คนละฟากฟ้า - บทที่ 83


ขณะที่นิคกับพราวพรายกำลังพูดจากันอยู่ก็มีเสียงๆหนึ่ง ดังแว่วออกมาจากหลังประตูห้องนอนที่เปิดแง้มเอาไว้เล็กน้อย ชายหนุ่มชะงักกึกเมื่อได้ยินเหมือนเสียงคนวิ่งตึงๆอยู่ในห้อง เขาเงี่ยหูฟังเสียงนั้นแล้วมองหน้าหญิงสาว ที่ตอนนี้มีสีหน้ากระอักกระอ่วนจนนิคชักสงสัย ก่อนที่เขาหรือเธอจะเคลื่อนไหว นิคก็เห็นร่างเล็กๆของเด็กผู้ชายในชุดนอนลายหมีพูห์ วิ่งหลุนๆผ่านประตูห้องนอนออกมา ร้องไห้หงิงๆไปด้วย

“มอมมี้แม่ มอมมี้แม่ อยู่หนาย ไปหนาย นิกกี้กัว..กัว”

นิคสะดุ้งเฮือกอย่างตกใจไม่เชื่อสายตาตัวเอง ร้องออกมาว่า “นิกกี้ นิกกี้มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”

เด็กชายที่กำลังขยี้หูขยิ้ตาอยู่อย่างงัวเงีย เบิ่งตาขึ้นมองตามเสียง กระโดดพรวดเข้าหานิคทันทีที่จำได้

“อังเคิลนิค! อังเคิลนิคมาหานิกกี้เหรอ”

นิคกอดเด็กชายที่ตอนนี้กระโดดขึ้นมาบนตักเขาแล้ว กำลังหัวเราะร่าอย่างดีอกดีใจ ชายหนุ่มหันไปมองหน้าพราวพราย ที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปยืนกอดอกอยู่ห่างออกไป ตาก็มองเขาและนิกกี้อย่างไม่แน่ใจ เธอกำลังลังเลอีกครั้งว่าจะบอกความจริงเขาตอนนี้เสียเลยดีไหม แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ควรจะพูดต่อหน้านิกกี้ เธอก็เลยตัดสินใจจะยังไม่พูด

“พราวพานิกกี้มาด้วยหรือ พ่อแม่เขายอมให้พาลูกเขามาไกลถึงอังกฤษเลยหรือ”

“ไม่เห็นแปลกนี่คะ ลูกพี่เจิดก็เหมือนลูกฉัน ฉันเลี้ยงเขามาตั้งแต่เกิดด้วยซ้ำ

ชายหนุ่มไม่ได้ตระหนักถึงความนัยบางอย่างในคำพุดของพราวพราย

“ถ้าผมเป็นแฟรงค์ คงไม่ยอมให้ใครเอาลูกตัวนิดเดียวมาเสียไกลขนาดนี้หรอก”

พอนึกขึ้นได้ถึงคำที่นิกกี้เรียกเธอเมื่อครู่ก่อน ก็ร้องออกมาอย่างขันๆ

“นิกกี้เรียกคุณว่ามอมมี้แม่ใช่ไหม นิกกี้บอกว่าเขามีมอมมี้แม่อีกคนด้วย ที่แท้ก็คุณนี่เองที่เป็นมอมมี้แม่ของเขา ไอ้มอมมี้แม่นี่หมายความว่าอะไรกันแน่”

หญิงสาวทำหน้าเจื่อนๆ อ้อมแอ้มแก้ตัวว่า “ฉันช่วยพี่เจิดเลี้ยงเขาอยู่นาน เขาเลยเรียกเราสองคนว่ามอมมี้เหมือนๆกัน เวลาเขาเรียกเราก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกใคร พี่เจิดเลยบอกให้เขาเรียกพี่เจิดว่ามอมมี้ แล้วเรียกฉันว่ามอมมี้แม่ ก็แค่นั้นแหละค่ะ”

เด็กชายซึ่งขดตัวพิงอกนิคฟังคำพูดโต้ตอบของคนทั้งสองอยู่เงียบๆ เบิ่งตามองนิคกับพราวพรายสลับกันไป แล้วตะกายลุกขึ้นยืนบนตักนิค กอดคอเขาเอาไว้ พยายามดึงหน้าเขาลงมาหา

“อังเคิลนิค พูดกะมอมมี้แม่อยู่ด้าย พูดกานิกกี้มั่งซี่ นะ..อังเคิลนิค..นะ..นะ”

พราวพรายยืนมองภาพพ่อลูกที่กำลังกอดกันอยู่อย่างตื้นตันใจ เห็นได้ชัดว่าเขาสองคนผูกพันกันมาก ตอนนี้นิคกำลังจูบผมเด็กชายอย่างรักใคร่เอ็นดู ไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าเด็กตัวเล็กๆในอ้อมแขนของเขา คือลูกที่เขาเคยอยากมีกับเธอเสียนักหนา

“อังเคิลนิคหายไปหนายตั้งนาน นิกกี้รอ..ร้อ..รอ มอมมี้บอกว่าอังเคิลนิคมาบ้านนิกกี้ไม่ด้ายเพราะมีทู่ระ นิกกี้เลยร้องไห้ใหญ่เลยละ”

นิคซึ่งรู้ว่าเด็กชายหมายถึงวันคริสต์มาส ที่เขาไม่ได้ไปร่วมงานที่บ้านของเจิดจรัส แก้ตัวด้วยการจูบหน้าผากของนิกกี้หนึ่งที

“แต่อังเคิลนิคก็ฝากของขวัญไว้ให้นิกกี้แล้วไง ได้แล้วไม่ใช่หรือ”
เมื่อเด็กชายพยักหน้ารับว่าได้แล้ว ชายหนุ่มก็ถามต่อว่า “ชอบหรือเปล่าล่ะ”
“ชอบ..ซี้ ชอบทุกอย่างเลย ของริกกี้..นิกกี้ก็ชอบด้วยละ”

นิคเงยหน้าขึ้นยิ้มกับพราวพรายอย่างขันนิกกี้ ซึ่งยังมาฟอร์มเดิม

“เล่นของริกกี้ก่อนตามเคยอีกหรือเปล่า”

นิกกี้อมยิ้มจนแก้มตุ่ย “เล่นซี้ ก้อริกกี้เขาใจดีนี่นา เขาให้นิกกี้เล่นของเล่นของเขาด้วย”

“นิกกี้ล่ะให้ริกกี้เล่นของเล่นของนิกกี้ด้วยมั้ย”
เด็กชายรีบพยักหน้าโดยเร็ว “ให้ซี้ แต่..แต่เขาไม่อยากเล่นเองนี่”
“หลานพราวคนนี้เจ้าเล่ห์น่าดู โตขึ้นสงสัยเปรียวเป็นกะรอกเลย”

พราวพรายพูดกับลูกชายตัวน้อย ที่ตอนนี้เริ่มหาวหวอดๆอีกแล้ว

“นิกกี้ออกมาทำไม เข้าไปนอนต่อได้แล้วมั้ง เข้าไปนอนเถอะ อัง..อังเคิลนิคจะได้กลับไปโรงแรม ไปนอนมั่ง”

เด็กชายเบิกนัยน์ตาที่กำลังจะปิดเพราะความง่วง ขึ้นมองหน้านิคโดยเร็ว

“อังเคิลนิคจาปายหนายอีกล่ะ ไม่อาว ไม่ให้ไป ต้องนอนกะนิกกี้”

นิกกี้ปีนลงจากตักของชายหนุ่ม ดึงมือเขาจะให้ลุกขึ้นเดินตามเข้าไปในห้องนอน “อังเคิลนิคนอนกะนิกกี้นะ เร็ว..เข้าไปนอนกะนิกกี้ในนู้น”

“ไม่ได้หรอกนิกกี้ อังเคิลนิคจะไปนอนที่โรงแรม ไม่นอนที่นี่หรอก” พราวพรายบอกลูก แม้จะนึกสงสารเขามากที่ติดอกติดใจนิคมากขนาดนั้น

นิกกี้ทำหน้าบึ้ง “ทำไมจานอนไม่ได้ นิกกี้จาให้อังเคิลนิคนอนด้วยนี่”

“เตียงเล็กนิดเดียวจะนอนได้ไงล่ะ อังเคิลนิคตัวใหญ่ยังกับยักษ์ ไม่เห็นหรือ”

เด็กชายทำท่าคิดแล้วบอกเธอว่า “มอมมี้แม่ก้อไม่ต้องนอนกะนิกกี้ซี้ ให้อังเคิลนิคนอนกะนิกกี้ นะ.อังเคิลนิคนะ”

ผู้ใหญ่สองคนยิ้มอย่างขันคำต่อรองของเด็กชาย

พราวพรายถามว่า “จะให้มอมมี้แม่นอนที่ไหนล่ะ”

นิกกี้มองไปที่เก้าอี้ยาวที่นิคยังนั่งอยู่ “ก้อ..ก้อนอนที่ก้าวอี้นั่นไง๊ ใช่มั้ย อังเคิลนิค"
หญิงสาวตัดบทว่า “ไม่เอาละ พูดกับนิกกี้แล้วเวียนหัว ไป..เข้าไปนอนได้แล้ว อังเคิลนิคจะได้กลับไปพักผ่อนซะที นั่งเครื่องบินมาหลายชั่วโมงแล้ว”

พอขาดคำของเธอ เด็กชายก็กระโดดกลับขึ้นไปบนตักของนิคอีกครั้งหนึ่งทันที

“ม่ายอาว ไม่ให้อังเคิลนิคกลับหรอก นะ..นะ อังเคิลนิค นอนกะนิกกี้หน่อยนะ”

ชายหนุ่มซึ่งนั่งอมยิ้มฟังการปากต่อคำกันอยู่ ดึงตัวเด็กชายให้นอนลงบนตัก โอบตัวเขาเอาไว้แล้วบอกหญิงสาว ที่ยังยืนกอดอกมองเขากับนิกกี้อยู่ว่า

“ไม่เป็นไรหรอกพราว ให้เขานอนตรงนี้ก่อน” เขาลดเสียงลงเมื่อพูดต่อว่า “ให้เขาหลับเสียก่อนแล้วผมค่อยกลับ ผมสงสารเขาน่ะ”

พราวพรายเลยลงนั่งบนเก้าอี้ใกล้ๆ รอให้เด็กชายหลับ แล้วอีกเพียงครู่เดียวนิกกี้ก็หลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของนิค ชายหนุ่มอุ้มเด้กชายตัวน้อยลุกขึ้นยืน 

"ผมจะพาเขาเข้าไปนอนในห้อง ช่วยเปิดประตูให้กว้างๆหน่อย เดี๋ยวเขาจะตื่นเสียก่อน”

หญิงสาวเดินไปเปิดและจับบานประตูห้องนอนเอาไว้ ในขณะที่นิควางร่างน้อยๆลงบนเตียงนอนเล็กๆขนาดนอนคนเดียวของเธอ มองหน้านั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหยิบผ้าห่มที่วางกองอยู่บนเตียง ออกคลี่คลุมให้บนร่างของเด้กชาย หลังจากนั้นก็เดินตามหญิงสาวออกมานอกห้อง

“งั้นผมกลับก่อนนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่” เขาบอกขณะสวมเสื้อแจ็คเก็ต

“คุณจะเดินกลับไปหรือคะ” เธอกังวลอยู่เหมือนกันเพราะขณะนั้นสองยามกว่าแล้ว “ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยวเกินไปหรือเปล่า”

นิคเดินเข้ามาถึงตัวพราวพราย ทำหน้ายิ้มๆถามว่า “เป็นห่วงผมหรือ ไม่ต้องห่วงหรอก โรงแรมอยู่ห่างจากตรงนี้แค่สองบล็อคเอง”

พราวพรายเดินตามเขาไปถึงประตูหน้า แต่ก่อนจะยื่นมือออกไปหมุนลูกบิดเพื่อเปิดประตู นิคก็หันขวับมากอดเธอเอาไว้แนบแน่น จูบอย่างอ่อนหวานหลายครั้ง

“ไม่อยากไปเลยนะเนี่ย ความจริงให้ผมนอนตรงเก้าอี้ยาวตัวนั้นก็ได้”
“ไม่ได้หรอกค่ะ น่าเกลียดแย่ กลับไปนอนที่โรงแรมของคุณเถอะ”
“น่าเกลียดยังไง ผัวเมียนอนห้องเดียวกันไม่ได้หรือไง”

“ยังไม่ได้” หญิงสาวตอบเสียงแข็ง พยายามทำใจให้แข็งเข้าไว้ เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ที่ยังค้างคาระหว่างเขากับจูดี้ ใครจะรู้ว่าถ้าเธอเกิดใจอ่อนขึ้นมาในตอนนี้ จะไม่กลายเป็นเรื่อง ‘สามคนผัวเมีย’ ไปในที่สุด

“แล้วเมื่อไหร่จะได้ล่ะ” เขายังพยายามอยู่อีกทั้งที่รู้ว่าไม่มีทางสำเร็จ

“เมื่อกี้ก็บอกแล้วนี่คะว่าเราควรจะคิดให้รอบคอบเสียก่อน เราเคยทำผิดพลาดกันมาแล้วครั้งหนึ่ง ฉันไม่อยากให้เป็นเหมือนเก่าอีกแล้ว กลับก่อนเถิดค่ะ นิค ไว้ค่อยคุยกันวันหลัง”


ชายหนุ่มยื่นหน้าเข้ามาบอกว่า “พรุ่งนี้ผมจะมาแต่เช้านะ อย่าเพิ่งออกไปไหนล่ะ รอผมก่อน”

พราวพรายไม่ตอบ เธอปิดประตูเข้ามาอย่างเงียบๆ กดล็อคแล้วยืนหันหลังพิงประตูบานนั้น หัวใจของเธอแม้จะว้าวุ่นสับสนกับอดีตที่หวนกลับมา แต่ก็สัมผัสได้ถึงความเต็มตื้นในหัวใจของตัวเอง และความอบอุ่นอ่อนโยนของเขา ที่เธอเฝ้าแต่คร่ำครวญหวลหาอย่างอาวรณ์ โดยปราศจากความหวังมานานกว่าสี่ปี

เมื่อได้พบหน้ากันในคืนนี้ แม้เธออยากจะนอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาทั้งคืนเหมือนเมื่อก่อน ก็ยังไม่สามารถจะทำได้ เวลาสี่ปีที่จากกันให้บทเรียนสำคัญที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้ ทั้งเธอและนิคควรจะไตร่ตรองให้รอบคอบ ก่อนจะตัดสินใจกลับมาอยู่ด้วยกันใหม่อีกครั้งหนึ่ง ไม่ควรจะผลีผลามเพื่อจะต้องมานึกเสียใจในภายหลัง

แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็มาแต่เช้า พราวพรายกับนิกกี้แต่งตัวเรียบร้อยแล้ว หญิงสาวยืนอยู่ที่โต๊ะในห้องแพนทรี กำลังหยิบกล่องพลาสติคสองสามกล่องและของอื่นๆ ใส่ลงไปในตะกร้าสานใบใหญ่ที่มีฝาปิด

ชายหนุ่มซึ่งเดินตามนิกกี้เข้ามาหาเธอ มองตะกร้าใบนั้นอย่างสงสัย

“จัดของจะไปไหนกัน”

ยังไม่ทันที่พราวพรายจะตอบ เด็กชายก็ตอบเสียเองว่า “จาไปฉวนฉาทารานะไง๊ ไปปิก..มอมมี้แม่ ปิกอารายนะ นิกกี้จำม่ายได้”

“ปิกนิคจ้ะ”

นิกกี้พยักเพยิดกับชายหนุ่มแล้วกระตุกมือเขา “ไปปิก..นิคไงล่ะ อังเคิลนิค”

พราวพรายถามนิคว่า “ทานอะไรมาหรือยังคะ เอากาแฟสักถ้วยไหม?”

“เรียบร้อยแล้วละ ว่าแต่จะไปปิกนิคกันที่ไหน ข้างนอกยังหนาวอยู่นะ”

“วันนี้คงไม่หนาวมากนัก เมื่อกี้ฉันฟังพยากรณ์อากาศ เขาบอกว่าอุณหภูมิสูงกว่าเมื่อวานตั้งหลายองศา จะมีแดดด้วย นิกกี้น่ะเป็นเด็กขี้ร้อน เขาชอบอากาศเย็นๆ เดี๋ยวไปถึงโน่นวิ่งไปวิ่งมาพักเดียวก้หายหนาวแล้ว”

นิคก้มลงมองเด็กชายที่กระตุกมือเขาอยู่เหย็งๆ “มีอะไรหรือ นิกกี้”

นิกกี้ทำท่าเขินๆเมื่อบอกเขาว่า “นี่...ดูนี่” เขาใช้มือข้างที่ว่างจิ้มลงไปที่เสื้อสเวตเตอร์คอแหลมสีดำ มีรูปมิกกี้เมาส์ทำด้วยผ้าสีแดงเย็บติดอยู่บนอกเสื้อ “ฉวยมั้ย อังเคิลนิค มอมมี้แม่ทำละ”

ชายหนุ่มมองตาม รู้ว่าเป็นเสื้อถักด้วยมือ “สวยสิ นิกกี้ใส่แล้วหล่อขึ้นอีกเยอะเลย” แล้วเขาก็หันไปถามพราวพรายยิ้มๆว่า “พราวถักให้เขาจริงๆหรือ”

“ค่ะ ฉันถักเป็นของขวัญคริสต์มาสให้นิกกี้กับริกกี้คนละตัว ของริกกี้สีฟ้า”
“ถักออกเก่ง ทำไมไม่เคยถักให้ผมมั่งล่ะ”
นิกกี้ซึ่งเงยหน้าขึ้นมองเขาอยู่ สอดขึ้นมาว่า “มีของอังเคิลนิคด้วยละ”

พราวพรายอ้าปากจะห้าม แต่ไม่ทันเสียแล้ว เด็กชายวิ่งถลาแล่นออกไปจากที่ตรงนั้นเข้าไปในห้องนอน เพื่อไปหยิบของขวัญกล่องที่เขารู้ว่าเป็นของนิค ชายหนุ่มที่รอโอกาสอยู่แล้ว รีบคว้าตัวพราวพรายเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว จุมพิตริมฝีปากเย้ายวนที่ติดตรึงอยู่ในความทรงจำ อย่างดูดดื่มซาบซึ้งติดๆกันหลายครั้ง ทำให้เด็กชายตัวน้อยกับของขวัญกล่องใหญ่ในอ้อมแขนที่เดินกลับเข้ามาในห้อง ชะงักกึกเมื่อเห็นภาพนั้น เขาทิ้งกล่องของขวัญลงบนพื้นเสียงดังโครม แล้ววิ่งปราดเข้าไปหาคนทั้งสองอย่างรวดเร็ว ใช้สองมือยื้อยุดขากางเกงของนิคเอาไว้ ปากก็โวยวายประท้วง

"อังเคิลนิคจูบมอมมี้แม่ทำมาย ไม่ให้จูบนะ หยุด..หยุดเดี๋ยวนี้นะ นี่มอมมี้แม่ของเค้านะ ไปจูบอ้านตี้จูดี้ของตัวเองซี่"

นิคกับพราวพรายหน้าเจื่อนไปตามๆกัน พราวพรายรู้สึกอายลูกและปลาบแปลบในหัวใจไปพร้อมๆกัน นี่เขาคงจะทำประเจิดประเจ้อจูบผู้หญิงคนนั้นให้เด็กเห็นล่ะสิ ในขณะที่นิครีบเบนเรื่องให้ไกลออกไปจากเรื่องจูดี้

"อังเคิลนิคขอจูบมอมมี้แม่ของนิกกี้หน่อยไม่ได้หรือ หวงไปได้ นิกกี้อยากให้อังเคิลนิคจูบมั่งมั้ยล่ะ ?"

เด็กชายทำท่าคิดก่อนจะถามว่า "อังเคิลนิคจาจูบนิกกี้เหรอ?"
"ใช่แล้ว มา เอียงแก้มมาให้จูบหน่อย"

"ม่าย ม่ายจูบแก้ม อังเคิลนิคต้องจูบตรงนี้ เหมือนที่จูบมอมมี้แม่ไง๊"" เขาใช้นิ้วจิ้มไปตรงปากของตัวเอง "จูบเร็วๆซิ อังเคิลนิค"

นิคก้มลงใช้ปากแตะลงไปตรงปากของนิกกี้ แล้วรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เด็กชายผู้ฉลาดเฉลียวเกินวัยคนนี้ จะพูดอะไรเกี่ยวกับเขาและจูดี้ ที่อาจจะทำให้พราวพรายสะเทือนใจอีก ชายหนุ่มยังนึกไม่ออกว่านิกกี้เห็นเขาจูบหญิงสาวคนนั้นที่ไหนและเมื่อไหร่

"นิกกี้เอาของขวัญมาให้อังเคิลนิคไม่ใช่หรือ ไหนล่ะ ส่งมาให้อังเคิลนิคสิ"

นิกกี้ซึ่งพอใจกับจูบของเขาแล้ว เดินไปอุ้มกล่องของขวัญผูกโบว์สีสวยขึ้นจากพื้นมาส่งให้ ชายหนุ่มรับมาถือไว้ แล้วถามพราวพรายว่า “นี่อะไร ให้ผมหรือ”

“นิกกี้นี่ยุ่งจัง ใครบอกว่าจะให้อังเคิลนิค” หญิงสาวทำตาดุๆมองลูกชายตัวน้อย

“ก้อ..ก้อ มอมมี้แม่บอกตอนนู้นไง๊ ว่าให้นิกกี้เอาให้อังเคิลนิคเป็นของขวัญคิดซามาดน่ะ จำไม่ได้เหรอที่..ที่มอมมี้แม่บอกว่า ‘นิกกี้..พออังเคิลนิคมาแล้ว เอานี่ให้อังเคิลนิคนะ อังเคิลนิคฉื้อของเล่นให้ตั้งแยะแล้ว ปาเดี๋ยวจาว่านิกกี้ไม่มีมาระยาด’ “ เด็กชายทำเสียงเล็กเสียงน้อยเลียนแบบพราวพราย

นิคหัวเราะพรืดออกมาเมื่อฟังสองน้าหลานโต้ตอบกัน มองกล่องของขวัญในมือแล้วถามพราวพรายว่า “ตกลงนี่เป็นของขวัญคริสต์มาสของนิกกี้ให้ผมใช่มั้ย”

“ก็ลองถามเขาดูเองสิคะ”

เด็กชายพยักเพยิด “จ้าย..จ้าย เปิดฉิ อังเคิลนิค เปิดเยย นิกกี้อยากดู”

ชายหนุ่มแกะกล่องของขวัญออกตามใจนิกกี้ ซึ่งกำลังจ้องมองอยู่อย่างใจจรดใจจ่อ เมื่อหยิบสิ่งที่อยู่ภายในออกมา นิคก็เห็นเสื้อสเวตเตอร์แขนยาวสีและแบบเดียวกับเสื้อตัวที่เด็กชายใส่อยู่ ผิดกันตรงที่ไม่มีมิกกี้เมาส์สีแดงบนหน้าอกเท่านั้น

“พราวถักให้ผมหรือ สวยนะ ฝีมือดีด้วย ถักนานแค่ไหนเนี่ย ตัวใหญ่ขนาดนี้คงต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆมั้ง” ชายหนุ่มคลี่เสื้อไหมพรมสีดำตัวหนาออกดูอย่างพอใจ

พราวพรายยิ้มน้อยๆเมื่อตอบเขาว่า “สี่ปีกว่าค่ะ นานมั้ยคะ”

นิคตกใจ ร้องออกมาว่า “ฮ้า! ใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรือ” แล้วเขาก็สงสัย

“หมายความว่าไง หรือว่าพราวแอบถักมานานแล้วตั้งแต่ตอนโน้น แต่เพิ่งเสร็จ”

“ค่ะ ทำนองนั้น คุณคงจำไม่ได้ ฉันนั่งถักเสื้อตัวนี้ที่บ้านพักในค่ายที่เวียตนาม คุณถามว่าถักให้ใครแต่ฉันไม่ได้ตอบ ตั้งใจจะให้เสร็จเร็วที่สุด เพื่อให้เป็นของขวัญคุณ แต่โชคร้าย ถักเกือบเสร็จแล้วเหลือค้างอยู่แค่แขนสองข้าง เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อนเลิกก็เลยเลิกถัก”

ชายหนุ่มฟังแล้วก็ยังสงสัย “แล้วทำไมตอนนี้ถึงเสร็จได้ล่ะ หรือว่าพราวเพิ่งมาทำเสร็จที่นี่”

“ค่ะ ฉันเอาติดตัวไปด้วยทุกครั้งเวลาเดินทาง กะว่าจะถักต่อฆ่าเวลาตอนว่างๆไม่มีอะไรทำ แต่ก็ไม่เคยได้ถักสักที หลังจากที่เจอเพื่อนคุณ รู้ว่าคุณยังไม่ตายก็เลยถักต่อจนเสร็จ ตั้งใจจะให้นิกกี้กับริกกี้มอบให้คุณเป็นของขวัญวันคริสต์มาส เพราะพี่เจิดเล่าให้ฟังว่าคุณเอ็นดูริกกี้กับนิกกี้มาก ขนซื้อของเล่นมาให้ไม่รู้กี่ชิ้นแล้ว”

“โธ่ ไม่ต้องมาตอบแทนผมหรอก ผมให้เพราะชอบเด็กสองคนนั่นเท่านั้น ไม่ได้คิดจะเอาหน้าอะไรหรอก”

แล้วเขาก็ทำเสียงออดๆว่า “เพราะผมไม่มีลูกมั้ง เห็นลูกคนอื่นน่ารักก็อยากจะซื้อของเล่นให้บ้างนิดๆหน่อยๆ อีกหน่อยมีลูกของเราเองก็คงต้องเปลี่ยนมาซื้อให้ลูกเราแทน ใช่มั้ยพราว”

พราวพรายอมยิ้ม ไม่โต้ตอบว่าอะไร

นิกกี้ซึ่งยืนหน้าบึ้งฟังอยู่นานแล้ว อดรนทนไม่ไหว เขย่าแขนนิคอย่างแรง แผดสียงขึ้นมาว่า “ใฉ่ซะทีซี้..อังเคิลนิค พูดมากอยู่ด้าย นิกกี้โกดแล้วนะ”

“ทำไมต้องแผดเสียงแบบนั้นล่ะ นิกกี้ เดี๋ยวมอมมี้แม่ตีนะ” หญิงสาวดุลูก

เด็กชายซึ่งคงจะกลัวมอมมี้แม่ของเขาพอสมควร ทำตาคว่ำแล้วบอกนิคด้วยเสียงที่เบาลงไปหน่อยว่า “ใฉ่ให้นิกกี้ดูหน่อยนะ..นะ อังเคิลนิค”

“อ้าว..ก็อังเคิลนิคใส่เสื้อของอังเคิลนิคอยู่แล้วนี่ ใส่เข้าไปอีกตัวก็ร้อนแย่เลยสิ” ว่าแล้วเขาก็ชี้ให้ดูสเวตเตอร์สีเทาที่สวมอยู่

เด้กชายมองตามมือเขาแล้วทำปากเบะ “ม่ายฉ๋วย อังเคิลนิคถอดออกซี้ ใฉ่ตัวนี้แทน”
นิคมองหน้าพราวพรายแล้วส่ายหน้ากับความดื้อของนิกกี้ ล้อเขาว่า ” นิกกี้ชอบสั่งเหมือนใครน้อ เหมือนมอมมี้ก็ไม่ใช่ สงสัยจะเหมือนมอมมี้แม่คนนี้มั้ง”

หญิงสาวทำตาค้อนๆ “เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ ว่าแต่จะไปกันหรือยังคะ เกือบเก้าโมงแล้ว”
“ไปก็ไป” นิคว่าแล้วหันไปชวนนิกกี้ “ ไปกันเถอะ นิกกี้”
“ไม่ไป! อังเคิลนิคต้องไฉ่เฉื้อของนิกกี้ก่อน” เด็กชายยืนกระต่ายขาเดียว

ชายหนุ่มเห็นท่าไม่ดีเพราะเห็นพราวพรายทำตาเขียวมองนิกกี้ ก็เลยต้องพยายามประนีประนอม

“ตกลง อังเคิลนิคจะลองใส่ดูนะ ว่ามอมมี้แม่ของนิกกี้ถักเสื้อได้พอดีตัวของอังเคิลนิคหรือเปล่า นิกกี้ช่วยดูหน่อยนะ” ว่าแล้วเขาก็ถอดสเวตเตอร์สีเทาออกจากตัว สวมตัวสีดำลงไปแทน ปรากฏว่าใส่ได้พอดี

“เย้!” เด้กชายตบมืออย่างพอใจ “ฉ๋วยจังเยย อังเคิลนิคหล่อที่จู๊ดเยย”

“จริงด้วยนะพราว ผมใส่ได้พอดีเลย เก่งนี่ กะขนาดตัวผมได้ยังไง ไม่ต้องวัดตัวเลย”
หญิงสาวไม่ตอบ นึกในใจว่าฉันเป็นเมียคุณมาตั้งเกือบสองปี จะคะเนไม่ถูกหรือไงว่าช่วงอก ไหล่ แขนของคุณกว้างยาวแค่ไหน ถามบ้าๆ

ชายหนุ่มมองตัวเองแล้วก้มลงมองนิกกี้ เห็นสเว็ตเตอร์แบบเดียวสีเดียวกันเปี๊ยบก็หัวเราะชอบใจ 

“ใครไม่รู้เขาต้องคิดว่าผมกับนิกกี้เป็นพ่อลูกกันแน่ๆ แต่งตัวเหมือนกันเด๊ะเลย”

พราวพรายหยิบหมวกไหมพรมสีดำใบเล็กๆมาสวมลงไปบนหัวทุยๆของนิกกี้ ก่อนจะฉวยตระกร้าสานที่บรรจุอาหารที่จะไปปิกนิค มาถือเอาไว้ในมือข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างถือถุงกระดาษสีน้ำตาลใบย่อมๆ บอกนิคว่า “คุณช่วยถือเสื่อผืนนั้นกับหมอนที่กองอยู่โน่นให้หน่อยนะคะ”

นิคมองไปที่เสื่อพับได้และหมอนเล็กๆสองสามใบที่วางอยู่ด้วยกัน ก่อนจะถามอย่างสงสัยว่า “เยอะแยะยังงี้จะเอาไปยังไง รถก็ไม่มี”
“รถฉันจอดอยู่ข้างล่างค่ะ”
“อ้อ..พราวมีรถด้วยหรือ ความจริงไม่เห็นต้องใช้รถเลย ที่ทำงานอยู่ใกล้แค่นี้เอง เดินไปไม่กี่นาทีก็ถึง”
“ไม่ได้ขับไปทำงานหรอกค่ะ ส่วนใหญ่จะจอดทิ้งไว้เฉยๆ ใช้เฉพาะวันหยุดหรือเวลาจะไปที่ไหนไกลๆเท่านั้น”

รถของพราวพรายเป็นรถออสตินคันเล็กๆกะทัดรัด นิคเอาของทั้งหมดใส่ท้ายรถที่พราวพรายไขกุญแจเปิดให้ เสร็จแล้วก็แบมือขอกุญแจจากเธอ

“เอากุญแจมาให้ผมเถอะ ผมจะขับให้”

พอรถวิ่งออกไปตามถนนได้ครู่เดียว นิกกี้ซึ่งนั่งอยู่ในเก้าอี้เด็กด้านหลังระหว่างเก้าอี้ของนิคกับพราวพราย ก็เริ่มออกคำสั่ง

“อังเคิลนิค นิกกี้จาไปฉวนซาหนุกนะ ไปเล่นกัน”

นิคหันมามองหน้าพราวพราย “ตกลงจะไปไหนกันแน่ ไหนว่าจะไปสวนสาธารณะ หรือผมฟังผิด”

“ไม่ผิดหรอกค่ะ เราจะไปปิกนิคกันที่สวนสาธารณะใกล้ๆตรงนี้แหละ”

ทันทีที่หญิงสาวพูดจบ นิกกี้ก็รีบพูดกับนิคบ้างว่า “ม่ายไปฉวนทารานะ นิกกี้จะไปขี่เรือบินบรื๋อที่ฉวนซาหนุกไง๊”

“เอ๊ะ นิกกี้ ทำไมพูดไม่รู้เรื่อง ก็ตกลงกันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะเอาอาหารไปกินกันที่สวนสาธารณะ นิกกี้จะได้ไปวิ่งเล่นด้วยไง”

เด็กชายค้อนเธอแล้วยืดตัวขึ้น ชะโงกหน้าไปแผดเสียงใกล้หูนิคว่า “จาไปฉวน..ชาหนุก ไม่ไปฉวนทารานะ”

นิคเลยเบนรถเข้าจอดข้างทาง “เอ้า คุณน้ากับคุณหลาน ตกลงกันให้ได้เสียก่อนดีไหมว่าจะไปไหน ผมจะได้พาไปถูก ไอ้สองสวนนี่มันอยู่คนละทิศกันเลยนะ”

“สวนสาธารณะ” พราวพรายเสียงแข็ง
“ฉวน..ชาหนุก” นิกกี้ไม่ยอมแพ้

ชายหนุ่มดูนาฬิกาข้อมือเห็นว่ายังมีเวลาอีกมาก ก็หันไปบอกพราวพรายว่า “อีกตั้งนานกว่าจะถึงเวลาอาหารกลางวัน ตอนนี้พานิกกี้ไปสวนสนุกก่อนไม่ดีหรือ พอใกล้เที่ยงค่อยไปปิกนิคต่อที่สวนสาธารณะ”

หญิงสาวหันไปมองลูกชายตัวน้อยที่กำลังมองเธออย่างมีความหวัง  

"นิกกี้ขี้โกงที่สุดเลย ตกลงกันไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ว่าวันนี้จะเอาอาหารไปกินกันที่สวนสาธารณะ ไม่เห็นค้านว่าจะไม่ไปเลย พอวันนี้มาทำงอแงจะไปสวนสนุกเสียเฉยๆ”

“ก็นิกกี้จาให้อังเคิลนิคไปขี่เรือบินกะนิกกี้นี่” เด็กชายเงยหน้าขึ้นเถียง
“อ้อ ตอนโน้นไม่มีอังเคิลนิคเลยไม่มีปากมีเสียง ตอนนี้มีอังเคิลนิคเป็นพวก เลยดื้อกับมอมมี้แม่ใช่มั้ย”

ชายหนุ่มที่นั่งฟังอยู่อย่างขำๆ สะดุ้ง “อ้าว ผมไปเกี่ยวอะไรด้วยล่ะ ผมไม่รู้เรื่องด้วยนา” นิคเบนรถออกสู่ถนนอีกครั้งหนึ่งหลังจากสรุปว่า “ตามใจเด็กหน่อยแล้วกันนะพราว ให้เขาเล่นสักพักค่อยไปสวนสาธารณะ”

พราวพรายไม่ค้าน อดนึกในใจไม่ได้ว่านิคตามใจนิกกี้มากเกินไป ขนาดนึกว่าเป็นลูกคนอื่นยังตามใจเสียขนาดนี้ ถ้ารู้ว่านิกกี้เป็นลูกแท้ๆ เขาจะตามใจเอาใจจนเสียเด็กหรือเปล่าก็ไม่รู้

ในที่สุดนิกกี้ก็ได้เข้าไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกสมใจอยาก โดยคะยั้นคะยอนิคให้เล่นด้วย แม้จะไม่นึกสนุกเพราะพ้นวัยมานานมากแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ตามใจ เพราะได้ตามใจกันจนเคยตัวมากว่าสามเดือนแล้ว

พราวพรายได้แต่นั่งมองคนทั้งสองอยู่เงียบๆ ความรู้สึกของเธอทั้งสุขทั้งเศร้าคละเคล้ากันไป ยังไม่สามารถมั่นใจได้เลยว่าในอนาคต นิกกี้จะมีโอกาสได้อยู่กับพ่อแม่พร้อมหน้าพร้อมตาหรือไม่ ถึงนิคจะยืนยันว่าจะเลิกกับจูดี้ และแม้เธอจะเชื่อว่าเขาตั้งใจเช่นนั้นจริงๆ แต่ตอนนี้มันยังเป็นแค่คำพูดและความตั้งใจของเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น ผู้หญิงคนนั้นยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามาหาเมียเก่าที่ลอนดอน เอ๊ะ..แล้วถ้า..ถ้าจูดี้เกิด..เกิด?

หญิงสาวรีบปัดความคิดดังกล่าวออกไปทันที แล้วในที่สุดก็ถอนใจยาว บอกตัวเองให้เลิกคิด ตอนนี้เธอไม่อยู่ในสภาวะที่จะทำอะไรได้ทั้งนั้น คงต้องอยู่เฉยๆรอดูเหตุการณ์ไปก่อน จนกว่าจะรู้แน่ว่านิคกับแพทย์สาวคนนั้นตัดขาดจากกันแล้วแน่นอน ไม่มีพันธะใดใดค้างคาต่อกัน



(อ่านบทที่ 84 ต่อได้เลยค่ะ)

















 



Create Date : 07 สิงหาคม 2566
Last Update : 7 สิงหาคม 2566 17:05:07 น.
Counter : 287 Pageviews.

1 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณหอมกร, คุณnewyorknurse

  
มีลางสังหรณ์ว่าจะได้อ่านค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 7 สิงหาคม 2566 เวลา:19:52:46 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
สิงหาคม 2566

 
 
1
2
4
5
6
8
9
10
12
13
14
15
17
18
19
21
23
24
26
28
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com