คนละฟากฟ้า - บทที่ 76
เจิดจรัสเริ่มคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ เมื่อเห็นความผูกพันระหว่างนิกกี้และชายหนุ่มที่ชื่อนิค ซึ่งตอนนี้กลายเป็นแขกประจำบ้านคนสำคัญไปแล้ว เวลาที่นิคแวะมาที่บ้านเด็กชายจะวิ่งเข้าหาเขา ร้องขอให้อุ้มบ้าง ให้เล่นด้วยบ้าง ติดแจอยู่ข้างๆเขาเกือบตลอดเวลา ลดความดื้อและการแผลงฤทธ์เวลาไม่ได้ดังใจลงไปได้มาก เชื่อฟังคำสั่งสอนของเขาอีกด้วย

ชายหนุ่มผู้นั้นก็เช่นเดียวกัน จากการลอบสังเกตอย่างใกล้ชิด เจิดจรัสเชื่อว่าเขารักและเอ็นดูหลานของเธออย่างจริงใจ บางครั้งที่นิกกี้ป่วยแม้แต่เพียงเป็นไข้หวัดเล็กๆน้อยๆ เขาก็จะอนาทรร้อนใจคอยแวะเวียนมาเยี่ยม ซื้อของเล่นมาให้ซึ่งก็ไม่ได้เจาะจงให้แต่นิกกี้คนเดียวเท่านั้น ทุกครั้งที่ซื้อของเล่นมาให้หลานของเธอ ริกกี้ก็จะพลอยได้รับของเล่นชิ้นหนึ่งไปด้วย

เจิดจรัสซึ่งมองเห็นอนาคตและคุณสมบัติดีดีหลายอย่างในตัวนิค นอกเหนือไปจากความรักความเอ็นดูของเขาต่อหลานตัวน้อยของเธอแล้ว คิดว่าเขาน่าจะเป็นพ่อให้นิกกี้ได้ แม้จะรู้ว่าจูดี้กับนิคกำลังคบหากันอยู่อย่างจริงจัง แต่เจิดจรัสผู้ไม่ค่อยอินังขังขอบกับกฏเกณฑ์หรือแบบแผนใดๆมากนัก คิดว่าตราบที่คนทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานกัน ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทั้งสองฝ่ายย่อมมีโอกาสที่จะเปลี่ยนใจได้เสมอ ถ้าได้พบคนอื่นที่ถูกใจหรือเหมาะสมมากกว่า น้องสาวของเธอก็เพิ่งอายุยี่สิบหกปีกว่าๆเท่านั้น แม้จะมีลูกแล้วแต่ก็ยังสาวและสวยโดดเด่นมาก โดยเฉพาะผิวสีน้ำผึ้งหรือที่คุณจิตราชอบค่อนขอดว่าสีชาผสมนมสด ที่พวกฝรั่งเห็นว่ามีเสน่ห์น่าหลงใหล

เจิดจรัสคิดว่าที่พราวพรายยังไม่ยอมลงเอยกับใครง่ายๆก็คงเพราะเป็นห่วงลูก เธอคงพยายามมองหาผู้ชายคนที่สามารถจะเข้ากับนิกกี้ได้และไม่รังเกียจเขา ยิ่งคิดหญิงสาวก็เห็นว่าไม่มีใครอีกแล้ว ที่จะเหมาะสมลงตัวเท่านิค เจิดจรัสไม่เคยคิดจะสนับสนุนให้น้องสาวแต่งงานกับผู้ชายไทย เพราะเธอเชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่ ยังไม่ใจกว้างพอที่จะรับผู้หญิงลูกติด มาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาได้

ระหว่างที่พราวพรายยังอยู่ในอังกฤษ เจิดจรัสก็วางแผนเชื่อมความผูกพันระหว่างหลานของเธอกับนิคให้กระชับแน่นขึ้นเรื่อยๆ เธอรู้ว่าชายหนุ่มพักอยู่ในบ้านพักนายทหารตามลำพัง เพราะจูดี้เล่าให้เธอฟังเองว่าไม่เคยไปค้างที่บ้านพักของนิค เขาจะเป็นฝ่ายมาค้างที่อพาร์ตเมนท์ของจูดี้ ดังนั้นบางคืนที่นิกกี้อาละวาดไม่ยอมให้ชายหนุ่มผู้นั้นกลับบ้าน และบางครั้งถึงกับร่ำร้องจะตามเขาไปที่บ้านด้วย เจิดจรัสก็จะทำเป็นรำคาญเสียงคร่ำครวญของเด็กชาย แล้วพูดทีเล่นทีจริง อนุญาตให้นิคพานิกกี้ไปค้างในค่ายทหารได้ ซึ่งนิคก็พานิกกี้ไปค้างกับเขาด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มอกเต็มใจ

เธอจะเลือกอนุญาตเฉพาะคืนวันศุกร์หรือวันเสาร์นานๆครั้งเท่านั้น แต่ถ้าคืนดังกล่าวชายหนุ่มมีนัดไปค้างคืนกับจูดี้ เขาก็จะอึกอักแล้วบอกเจิดจรัสว่าเขามีธุระ คงจะไม่ได้กลับไปนอนที่บ้าน แผนการของเจิดจรัสเดินหน้าไปเรื่อยๆด้วยดี จนชายหนุ่มและหลานชายตัวน้อยของเธอติดกันแจราวพ่อกับลูกอย่างที่เธอต้องการ ในขณะเดียวกันหญิงสาวก็คอยโทรศัพท์ป้อนข้อมูล ความสัมพันธ์ดังกล่าวนี้ แก่พราวพรายเป็นระยะๆ อย่างใจเย็นแต่หวังผลหลายสิบเปอร์เซ็นต์

ครั้งหนึ่งพราวพรายถามว่า “เขาชื่ออะไรหรือคะ พี่เจิดพูดถึงเขาให้ฟังไม่รู้กี่ครั้งแล้ว แต่ป่านนี้พราวยังไม่รู้เลยว่าคนที่นิกกี้ติดเขาแจน่ะเป็นใคร ชื่ออะไร”

เจิดจรัสสมคะเนเมื่อรู้สึกว่าน้องสาวเริ่มสนใจ แต่ก็ทำเป็นเล่นตัวว่า “ก็เธอไม่เคยถามนี่ พี่ก็เลยนึกว่าเธอไม่สนใจเรื่องที่พี่เล่าน่ะสิ”

พราวพรายหัวเราะขำพี่สาว “โธ่ พี่เจิด ถึงตอนนี้ก็ไม่ได้สนใจหรอก แต่เห็นหมู่นี้พี่เจิดโทรมาหาพราวบ่อยกว่าเก่ามาก แล้วก็มีแต่เรื่องตาคนนี้กับนิกกี้มาเล่าทุกครั้ง พี่บอกว่าเขาดีกับลูกของพราวมาก พราวก็ต้องอยากรู้จักเขาบ้างน่ะสิ ตกลงเขาเป็นใครชื่ออะไรเล่าคะ กลับไปที่โน่นเมื่อไรพราวจะได้ถือโอกาสขอบคุณเขาบ้าง”
“เขาชื่อนิค..”

ขาดคำของพี่สาวใจของพราวพรายก็กระตุกแล้ววาบหาย เขาชื่อนิค..นิคงั้นหรือ? นิคของเธองั้นหรือ? หัวใจของเธอโลดขึ้น แต่แล้วอึดใจต่อมาก็นึกถึงความจริงขึ้นมาได้ว่านิคของเธอตายแล้ว ตายไปตั้งสี่ปีแล้ว ผู้ชายอเมริกันชื่อนิคหรือนิโคลัสกันนับล้าน ชื่อผู้ชายอเมริกันมีอยู่เพียงไม่กี่ชื่อเช่น ทอม ดิ๊ก เฟรด แฟรงค์ บิลลี่ จอห์น วิลลี่ ฯลฯ วนเวียนอยู่แค่นี้แหละ ไม่เหมือนชื่อคนไทยที่มีมากมายหลากหลาย

เมื่อทำใจได้เป็นปกติแล้วหญิงสาวก็ถามต่อไป เพียงเพื่อเอาใจเจิดจรัส “นิคของพี่เจิดคนนี้ทำงานอะไรหรือคะ”

“เป็นทหารจ้ะ เคยไปรบที่เวียตนามด้วยนะ แต่คงไม่เคยไปเมืองไทยหรอก”

“เป็นทหาร?”

พราวพรายทวนคำ หัวใจเต้นระริกระรัวขึ้นมาอีก ชื่อก็เหมือนกันแล้วยังเป็นทหารที่รบในสงครามเวียตนามเหมือนกันอีก แม้ใจของเธอจะคร่ำครวญเช่นนั้น แต่หญิงสาวก็รู้ว่าทหารอเมริกันที่ไปรบในสงครามเวียตนามและชื่อนิค มีจำนวนที่นับไม่ถ้วนเหมือนกัน เอาแค่ทหารอเมริกันประมาณยี่สิบคนที่เธอเคยรู้จักตอนทำงานอยู่ที่อุบลฯ ก็ปาเข้าไปตั้งสี่ห้าคนแล้ว ที่สำคัญคือนายนิคของพี่สาวคนนี้ จัดว่าเป็นคนโชคดีที่ได้กลับบ้าน ไม่ได้เอาชีวิตไปทิ้งไว้ในสมรภูมิกลางป่าเวียตนามเหมือนนิคของเธอ

เมื่อเจิดจรัสเล่าเรื่องที่ชายหนุ่มคนนั้น พานิกกี้ไปค้างด้วยบ่อยๆในค่ายทหาร พราวพรายก็ท้วงว่า

“จะเหมาะหรือคะพี่เจิด ตานิคคนนี้เขามีแฟนแล้วไม่ใช่หรือ แฟนเขาจะชอบใจหรือคะ ที่ตานี่เที่ยวเอาลูกคนอื่นไปค้างอ้างแรมด้วย”

“อ้าว..พราวรู้ได้ยังไงว่าเขามีแฟนแล้ว” พี่สาวชักสงสัย

อีกฝ่ายหัวเราะเสียงใส “โธ่ พี่เจิด ยังไม่แก่สักหน่อยทำไมขี้ลืมจัง ก็พี่เจิดเองแหละที่เล่าให้พราวฟัง ว่าตาคนนี้เขาคบอยู่กับหมอผู้หญิงคนนึง พราวจำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร ที่เป็นลูกน้องของแฟรงค์ไงคะ”

พอนึกขึ้นมาได้ เจิดจรัสก็รีบแก้ไขข้อมูลโดยเร็ว

“อ๋อ..หมอจูดี้ จริงแหละ พี่นึกออกแล้วว่าเคยเล่าให้เธอฟัง นิคกับจูดี้คบกันอยู่ก็จริง แต่จูดี้ไม่เคยไปค้างในค่ายทหารหรอกนะ นิคเขาอยู่คนเดียวแหละ พี่เคยไปดูบ้านพักเขามาแล้วละ น่าอยู่ทีเดียว สนามเด็กเล่นในค่ายก็ใหญ่โต เครื่องเล่นเพียบ นิคเคยพาริกกี้กับนิกกี้เข้าไปเล่นบ่อยๆ”

หยุดคิดหาคำพูดอยู่อึดใจหนึ่ง หญิงสาวก็กล่าวต่อว่า “สองคนเนี่ยคงไม่ลงเอยกันง่ายๆหรอก เธอก็รู้ไม่ใช่หรือว่าฝรั่งส่วนมากเขาก็ทดลองอยู่กันพักเดียวเท่านั้น ถ้าถึงเวลานึงแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้าเขาก็มักจะเลิกรากันไป แล้วพูดก็พูดเถอะนะพราว เท่าที่พี่เห็นน่ะ จูดี้ชอบผู้ชายคนนี้มากและคงหวังจะได้แต่งงานกับเขา แต่ฝ่ายผู้ชายน่ะสิ ค่อนข้างดูยาก พี่เห็นเขาเฉยๆนะ”

“ก็เรื่องของเขาสองคนนี่คะ พี่เจิด อย่าไปวุ่นวายกับเขาดีกว่า”

“พี่ก็ไม่ได้วุ่นวายอะไรนี่ เพียงแต่เห็นว่าเขากับนิกกี้รักใคร่กันมาก ลูกเธอน่ะติดเขาแจเชียว พี่ก็เลยฝันไปไกลว่าถ้าได้เขามาเป็นพ่อของนิกกี้ ก็คงจะดีไม่น้อย”

พราวพรายหัวเราะขันพี่สาวอีก “โธ่ พี่เจิด พี่ก็รู้ว่าคนอย่างพราวไม่ชอบแย่งแฟนใครหรอก มันตลก ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก อย่าพยายามเชียร์นักเลย ให้เขาแต่งกับหมอจูดี้ไปเถอะ ส่วนนิกกี้น่ะก็อย่าให้ไปวุ่นวายกับสองคนนี่บ่อยนัก จะไปค้างกับเขาบ้างก็ได้ แต่แค่นานๆครั้งก็พอ พราวไม่อยากให้นิกกี้กลายไปเป็นตัวขวางใคร”

เจิดจรัสนึกขวางน้องสาวขึ้นมาบ้างแล้ว เลยทำเสียงขุ่นๆก่อนจะตัดสัญญาณโทรศัพท์ 

“ตามใจเธอก็แล้วกัน แล้วอย่ามานึกเสียดายเขาทีหลังล่ะ”

คราวหนึ่งนิคไปราชการที่ฮาวายหนึ่งสัปดาห์ ช่วงที่เขาหายตัวไปนิกกี้หงุดหงิดมาก ร้องไห้อาละวาดหาเขาอยู่บ่อยๆจนเจิดจรัสนึกสงสาร และทันทีที่ชายหนุ่มแวะเอาของฝากมาให้ในวันรุ่งขึ้นหลังกลับจากฮาวาย นิกกี้ก็วิ่งวุ่นวายอยู่รอบตัวเขา ในมือถือกล่องของเล่นที่เขาซื้อมาฝาก เด็กชายยังไม่ยอมแกะกล่องของเล่นของตัวเอง เฝ้าแต่เซ้าซี้ริกกี้ให้แกะกล่องของฝากจากนิคเพื่อจะขอดู ส่วนริกกี้ก็ไม่ยอมแกะเหมือนกัน เพราะรู้ว่านิกกี้จอมเจ้าเล่ห์จะขอเล่นด้วย ส่วนของตัวเองจะเก็บเอาไว้ก่อนและไม่เคยยอมให้เขาเล่นด้วย

ตอนที่นิคกำลังจะกลับนั่นเองที่นิกกี้ซึ่งหายหงุดหงิดไปแล้ว กลับแผลงฤทธิ์ขึ้นมาใหม่ ร่ำร้องจะตามไปค้างกับชายหนุ่มที่ในค่าย เจิดจรัสซึ่งคิดว่านิคคงจะไปค้างกับจูดี้ เพราะไม่ได้พบกันกว่าสัปดาห์แล้ว ไม่อนุญาตให้ไป ผลก็คือเด็กชายขว้างกล่องของเล่นในมือกระเด็นไป แล้วลงนอนดิ้นปั้ดๆอยู่บนพื้น ปากก็ส่งเสียงกรีดกราดดังไปทั่วบ้าน ชายหนุ่มหน้าเสีย นั่งลงบนพื้นใกล้ตัวนิกกี้ พยายามปลอบเขาว่าคืนพรุ่งนี้จะมารับไปค้างด้วย แต่ไม่ได้ผล เด็กชายตัวน้อยไม่ฟังเสียง ร้องไห้สะอึกสะอื้นคร่ำครวญไม่ยอมหยุดจนนิคต้องยอมแพ้

“ให้เขาไปกับผมเถิดครับ คุณเจิด พรุ่งนี้ผมจะพามาส่ง” เขาบอกเจิดจรัส

หญิงสาวเห็นสีหน้าเจื่อนๆของนิคก็เข้าใจได้ทันที ว่าคืนนี้เขาคงนัดกับจูดี้เอาไว้ แต่เธอก็ทำไม่รู้ไม่ชี้ ออกไปสั่งซูซี่ให้จัดเสื้อผ้าของนิกกี้ใส่กระเป๋าเล็กๆ แล้วนำมาส่งให้ชายหนุ่ม พอเห็นเช่นนั้นเด็กชายก็หยุดร้องไห้เป็นปลิดทิ้ง ลุกขึ้นได้ก็วิ่งไปคว้ากล่องของเล่นที่กลิ้งอยู่บนพื้นห้อง วิ่งเข้าไปหานิคอย่างรวดเร็ว พร้อมที่จะตามเขาไปทันที

ก่อนขึ้นรถชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจูดี้ ขอโทษที่ต้องเลื่อนนัดออกไปเป็นคืนพรุ่งนี้โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผล

ระหว่างที่นั่งรถไปด้วยกันเด็กชายก็ถามว่า “อังเคิลนิค....ร๊าก..นิกกี้มั้ย”
“รักสิ นิกกี้ล่ะรักอังเคิลนิคมั่งมั้ย”

“ ร๊ากสิ นิกกี้..ร๊ากมอมมี้ ร๊ากมอมมี้แม่ ร๊ากแดดดี้ ริกกี้ แล้วก้อ..อังเคิลนิค ”

ชายหนุ่มขมวดคิ้วกับคำว่า ‘มอมมี้แม่’ ของเด็กชาย “ใครเป็นมอมมี้แม่ของนิกกี้ล่ะ”

นิกกี้ทำปากยื่น ตอบว่า “ก๊อ..มอมมี้แม่ไง๊ อังเคิลนิคไม่รู้จักเหรอ”

“ไม่รู้จักหรอก แปลว่าอะไรล่ะ มอมมี้ก็มอมมี้สิ ทำไมต้องมีแม่ด้วยล่ะ” นิคแกล้งท้วงอย่างขำๆ นึกว่าเขาพูดผิด

เด็กชายทำท่าคิดอยู่สักครู่ ก็บอกอ่อยๆว่า “ก๊อ..มอมมี้แม่ไง๊ “

ชายหนุ่มส่ายหน้ายิ้มๆกับคำตอบแบบไปไหนมาสามวาสองศอก แล้วเปลี่ยนเรื่อง

“นิกกี้ อังเคิลนิคถามหน่อยนะ ทำไมนิกกี้ชอบแกล้งริกกี้นักล่ะ แล้วก็เวลาอังเคิลนิคซื้อของเล่นให้ ทำไมนิกกี้ไม่เอาของตัวเองออกมาเล่น ทำไมต้องขอเล่นของริกกี้ก่อน”

นิกกี้อมยิ้มจนแก้มตุ่ย ทำตาเจ้าเล่ห์ “ก้อ..ก้อ นิกกี้อยากเล่นของริกกี้นี่”

ชายหนุ่มหัวเราะแล้วสอนว่า “ไม่ดีหรอกนะ นิกกี้ต้องไม่อยากได้ของคนอื่น อังเคิลนิคซื้อมาให้แล้วก็เล่นของนิกกี้เองสิ ไปแย่งเล่นของริกกี้ได้ยังไง ทำแบบนี้เขาเรียกว่าเด็กเจ้าเล่ห์ รู้มั้ย”

“รู้สิ มอมมี้บอกว่านิกกี้เจ้าเล่ห์เหมือน..เหมือน..มอมมี้แม่เลย” แล้วเด็กชายก็หัวเราะชอบใจ

“เอาอีกแล้ว มอมมี้แม่อีกแล้ว”

ชายหนุ่มกับเด็กน้อยโต้ตอบกันแบบนี้ไปตลอดทาง จนรถแล่นมาถึงหน้าบ้านในค่ายทหารซึ่งมีรถจอดอยู่แล้วคันหนึ่ง เจ้าของรถนั่งรออยู่ที่หมู่เก้าอี้บนลานหน้าบ้าน

“อ้าว ไอ้ดิ๊ก มารอกูหรือ” นิคทักทายเพื่อนหลังจากลงจากรถ มีนิกกี้เดินตามมาติดๆ

“เออ กูมารอมึงเป็นชั่วโมงแล้ว” นายดิ๊กมองเด็กชายที่อุ้มกระเป๋ามีหูหิ้วใบเล็กมีลายการ์ตูนอย่างสงสัย “ลูกใครวะนั่น”

นิคไม่ตอบ แต่หันมาสั่งนิกกี้ว่า “นิกกี้ สวัสดีอังเคิลดิ๊กก่อน”
“ไฮ อังเคิลดิ๊ก” เด็กชายทักดิ๊กแล้วชี้ตัวเอง “นิกกี้..ชื่อนิกกี้”

“หวัดดี เจ้าหนู” ดิ๊กทักตอบแล้วถามเพื่อนว่า “ลูกใครวะ น่ารักดีนี่หว่า เอ๊ะ..หรือลูกมึง”

“ไอ้บ้า เข้าบ้านเถอะ”

คนทั้งสามเดินตามกันเข้าไปในบ้าน นิกกี้ซึ่งมาค้างที่บ้านหลังนี้บ่อยๆ หอบกระเป๋าเสื้อผ้าวิ่งตั้กๆ เข้าไปวางไว้บนเตียงนอนในห้องนอนของนิค ส่วนสองหนุ่มนั่งลงด้วยกันบนเก้าอี้ชุดใหญ่ในบริเวณโถงกว้าง นิคกับดิ๊กไปเจอกันที่ฮาวายแล้วบินกลับมาวอชิงตัน ดีซี.ด้วยกัน

“มีธุระอะไรกับกูหรือเปล่า”
“ไม่มีหรอก มาหาเหล้าแดกเท่านั้น”
“จะเอาเหล้าหรือเบียร์ก็หยิบเอาเอง กูขอไปดูไอ้หนูนั่นหน่อย”
“ลูกใครวะ” ดิ๊กถามเป็นครั้งที่สาม “ทำไมมาอยู่กับมึงได้ล่ะ”
“ลูกคนรู้จัก มาค้างที่นี่หลายครั้งแล้ว”

นิคเดินเข้าไปในห้องนอน เห็นนิกกี้ยืนเปลือยกายอยู่หน้าเตียง กำลังหยิบกางเกงและเสื้อนอนลายมิกกี้เมาท์มาสวมอยู่ พอหันมาเห็นชายหนุ่มเขาก็ทำท่าเขิน ยกมือขึ้นปิดป้องส่วนสำคัญเอาไว้ ทำให้ชายหนุ่มยิ้มขันๆ

“อายอะไรล่ะ อังเคิลนิคก็มีเหมือนนิกกี้แหละ” แล้วก็ถามว่า “อาบน้ำหรือยังน่ะ”
เด็กชายตอบเสียงใสว่า “อาบแล้ว นิกกี้อาบที่บ้านไง๊”

หลังจากนั้นนิกกี้ก็ปล้ำใส่ชุดนอนให้ตัวเองจนสำเร็จ โดยนิคยืนมองเฉยๆ ไม่พยายามที่จะเข้าไปช่วย เขาเพียงแต่บอกว่า “นิกกี้ติดกระดุมเสื้อผิดนะเสื้อมันเลยชักคะเย่อ เห็นไหมล่ะ ลองติดใหม่อีกทีซิ”

เด็กชายตัวน้อยก้มลงมองเสื้อ ทำเสียงจิ๊จ๊ะในคอแล้วแกะกระดุมทุกเม็ดออก ปล้ำใส่เข้าไปใหม่ในรังดุมที่ตรงกันจนสำเร็จในที่สุด “

ไม่ชักกา..เย่อ แล้วใช่มั้ย อังเคิลนิค”

ชายหนุ่มพยักหน้า “ดีแล้วละ หล่อแล้ว ง่วงหรือยังล่ะ จะนอนเลยมั้ย”

นิกกี้รีบส่ายหน้าปฏิเสธ “ยังหรอก นิกกี้จาเล่นกะอังเคิลนิคก่อนไง”

“คืนนี้คงเล่นกับนิกกี้ไม่ได้มั้ง” นิคปฎิเสธ “อังเคิลนิคมีแขก”

เด็กชายทำหน้าบึ้งทันทีอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วนิกกี้จาเล่นกะใคล่ะ”

“เอางี้ดีมั้ย นิกกี้นอนดูการ์ตูนไปก่อน อังเคิลนิคจะเปิดวีดีโอให้ดู”

หนูน้อยส่ายหน้าทันที “ม่ายอาว นิกกี้ม่ายดู นิกกี้จาอยู่กะอังเคิลนิค”

นิคซึ่งตอนนี้รู้จักเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้ดีแล้ว ว่าดื้อและเอาแต่ใจตัวเองที่สุด ต้องยอมแพ้

“ตกลง ไปนั่งข้างนอกแล้วคุยกับอังเคิลดิ๊กก็ได้ แต่ต้องนั่งเฉยๆนะ ห้ามดื้อห้ามซน ไม่งั้นอังเคิลนิคจะให้นิกกี้เข้ามานอน เข้าใจมั้ย”

เด็กชายรีบพยักหน้ายินยอมทันที แล้วจูงมือชายหนุ่มเดินออกมาหาดิ๊กซึ่งนั่งกินเหล้ารออยู่
“อ้าว..ไอ้หนู สองทุ่มแล้วนา ทำไมยังไม่นอนอีกล่ะ”

นิกกี้รีบปีนขึ้นไปนั่งบนตักนิคซึ่งนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับดิ๊ก ทำหน้าคว่ำแล้วเถียงว่า “ทีอังเคิลดิ๊กยังไม่เห็นนอนเลย”

ดิ๊กหัวเราะก๊ากอย่างชอบใจ “ฉลาดดีนี่หว่า ท่าทางจะติดมึงน่าดู เก้าอี้มีตั้งหลายตัวไม่นั่ง ต้องนั่งตักมึง”

เด็กชายนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นผู้ชายทั้งสองดื่มเหล้ากันไปพูดคุยกันไป ไม่สนใจเขาเลย ก็เงยหน้าขึ้นเรียกร้องความสนใจจากนิค

“อังเคิลนิคกินเหล้าเหรอ ขอนิกกี้กินมั่ง..ได้เป่า”

ดิ๊กสำลักเหล้าพรวด “ไอ้หนูนี่สำมะคัญ ริจะกินเหล้าเมายาตั้งแต่เล็กเลยเหรอ”

ส่วนนิคอธิบายว่า “กินไม่ได้หรอก นิกกี้ยังเด็กอยู่”

“เด็กแล้วกินม่ายด้ายเหรอ เมื่อไหร่นิกกี้ถึงจากินด้ายล่ะ ต้องโตเท่าอังเคิลนิคก่อน ใช่เป่า”

“ใช่แล้ว”

ดิ๊กกินเหล้าไปพลางก็มองหน้าเด็กชายที่นั่งอยู่บนตักนิคไปพลาง มองไปมองมาคิ้วของเขาก็เริ่มขมวดเข้าหากัน แล้วจู่ๆเขาพูดขึ้นมาลอยๆ 

“ลูกใครหว่า หน้าเหมือนมึงฉิบหายเลย”

“เหมือนตรงไหนวะ” ชายหนุ่มถามแล้วก้มลงมองหน้านิกกี้

“ตรงคิ้วกับปากไงวะ เหมือนกันเด๊ะ ผมเผ้าก็สีคล้ายๆกัน”
“งั้นหรือ ไม่รู้สิ ดูไม่ออก” นิคว่า

“แต่กูว่าเหมือนนะ นี่ถ้าบอกว่านิกกี้เป็นลูกมึง ใครๆก็ต้องเชื่อ”

นิกกี้ซึ่งนั่งตาปรือฟังอยู่ ท้วงขึ้นว่า “นิกกี้ม่ายช่ายลูกมึงนะ นิกกี้เป็นลูกแด็ดดี้ ลูกม็อมมี้และก็ลูกม็อมมี้แม่ตังหาก”

นายดิ๊กทำหน้าเหรอหรา ถามเพื่อนว่า “ม็อมมี้แม่นี่ใครวะ”
“ไม่รู้” นิคตอบ
แต่เด็กชายสอดขึ้นมาว่า “ก้อ..ม็อมมี้แม่ไง๊ อังเคิลดิ๊กกับอังเคิลนิคโง่จัง แค่นี้ก็ม่ายรู้”

นิคปรามเพื่อนว่า “อย่าพูดมากเว้ย อารมณ์ไม่ดีแล้ว สงสัยจะง่วง”

ดิ๊กทำหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ต่อมาก็มองหน้าเพื่อนแล้วพูดลอยๆออกมาว่า “เจ้าหนูนี่ขี้โมโหเหมือนใครหว่า รู้สึกคุ้นๆ”

นั่งดื่มกันต่อไปอีกพักใหญ่ เด็กชายซึ่งตากำลังจะปิดอยู่แล้วเขย่าแขนนิค “อังเคิลนิค ไปนอนกันเถอะ นิกกี้ง่วงแล้ว”

“โอเค” ชายหนุ่มอุ้มเด็กชายแล้วลุกขึ้นยืนบอกดี๊กว่า “มึงกินไปเรื่อยๆก่อน เดี๋ยวกูมา”

นิกกี้ซึ่งง่วงจนลืมตาแทบไม่ขึ้นแล้ว อุตส่าห์ยื่นหน้ามาบอกดิ๊กที่นั่งมองอยู่ว่า “กู๊ดไนท์นะ อังเคิลดิ๊ก” แล้วหันไปบอกคนที่กำลังอุ้มเขาอยู่ว่า “อังเคิลนิคต้องกู๊ดไนท์อังเคิลดิ๊กด้วยซี่ เราจาไปนอนกันแล้วม่ายช่ายเหรอ”

“ยังไม่บอกหรอก เดี๋ยวอังเคิลนิคค่อยบอกอังเคิลดิ๊กทีหลัง”

นายดิ๊กมองเพื่อนที่อุ้มนิกกี้พาไปห้องนอน ร้องตามหลังไปว่า “ต้องกกให้นอนด้วยหรือวะ หนอย ทำยังกะพ่อลูกอ่อนแน่ะ”

นิครอจนเด็กชายหลับ คลี่ผ้าห่มออกคลุมตัวให้แล้วจึงออกมานั่งดื่มเหล้าต่อกับเพื่อน




 

 




Create Date : 11 กรกฎาคม 2566
Last Update : 11 กรกฎาคม 2566 19:16:08 น.
Counter : 593 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณหอมกร, คุณnewyorknurse

  
แฮปปี้เอนดิ้งแน่ๆ ค่ะ เรื่องนี้คุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 12 กรกฎาคม 2566 เวลา:7:32:31 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
กรกฏาคม 2566

 
 
 
 
 
 
2
3
4
6
7
8
9
10
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
25
26
27
28
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com