุชื่อคู่สมรสชัดเจน จนไม่มีอะไรให้ต้องเคลือบแคลงสงสัยอีกต่อไป พราวพรายกับชายหนุ่มต่างชาติคนนั้นจดทะเบียนสมรสกันหลายเดือนแล้ว ที่อำเภออุทุมพรพิสัยในจังหวัดศรีษะเกษที่พิษณุทำงานอยู่ สมองของเขาหมุนติ้วแทบไม่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายที่ยังจ้อไม่ขาดปาก

“เดือนที่แล้วที่มาอุบลฯ ข้าไปกินเหล้ากับเพื่อนที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง เผอิญไปเจอผู้หญิงคนนี้อีก เขาไปกับเพื่อนหลายคน คนหนึ่งเป็นญาติของข้าเอง พอมีโอกาสข้าก็เลยถามชื่อผู้หญิงคนนั้น ได้ชื่อมาแล้วพอกลับไปที่อำเภอข้าก็เลยไปค้นเอกสาร เพราะตอนเจอเขาครั้งที่สองข้าก็นึกออกว่าเขาเคยมาจดทะเบียนสมรสที่อำเภอข้า ที่จำได้แม่นเพราะนอกจากเขาจะสวยแล้ว ยังเพราะวันนั้นข้าเป็นคนเซ็นต์รับรองในฐานะนายทะเบียน แทนนายอำเภอที่ไปราชการที่กรุงเทพฯ คราวนี้ชัดเจนแล้วใช่ไหมล่ะ ข้ากลัวเอ็งไม่เชื่อเพราะเอ็งมันเจ้าหลักการอยู่แล้ว เลยต้องลงทุนถ่ายเอกสารมาให้ดู ดูจบแล้วก็คืนข้าด้วยนะเว้ย อย่ายึดเอาไปให้ข้าเดือดร้อนล่ะ ถึงจะเป็นแค่สำเนาแต่ก็ยังถือว่าเป็นเอกสารทางราชการอยู่ดี"

ความจริงเจตนาที่พิษณุเอาสำเนาเอกสารดังกล่าวมาให้เพื่อนดู ก็เพราะบังเอิญรู้จากญาติของเขาที่เป็นเพื่อนกับผู้หญิงคนนั้น ว่าเธอผู้นั้นกับเขตต์เป็นคนรักกัน ชายหนุ่มรู้แล้วก็ตกใจมากและเข้าใจทันที ว่าทำไมเพื่อนของเขาจึงได้มีอาการผิดปกติ คืนที่เจอหนุ่มสาวคู่นั้นในห้องอาหาร แล้วยังตามเข้าไปดูต่อถึงห้องเต้นรำ

เมื่อกลับไปถึงที่ทำงานเขาจึงได้ค้นหาเอกสารที่เกี่ยวข้องเป็นการใหญ่ ซึ่งเมื่อรู้ชื่อคู่สมรสคนใดคนหนึ่งแล้ว ก็ไม่ยากที่จะหาเอกสารฉบับนั้นจนพบ เขาอยากจะช่วยเปิดหูเปิดตาเขตต์ไม่ให้หลวมตัวไปยุ่งกับเมียคนอื่นให้ต้องเดือดร้อนขึ้นมา จึงได้ถ่ายสำเนาทะเบียนสมรสมาให้ดูเป็นหลักฐาน เพื่อจะได้หูตาสว่างเสียที

เขตต์ซึ่งยังไม่หายตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น ยังจ้องมองข้อความในกระดาษแผ่นนั้นอยู่อย่างงงงัน เหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเอง พิษณุยื่นมือมาคว้ากระดาษออกจากมือเพื่อน แล้วยัดใส่กลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อตามเดิม

หลังจากนั้นเขตต์ก็ไม่พูดไม่จา ตั้งหน้าตั้งตาดื่มเหล้าต่ออย่างดุเดือด รู้สึกโกรธแค้นเจ็บใจไปหมดทั้งตัวเองและหนุ่มสาวคู่นั้น เจ็บใจตัวเองที่งี่เง่าไปต่อว่าต่อขาน กล่าวหาเจ้านิคคนนั้น หารู้ไม่ว่าเขาเป็นผัวเป็นเมียกันโดยถูกต้องตามกฏหมายมาหลายเดือนแล้ว ป่านนี้มันคงนึกว่าเขาทั้งบ้าทั้งเซ่อไม่ดูตาม้าตาเรือ

โกรธพราวพรายที่ทำเหมือนหลอกเขาให้หัวปักหัวปำ ทั้งๆที่มีผัวนอนกอดอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังมาเล่นละครตบตาคนอื่น พบหน้ากันก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ทำเหมือนแค่คนรู้จัก มิน่าเล่าเธอถึงปฏิเสธไม่ยอมรับสร้อยไข่มุกด์เส้นนั้น จะรับได้อย่างไรล่ะ ก็ผัวเธอนั่งหัวโด่อยู่ตรงหน้า ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นและสมเพชตัวเอง คิดไปกรอกเหล้าเข้าปากไปจนในที่สุดชายหนุ่มก็เมาพับไป จนพิษณุต้องขับรถของเขตต์พาไปส่งที่โรงแรม ที่รู้ว่าเขามาพักทุกครั้งที่เข้ามาราชการที่ตัวเมืองอุบลฯ 

เขตต์เมาต่ออีกหลายวัน เฝ้าครุ่นคิดถึงเรื่องราวทั้งหมดที่ได้รู้ได้เห็น แม้ใจหนึ่งจะยังโกรธแค้นพราวพราย ที่ทำเหมือนหลอกลวงตีสองหน้ากับเขา ทำตัวเหมือนหญิงไม่มีเจ้าของ ทั้งๆที่เป็นของชายอื่นไปแล้วโดยถูกต้องตามกฏหมาย ที่เขายังคิดไม่ออกก็คือเธอมีจุดประสงค์อะไรที่ต้องทำอย่างนั้น หมายความว่าเธอพยายามปิดบังเรื่องนี้กับทุกคนอย่างนั้นหรือ

พ่อแม่พี่น้องของเธอก็คงไม่รู้เรื่องการแต่งงานอย่างลับๆของเธอด้วยเหมือนกัน แต่อีกใจหนึ่งที่ยังห่วงใยเธอ หวังดีต่อเธอ แม้ไม่ใช่ในฐานะผู้หญิงที่หมายปองอีกต่อไปแล้ว แต่อย่างน้อยก็ในฐานะเพื่อนหรือน้องสาวคนหนึ่ง ทำให้เขตต์คิดว่าเขาจำเป็นต้องขอพบสามีของเธออีกสักครั้ง นอกจากจะขอโทษที่กล่าวหาชายหนุ่มผู้นั้นอย่างไม่เป็นธรรมแล้ว เขาก็ยังอยากจะรู้เหตุผลของคนทั้งคู่ว่าจำเป็นอย่างไรจึงต้องปิดบังเรื่องนี้ เพราะคนที่จะเสียหายคือพราวพราย

แล้วในที่สุดชายหนุ่มทั้งสองก็มีโอกาสได้พบกันอีกครั้งหนึ่ง โดยเขตต์เป็นฝ่ายติดต่อขอนัดพบ นิคมาถึงสถานที่นัดพบซึ่งเป็นผับเล็กๆแห่งหนึ่ง

“คุณยังมีอะไรจะพูดกับผมอีกหรือ” นิคซึ่งมีสีหน้าเคร่งขรึม ถามทันทีที่นั่งลงตรงข้ามปลัดอำเภอหนุ่ม “ผมนึกว่าเราหมดเรื่องพูดกันตั้งแต่วันนั้นแล้ว”

เขตต์ทำหน้าเจื่อนๆ รอจนอีกฝ่ายสั่งเหล้าผสมแก้วหนึ่งแล้วจึงเริ่มต้นว่า “ที่ผมขอพบคุณวันนี้ก็เพราะมีเรื่องจะขอโทษคุณ ผมจะย้ายออกจากอุบลฯ เร็วๆนี้ คงไม่มีโอกาสได้กลับมาที่นี่อีก จึงอยากจะขอโทษเรื่องที่เคยเข้าใจผิด”

อีกฝ่ายชะงักมือที่กำลังยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม  “จะขอโทษผมเรื่องอะไร?”

“เรื่องคุณพราวกับคุณที่ผมเข้าใจผิด” ปลัดอำเภอหนุ่มตอบด้วยสีหน้าที่เจื่อนจาง “ตอนนั้นผมยังไม่รู้ความจริง ก็เลยเข้าใจผิดคิดว่าคุณจะมาหลอกลวงคุณพราว ทำให้เธอเสียหายแล้วถึงเวลาคุณก็กลับบ้านกลับเมืองคุณไป”

นิคสะดุ้งวาบอย่ในใจ ผู้ชายตรงหน้าเขาคนนี้หมายความว่าอย่างไร เขารู้อะไรมากกว่าที่พูดออกมาวันนั้นหรือ ชายหนุ่มยกแก้วเหล้าขึ้นจิบ ตาก็มองเขตต์เหมือนจะค้นหาความจริง

 “ผมไม่รู้ว่าคุณหมายความว่าอย่างไร ที่ว่าเข้าใจผิดจนต้องมากล่าวหาผมวันนั้น แล้ววันนี้คุณเข้าใจถูกแล้วยังงั้นหรือ?” นิคถามอย่างระมัดระวัง

“คุณนิค ผมไม่อยากอ้อมค้อม พูดกันตรงๆเลยดีกว่า”

เขตต์หยุดหาคำพูดอยู่อึดใจหนึ่งก่อนจะพูดต่อไป

“เรื่องที่ผมจะพูดต่อไปนี้ผมยืนยันได้ว่าผมไม่ได้ไปเสาะหา แต่บังเอิญมีคนรู้จักเอาข้อมูลมาให้ผม โดยที่เขาก็ไม่รู้เรื่องระหว่างผมกับคุณพราว ผมจะไม่เปิดเผยตัวคนที่เอาข้อมูลมาให้ผม เพราะถึงอย่างไรคุณก็ไม่รู้จักเขา บอกได้แต่ว่าเขาไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือเจตนาร้ายอะไรกับใคร”

นิคมองหน้าอีกฝ่ายเขม็งโดยไม่ถาม

ในที่สุดเขตต์ก็กล่าวว่า “ผมเพิ่งรู้ว่าคุณกับคุณพราว จดทะเบียนสมรสเป็นสามีภรรยากันถูกต้องตามกฏหมายเมื่อหลายเดือนที่แล้ว”

แม้จะคาดคะเนเอาไว้ล่วงหน้าบ้างแล้วว่าเขตต์อาจจะมีข้อมูลสำคัญบาง อย่าง แต่ชายหนุ่มก็ยังอดตกใจไม่ได้ ถ้าเขตต์รู้แล้วเอาเรื่องไปบอกบิดามารดาของพราวพรายจะเกิดอะไรขึ้น ที่แน่ๆคือถ้าพราวพรายรู้ว่ามีคนรู้เรื่องการจดทะเบียนสมรส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นชายหนุ่มผู้นี้ที่รู้จักสนิทสนมกับทางบ้านของเธอดี เธอจะวิตกจริตมากขึ้นอีกเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรตามมา

ตอนนี้นิครู้สึกว่าพราวพรายเริ่มปรับตัวปรับใจเข้ากับชีวิตแต่งงานได้มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว ทำให้การปฏิบัติตัวต่อเขาในฐานะภรรยาดีขึ้นกว่าในระยะแรกๆ ความดื้อรั้นเอาแต่ใจตัวเองก็น้อยลงมาก เขารู้สึกว่าเธอมีความสุขมากขึ้น แต่ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาอีกพราวพรายจะเป็นอย่างไร จะเปลี่ยนกลับไปเป็นผู้หญิงเจ้าปัญหาคนเก่า ที่หวาดระแวงไปหมดทุกอย่างอีกหรือเปล่า 

“คุณรู้แล้วคิดจะทำอย่างไรต่อไป”

นิคถามเรียบๆแต่ด้วยแววตาที่คมกริบ จนเขตต์นึกละอายที่ทำตัวเหมือนเข้าไปวุ่นวาย สอดรู้สอดเห็นกับเรื่องระหว่างสามีภรรยา จนสามีเขาต้องตั้งคำถามเช่นนั้น

“ผมคงไม่ทำอะไรนอกจากขอโทษคุณ ที่กล่าวหาว่าคุณจะมาหลอกคุณพราว คุณนิค ผมเสียใจจริงๆ หวังว่าคุณคงจะไม่ถือโทษโกรธผม”

อีกฝ่ายอึ้งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “โอเค เมื่อคุณเข้าใจและขอโทษแล้ว ผมก็คงไม่มีอะไรติดค้างกับคุณ ที่ผมถามว่าคุณคิดจะทำอะไรต่อไป ก็เพราะผมรู้ว่าครอบครัวของคุณกับครอบครัวพราวรู้จักสนิทสนมกัน ผมจึงอยากจะขอร้องให้คุณช่วยเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับด้วย เพราะทางบ้านของพราวยังไม่รู้เรื่องที่เราจดทะเบียนกัน ผมไม่อยากให้เธอกังวลมากไปกว่านี้”

“เรื่องนั้นคุณไม่ต้องห่วงหรอก นอกจากจะไม่ใช่เรื่องของผมแล้ว ผมยังไม่เคยคิดจะทำร้ายคุณพราว ด้วยการเอาเรื่องส่วนตัวที่เธอยังไม่อยากเปิดเผย ไปบอกคนอื่น หรือฟ้องทางบ้านให้เธอต้องเดือดร้อน”

เขตต์รีรอชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งด้วยการยกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะพูดต่อว่า “ คุณจะว่าผมละลาบละล้วงเข้าไปในเรื่องส่วนตัวของคุณสองคนหรือเปล่า ถ้าผมจะขอถามในฐานะเพื่อนคนหนึ่งของคุณพราว ว่าคุณหรือคุณพราวมีเหตุผลอะไรถึงจดทะเบียนกันเฉยๆ สังคมของที่นี่โดยเฉพาะพ่อแม่ของฝ่ายหญิง ยังต้องการให้ลูกสาวได้รับการยอมรับจากสังคม ด้วยการจัดงานแต่งงานให้คนทั่วไปได้รับรู้ ถือเป็นการให้เกียรติฝ่ายหญิงและครอบครัวของเธอ”

“ความจริงผมตั้งใจที่จะทำทุกอย่าง เพื่อเป็นเกียรติแก่พราวพรายและครอบครัวของเธอ แต่เธอยังไม่พร้อม ผมเคยเสนอเธอตั้งแต่แรกเรื่องจัดงาน แต่เธอไม่อยากให้จัดเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้ กลัวว่าถ้ามีใครสักคนรู้ เรื่องอาจจะไปถึงพ่อแม่ของเธอ เธอกลัวพ่อแม่จะรับไม่ได้ เพราะก่อนหน้านั้นไม่นานพี่สาวของเธอก็แต่งงานไปกับคนอเมริกัน” นิคอธิบายด้วยเสียงเรียบๆ

ตอนนี้เขตต์เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ว่าทำไมพราวพรายจึงปิดบังเรื่องนี้ เขารู้แล้วก็นึกเห็นใจเธอที่ต้องคอยแอบๆซ่อนๆปิดบังคนรอบตัว จนทำให้หมดความสุข แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเธอมีเหตุผลหรือความจำเป็นอย่างไรจึงต้องรีบร้อนจดทะเบียนสมรส ทำไมจึงไม่คบกันไปเรื่อยๆก่อน แล้วค่อยหาทางโน้มน้าวบิดามารดาให้เห็นชอบด้วย เมื่อได้รับอนุญาตจึงค่อยแต่งงานกันอย่างเปิดเผยให้สังคมรับรู้

ชายหนุ่มคิดโดยเอากฏเกณฑ์ทางบ้านของตัวเองมาเป็นตัวตัดสิน เขารู้ว่าถ้าเขามีกรณีคล้ายๆกับพราวพราย แม้บิดามารดาของเขาจะไม่ชอบผู้หญิงที่เขารักและอาจจะขัดขวางอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นความจริงจังของเขาแล้ว ในที่สุดก็จะอนุญาตให้แต่งงานกัน โดยเอาความสุขของเขาเป็นที่ตั้ง

“ตอนนี้คุณพราวน่าจะพาคุณไปพบคุณพ่อคุณแม่ของเธอได้แล้ว ผมไม่คิดว่าพวกท่านจะกีดกันอะไรอีก คุณพ่อของคุณพราวเป็นคนเรียบง่ายไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คุณแม่ของเธออาจจะมีปัญหาบ้าง แต่ก็คงจะเข้าใจและรับได้กระมัง เพราะเรื่องก็ล่วงเลยมาถึงป่านนี้แล้ว”

อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ว่าอย่างไร แม้จะรู้ว่าเขตต์เจตนาดีต่อพราวพราย แต่ก็เห็นว่าเป็นเรื่องที่พราวพรายควรจะตัดสินใจเอง เธอคงจะรู้จักบิดามารดาของเธอดีกว่าใคร

นิคเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่น “เมื่อกี้คุณบอกว่ากำลังจะย้าย ทำไมกระทันหันนัก”

เขตต์หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เขาเริ่มวิ่งเต้นขอย้ายเมื่อไม่นานมานี้ หลังจากรู้เรื่องที่พราวพรายไปค้างที่อพาร์ตเม้นท์ของนิค

“ผมย้ายได้เร็วกว่าปกติเพราะอำเภอที่จะย้ายไปนี้หาคนไปลงได้ยาก มันค่อนข้างกันดาร อยู่สุดเขตชายแดนทางใต้ ตำแหน่งที่นั่นว่างมานานแล้ว ถ้าเป็นที่อื่นคงจะต้องใช้เวลามากกว่านี้”

ชายหนุ่มเข้าใจทันทีว่าทำไมเขตต์จึงดิ้นรนขอย้ายออกจากอุบลฯ เขารู้สึกเห็นใจเขตต์ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะช่วยอะไรได้

“คุณมีอะไรจะพูดกับผมอีกไหม?” นิคถามในที่สุด

“ผมก็แค่อยากจะบอกคุณตามตรงว่า ตอนแรกเมื่อรู้เรื่องของคุณกับคุณพราว ผมทั้งโกรธและเสียใจ ไม่ยอมเชื่อว่าเธอชอบผมแบบเพื่อนเท่านั้น แต่ตอนนี้ผมไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว ถึงผมจะเสียใจที่คุณพราวปฏิเสธผม แต่ก็พอจะหักใจได้ที่เธอได้แต่งงานกับคนที่เธอรัก ผมเชื่อว่าคุณพราวรักคุณ เพราะถ้าไม่รักเธอคงไม่แต่งงานกับคุณ ทั้งๆที่รู้ว่าจะต้องมีปัญหาใหญ่ทางบ้าน”

เขตต์ลังเลอยู่เดี๋ยวหนึ่งก่อนจะกล่าวต่อไปว่า “ผมหวังว่าในอนาคตไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นก็ตาม คุณจะไม่ทำให้เธอเสียใจ ผมขอแสดงความยินดีด้วยที่คุณได้ความรักของเธอ และขออวยพรจากใจจริงอย่างเพื่อนคนหนึ่ง ขอให้ชีวิตคู่ของคุณกับคุณพราวมั่นคงยืนยาวตลอดไป”

นิคมองหน้าปลัดอำเภอหนุ่ม เขาเห็นความจริงใจและความเป็นลูกผู้ชายผู้รู้แพ้รู้ชนะ ฉายชัดอยู่ในดวงตาของเขตต์ เมื่อเขตต์ยื่นมือมาให้จับก่อนจากกัน นิคก็จับมือนั้นเป็นสัญญาณของความเข้าใจและการลาจากกันอย่างสุภาพบุรุษ

นิคนั้นแม้จะยังกังวลอยู่บ้างกับเรื่องที่มีคนล่วงรู้ เรื่องที่พราวพรายต้องการปิดเป็นความลับ ขับรถกลับที่พักด้วยความรู้สึกโล่งใจที่เขตต์ตกปากรับคำ ที่จะไม่เอาเรื่องการจดทะเบียนสมรสระหว่างพราวพรายกับเขา ไปเปิดเผยต่อคนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งบิดามารดาของเธอ นิคไม่เคลือบแคลงใจสงสัยแม้แต่น้อยกับคำยืนยันของชายหนุ่มผู้นั้น เขาเชื่อว่าเขตต์เป็นคนจริง เป็นลูกผู้ชายที่จะไม่ผิดคำพูดกับใคร

อย่างไรก็ตาม นิคคิดว่าแม้จะไม่เล่าเรื่องเขตต์ให้พราวพรายฟัง แต่เขาก็จะต้องพูดกับเธอให้รีบตัดสินใจ พาเขาไปสารภาพเรื่องการแต่งงานกับบิดามารดาโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เรื่องจะรั่วหลุดไปเข้าหูคนอื่นๆ จนกลายเป็นปัญหาใหญ่ขึ้นมา ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเชื่อแล้วว่าความลับไม่มีในโลก

 



Create Date : 19 เมษายน 2566
Last Update : 19 เมษายน 2566 9:37:12 น.
Counter : 572 Pageviews.

7 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณThe Kop Civil, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณหอมกร, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณtoor36, คุณปัญญา Dh, คุณปรศุราม, คุณJohnV, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณดาวริมทะเล

  
พราวพรายกำลังจะเผชิญกับชตากรรมที่เลี่ยงไม่ได้ในบทต่อไป
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 19 เมษายน 2566 เวลา:16:29:54 น.
  
แปลว่าจะเจอแม่บริภาษใส่ใช่มั๊ยคะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 20 เมษายน 2566 เวลา:7:20:39 น.
  
วันนี้โหวตไม่ได้แจ้งว่าโหวตไปแล้วค่ะ ออกจะงง อิอิ

มาอ่านต่อแล้วค่ะ

โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 20 เมษายน 2566 เวลา:7:38:20 น.
  
แย่กว่านั้นค่่ะ คุุณหอม
โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 20 เมษายน 2566 เวลา:10:37:04 น.
  
ตามมาอ่านครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 20 เมษายน 2566 เวลา:11:15:52 น.
  
สวัสดีค่ะแวะมาทักทายค่ะ
โดย: นาฬิกาสีชมพู วันที่: 21 เมษายน 2566 เวลา:17:03:44 น.
  
ขอบคุณพี่ตุ้ยสำหรับกำลังใจนะคะ

โดย: Sweet_pills วันที่: 22 เมษายน 2566 เวลา:1:09:53 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
เมษายน 2566

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
9
10
11
12
14
15
16
17
18
20
21
22
23
25
26
27
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com