คนละฟากฟ้า - บทที่ 78
ตอนสายของวันต่อมาซึ่งเป็นวันเสาร์ ดิ๊กแวะไปหานิคที่บ้านอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบอะไรบางอย่างและหาข้อมูลเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินทางกลับหน่วยของเขาในประเทศลาวในตอนกลางคืน พอจอดรถเสร็จเขาก็เห็นนิคกับเด็กชายตัวเล็กๆคนนั้นอยู่ด้วยกันตรงลานซีเมนต์กว้าง เยื้องไปทางด้านข้างของตัวบ้าน

นิกกี้นั่งเล่นน้ำอยู่ในอ่างยางรูปกลมใบใหญ่ที่มีน้ำอยู่เต็ม เพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในกางเกงขาสั้นท่อนบนเปลือยเปล่า นั่งอยู่บนม้าหินใกล้กับอ่างยางใบนั้น น้ำที่กระเพื่อมอยู่ในอ่างจากความเคลื่อนไหวไม่อยู่นิ่งของเด็กชาย ไหลนองอยู่บนพื้น

ดิ๊กลงจากรถเดินเข้าไปมองอ่างน้ำ “ไอ้อ่างใบนี้มาจากไหนวะ ครั้งที่แล้วกูมายังไม่เห็นมีนี่หว่า”

ยังไม่ทันที่นิคจะตอบเด็กชายที่กำลังใช้ขันพลาสติกใบเล็กๆ ตักน้ำในอ่างรดหัวตัวเองอยู่ก็ส่งเสียงใสทักดิ๊ก 

“ไฮ อังเคิลดิ๊ก มาเล่นน้ำกะนิกกี้หน่อย อังเคิลนิค.. ม่ายยอมเล่นกะนิกกี้”

“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเปียก ลุงจะไปธุระ” แล้วเขาก็หันไปแหย่เพื่อนว่า “ทำไมมึงไม่ช่วยเล่นกับลูกมึงหน่อยล่ะวะ”

นิคมองเพื่อนอย่างขวางๆ “ไอ้บ้า ลูกเขามีพ่อมีแม่นะเว้ย อยู่ๆจะมายกให้เป็นลูกกูซะงั้น”

นายดิ๊กหัวเราะชอบใจ แกล้งถามว่า “เด็กมันติดมึงจังนะ นี่ถ้าพ่อแม่เขายกให้เป็นลูกมึง มึงจะเอามั้ยวะ” แล้วเขาก็หันไปถามนิกกี้บ้าง “นี่..ไอ้หนู อยากเป็นลูกพ่อนิคมั้ย”

เด็กชายชะงักมือที่กำลังจะจ้วงขันลงไปตักน้ำ เงยหน้าขึ้นมองดิ๊กแล้วทำตาขุ่นๆ “เค้าม่าย..ช่ายไอ้หนูนะ เค้า..นิกกี้นะ นิกกี้น่ะ เข้าจายมั้ย”

ดิ๊กทำตาโต ต่อปากต่อคำกับเด็กอย่างนึกสนุก “ฮั่นแน่ รู้จักประท้วงซะด้วย เอ้า..นิกกี้ก็นิกกี้ แต่ทำไมยังพูดไม่ชัดอีกล่ะ กี่ขวบแล้วเนี่ย”

นิกกี้ทำท่านึกอยู่ครู่หนึ่งก็ชูนิ้วขึ้นสองนิ้วแล้วตอบว่า “ฉามขวดมั้ง”
“ฉามขวด ทำไมชูแค่สองนิ้วล่ะ ฉามขวดก็ต้องสามนิ้วซิ”

นิคตัดบทถามว่า “มาหากูทำไมอีก หรือจะมาชวนแดกเหล้าแต่เช้า เมื่อคืนยังเมาไม่พอหรือไง”

อีกฝ่ายยักคิ้วแต่ไม่ตอบรับหรือปฎิเสธ ที่เขาแวะมาวันนี้ก็เพื่อมาดูเพื่อนของเขากับนิกกี้ให้แน่ใจอีกครั้งเท่านั้น ว่าความเข้าใจของเขาถูกต้อง

“อ่างใบนี้มาจากไหนวะ เข้าท่าดีนี่หว่า กลับไปนี่ท่าจะต้องไปหาซื้อให้ลูกกูเล่นมั่งแล้ว”

“จะเอามาจากไหนได้ล่ะ กูก็ซื้อมาสิวะ”

ดิ๊กยิ้มกริ่ม “ลงทุนฉิบหายเลยนะ อุตส่าห์ซื้อมาเอาใจลูกคนอื่น”

“เรื่องของกู” นิคว่าแล้วหันไปทางเด็กชายในอ่าง “นิกกี้ เลิกเล่นน้ำได้หรือยัง จะได้ไปหาอะไรกิน”

นิกกี้ทำปากยื่น ส่ายหน้าปฏิเสธ “ม่าย..นิกกี้จาเล่นถึงมืดตื๊ดตื๋อเลย”

“จะเล่นถึงมืดได้ไงล่ะ เพิ่งสิบเอ็ดโมงเอง ขืนเล่นถึงมืดจะได้ตัวซีดขาวล่ะสิ เลิกเล่นน้ำแล้วไปกินอะไรกันเถอะ กินเสร็จแล้วจะได้กลับบ้านไปเล่นกับริกกี้ไง ดีมั้ย”

พอขาดคำของเขา ขันในมือของเด็กชายก็ถูกเหวี่ยงมากระทบหน้าอกของนิคทันที แล้วคนเหวี่ยงก็แผดเสียงดังลั่น

“ไม่อาว ม่ายเลิก เค้า..จา..เล่นน้ำ เค้า..ม่ายกินอารายทั้งนั้น ม่ายหาริกกี้ด้วย เค้า..จา..อยู่กะ..อังเคิลนิคแล้วก็อังเคิลดี๊กด้วย”

นายดิ๊กหัวเราะก๊าก มองเพื่อนอย่างขันๆ “เป็นไงวะ ลูกมึงนี่ฤทธิ์มากน่าดู สมน้ำหน้าฉิบหาย แทนที่จะเอาเวลาไปอยู่กับแฟน เสือกมาอาสาเป็นพี่เลี้ยงเด็ก”

ดิ๊กชักสงสัยในสัญชาติญาณความผูกพันระหว่างพ่อกับลูก ว่ามีอิทธิพลมากขนาดนี้เลยหรือ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่เพื่อนเขากับเด้กผู้ชายตัวเล็กๆคนนี้ก็ผูกพันกันมาก เขาไม่เคยเห็นนิคคลุกคลีใกล้ชิดกับเด็กคนอื่นแบบนี้มาก่อนเลย

“ถ้านิกกี้ยังไม่ยอมขึ้นจากน้ำก็เล่นไปคนเดียวนะ อังเคิลนิคกับอังเคิลดิ๊กจะเข้าบ้านแล้ว”

พูดจบชายหนุ่มก็ลุกขึ้นยืน ชวนเพื่อนเข้าบ้าน ดิ๊กเดินตามเข้าไปในบ้าน มีนิกกี้ที่ทำปากยื่นอย่างไม่สบอารมณ์มองตามหลังไป

“มึงจะทิ้งไอ้หนูนั่นไว้คนเดียวยังงั้นหรือ” ดิ๊กถามอย่างสงสัย
“เดี๋ยวก็ตามเข้ามาเองแหละ ไม่เคยยอมอยู่คนเดียวนานหรอก”

“ถามจริงๆเถอะวะ นิค ที่มึงชอบนิกกี้มากขนาดนี้ เพราะเป็นหลานคุณพราวใช่มั้ย”
“เปล่าหรอก แต่กูก็บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าทำไมกูถึงรักนิกกี้ ความจริงพี่ชายนิกกี้ก็หน้าตาน่ารัก แล้วกูก็เอ็นดูมากเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่รักเท่านิกกี้”

นิคนิ่งคิดแล้วพูดต่อว่า “หรือเป็นเพราะนิกกี้มันติดกูมาก แต่ริกกี้เฉยๆ กูเลยรักนิกกี้มากกว่า”

“งั้นหรือ?” ดิ๊กอมยิ้ม นึกอะไรต่ออะไรไปยืดยาวเกินกว่าที่เพื่อนของเขาจะเข้าใจ

สองหนุ่มคุยกันอีกพักหนึ่งนิคก็เดินออกจากห้องไปหานิกกี้ ซึ่งยังไม่ยอมขึ้นจากอ่าง แล้วทันใดนั้นโทรศัพท์ที่อยู่บนโต๊ะเล็กใกล้กับที่ดี๊กนั่งสูบบุหรี่อยู่ก็ดังขึ้น ชายหนุ่มมองดูเพื่อนทางหน้าต่าง คิดว่าเขาคงไม่ได้ยินเสียงโทรศัพท์จึงตะโกนบอก นิคเดินเข้ามารับโทรศัพท์

“จูดี้หรือ? มีอะไรหรือเปล่า”

ดิ๊กนิ่งฟังเงียบๆ ได้ยินแต่เสียงเพื่อนโต้ตอบกับอีกฝ่ายหนึ่ง

“จะมารับผมหรือ ไม่ต้องมั้ง เดี๋ยวตอนเย็นผมจะไปหาคุณอยู่แล้วนี่”

“ไม่ต้องซื้อมาหรอก เดี๋ยวผมหาอะไรแถวนี้กินก็ได้”

“ แต่ผมมีเพื่อนอยู่ด้วยคนนึงนะ”
“เพื่อนเก่าน่ะ คืนนี้มันก็จะบินกลับไปหาเมียมันแล้ว”
“โอเค เอางั้นก็ได้ แล้วแต่คุณ เดี๋ยวพบกัน”

พอนิควางโทรศัพท์ลง ดิ๊กก็ถามว่า “หมอคนที่มึงคบอยู่ใช่มั้ย”
“เออ เขากำลังจะเข้ามาที่นี่ ตอนนี้อยู่แถวหน้าค่ายแล้ว”

“อ้าว งั้นกูก็ไปได้แล้วสินะ”

ดิ๊กขยับตัวทั้งๆที่ความจริงยังไม่อยากกลับหรอก อยากจะเห็นหมอสาวคนที่ได้ยินเพื่อนเขาเรียกว่าจูดี้สักหน่อย

“ยังไม่ต้องไปไหนหรอกวะ เขารู้แล้วว่ากูมีเพื่อนอยู่ด้วย เขาจะซื้ออาหารกลางวันมาให้ ซื้อเผื่อมึงด้วย เขาว่าเขาอยากรู้จักเพื่อนกูมั่ง”

“คืนนี้เขาจะมาค้างที่นี่กับมึงหรือเปล่า เจ้าหนูนั่นล่ะจะทำยังไงกับมัน”

นิคส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่า จูดี้ไม่เคยมาค้างที่นี่หรอก เขาแค่จะมารับกูเท่านั้น คืนนี้กูนัดกับเขาไว้”

“อ้าว แล้วเด็กล่ะ จะเอาไปค้างกับมึงและแฟนมึงด้วยหรือ”

“เฮ่ย ไอ้บ้า กูจะทำยังงั้นได้ยังไงวะ เดี๋ยวตอนบ่ายกูจะพานิกกี้ไปส่งคืนแม่เขาก่อน แล้วค่อยเลยไปกับจูดี้”

“ตอนนี้มึงก็สุขีแล้วสิท่า ตกลงคนนี้เอาจริงแล้วใช่มั้ย”

อีกฝ่ายไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ

“มึงลืมคุณพราวได้แน่แล้วหรือ”

นิคอึ้ง แล้วตอบโดยไม่มองหน้าเพื่อน “ลืมหรือไม่ลืมก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้วนี่หว่า ไหนๆเขาก็มีผัวใหม่ไปแล้ว กูก็น่าจะมีเมียใหม่สักคนเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

ดิ๊กพยักหน้าหงึกหงัก “อ้อ..จะมีเมียใหม่ประชดเมียเก่า กูเข้าใจแล้ว”

พูดคุยกันได้พักหนึ่งก็มีเสียงประตูรถปิดดังปัง ทำให้นิคบอกกับเพื่อนว่า “จูดี้มาแล้วละ”

ชายหนุ่มรีบเดินออกจากห้องเพื่อไปรับจูดี้ และช่วยถือถุงอาหารกลางวันที่เธอบอกว่าจะซื้อติดมือมา แต่เมื่อเดินออกไปเกือบถึงรถก็ปรากฏว่านิกกี้ไปถึงตัวจูดี้ก่อนแล้ว เขาคงรีบร้อนปีนออกจากอ่างน้ำ เพื่อไปต้อนรับจูดี้ ตอนนี้เขากำลังจูงมือหญิงสาวผู้นั้นอยู่ ทำท่าเหมือนจะพาเธอเข้ามาในบ้าน พอเห็นนิคเด็กชายก็ร้องบอกเสียงดังอย่างตื่นเต้นดีใจ

“อังเคิลนิค! เร็ว..เร็ว อานตี้จูดี้มา”

นิคมองเด็กชายอย่างขันๆ อารามรีบร้อนทำให้นิกกี้ลืมว่าร่างกายของเขาเปลือยเปล่า ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแต่หยดน้ำเกาะพราว ผมเผ้าเปียกลู่ ความจริงตอนลงเล่นน้ำในอ่างยางนิกกี้นุ่งกางเกงในลงน้ำด้วย แต่ต่อมาเมื่อเขาปีนขึ้นปีนลงอ่างบ่อยๆแล้วครั้งหนึ่งเขาลื่นหกล้ม ก้นกระแทกลงไปบนพื้นดินปนทรายที่อยู่ตรงสนามเล็กๆใกล้ลานนั้น ทำให้กางเกงเลอะเทอะเปรอะเปื้อน เด็กชายผู้ขี้รำคาญก็เลยถอดกางเกงตัวนั้น ออกวางไว้บนม้าหินใกล้ๆแล้วลืมไปเลยว่าไม่ได้นุ่งกางเกง

ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาจูดี้ ทักทายด้วยจูบ บอกนิกกี้ว่า “นิกกี้ พาอ้านตี้เข้าไปในบ้านก่อน” แล้วหันไปบอกแพทย์สาวที่ยืนยิ้มอยู่ว่า “เข้าไปในบ้านกับนิกกี้ก่อน เดี๋ยวผมขนของในรถเอง”

แต่หญิงสาวไม่ยอมขยับเขยื้อน เธอยืนรอจนนิคหอบถุงกระดาษสองสามใบจากรถ แล้วเดินคู่กับเขาและนิกกี้ซึ่งยังจูงมือข้างหนึ่งของเธออยู่เข้าไปในบ้าน

เมื่อเห็นดิ๊กที่ออกมายืนรอใกล้ประตู นิคก็แนะนำว่า “จูดี้ นี่เจ้าดิ๊กเพื่อนผม” แล้วหันไปบอกดิ๊กว่า “ดิ๊ก จูดี้แฟนกู”

หนุ่มสาวทั้งสองกล่าวคำทักทายกัน ดิ๊กนั้นลอบสำรวจจูดี้อย่างรวดเร็ว เขาลงความเห็นอยู่ในใจว่าแพทย์หญิงคนนี้สวยเซ็กซี่ไม่เบา กางเกงขาสั้นเผยให้เห็นช่วงขาเพรียวงาม ทรวงอกในเสื้อยืดแขนกุดคอกว้างก็อวบอัดขาวผ่องน่ามองเป็นที่สุด

จูดี้ซอยผมสั้นแนบศรีษะ ใบหน้าที่ตกแต่งด้วยเครื่องสำอางเพียงเล็กน้อย มีกระบางๆอยู่ตรงโหนกแก้ม แม้เธอจะแต่งตัวอวดทรวดทรงเหมือนสาววัยรุ่นแบบนั้น แต่ดิ๊กก็มองเห็นความภูมิฐานสมเป็นแพทย์ของเธอได้ชัดเจนจากบุคลิกที่งามสง่า

ความจริงเขาไม่ได้ประหลาดใจหรอกเมื่อเห็นแฟนใหม่ของนิค ที่ผ่านมาผู้หญิงแต่ละคนที่เพื่อนเขาคบมักจะมีลักษณะผู้หญิงเก่ง อายุใกล้เคียงกับเขา มีทั้งความรู้และวุฒิภาวะ ไม่จู้จี้เรื่องมาก เพิ่งจะเห็นมีแต่พราวพรายคนเดียวเท่านั้น ที่มีอะไรหลายอย่างแตกต่างออกไปจากผู้หญิงเหล่านั้น

เมื่อมองผ่านจากจูดี้ลงไปเห็นนิกกี้ ซึ่งตอนนี้ยืนอ้าปากหวอมองคนโน้นทีคนนี้ที ดิ๊กก็หัวเราะก้ากออกมาอย่างขบขัน ปากก็โวยวายว่า

“อ้าว นิกกี้ มายืนแก้ผ้าเป็นชีเปลือยอยู่ได้ไง แล้วอะไรน่ะที่ห้อยตุ้งติ้งอยู่ ไม่อายคุณน้าคนสวยบ้างเหรอ”

ทันทีที่ก้มลงมองเห็นตัวเอง เด็กชายซึ่งคงอายเต็มแก่ก็แผดเสียงสนั่น

“ไอ้บ้าอังเคิลดิ๊ก บ้า..บ้าที่จู๊ดเลย” แล้ววิ่งแน่บหายเข้าไปในห้องนอนของนิค มีเจ้าของห้องรีบร้อนเดินตามไปด้วย

จูดี้ซึ่งเดินเข้าไปในห้องแพนทรี เพื่อจะถ่ายอาหารที่ซื้อมาหลายอย่างออกจากกล่องลงในจานที่นิควางเตรียมไว้ให้ มองตามหลังนิคไป เดาได้ไม่ยากว่าเขาคงตามเข้าไปปลอบนิกกี้

ตอนที่จอดรถแล้วเห็นเด็กชายที่กำลังเล่นน้ำอยู่ในอ่างยาง หญิงสาวก็ขมวดคิ้วทันที นึกในใจว่าเด็กคนนี้อีกแล้วหรือ การที่นิคโทร.ไปเลื่อนนัดกับเธอจากเมื่อคืนเป็นคืนนี้ ทำให้เธอเริ่มคิดหนัก ถึงเขาไม่บอกเธอก็สงสัยว่าการเลื่อนนัด คงจะมีอะไรเกี่ยวข้องกับลูกชายคนเล็กของแฟรงค์กับเจิดจรัส เพราะจูดี้เห็นแล้วว่านิครักเอ็นดูและตามใจนิกกี้มาก บางครั้งเธอเห็นว่ามากเกินไปด้วยซ้ำ



ด้วยเหตุนี้เธอจึงต้องพาตัวมาหาเขา ถึงค่ายทหารในวันนี้เพื่อมาดูให้เห็นกับตา และขณะเดียวกันก็เพื่อป้องกันไม่ให้เด็กชายคนนั้น มายืนขวางนัดของเธอกับนิคในคืนนี้ได้อีก ความจริงจูดี้ไม่ได้ไม่ชอบหรือนึกรังเกียจนิกกี้ เธอเห็นว่าเขาเป็นเด็กหน้าตาน่ารักและเฉลียวฉลาดเกินวัย แต่การที่นิครักใคร่ให้ความสนใจเขามากเกินไป จนบางครั้งถึงกับเลื่อนนัดกับเธอ เพื่อไปหาหรืออยู่กับนิกกี้ทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกอึดอัด

ปกติจูดี้ไม่ใช่คนคิดมาก การคบหาระหว่างเธอกับนิคเป็นไปด้วยดีตลอดมา เขาปฏิบัติต่อเธออย่างดี ไม่เคยมีอะไรที่ทำให้เธอต้องหวาดระแวง แต่ในระยะหลังๆนี้หญิงสาวเริ่มรู้สึกว่านิคเปลี่ยนไป การเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นตั้งแต่คืนที่เธอพาเขาไปแนะนำให้รู้จักกับแฟรงค์ หัวหน้างานของเธอและเจิดจรัสภรรยาคนไทยของเขา แล้วคืนนั้นก็เป็นครั้งแรกที่เขาไปส่งเธอถึงที่พักแล้วขอตัวกลับทันที แทนที่จะค้างกับเธอเหมือนเคย ที่หญิงสาวคิดว่าเขาผิดปกติไป ก็เพราะทุกครั้งที่จากกันเป็นสัปดาห์ คืนแรกที่กลับมาถึงเขาจะมาค้างกับเธอทันที เหมือนเป็นการชดเชยให้กับช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกัน

ตอนแรกจูดี้ยังไม่ได้คิดอะไรมาก เธอเป็นผู้หญิงเก่งที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง เธอตระหนักถึงภูมิความรู้ในฐานะแพทย์ที่มีความสามารถสูง มีความสวยพอตัว มีพ่อแม่ที่ร่ำรวยและได้รับการยกย่องนับถือในแวดวงสังคม แม้จะผ่านการหย่าร้างมาแล้วครั้งหนึ่ง ก็ไม่ได้ทำให้ความภูมิใจในตัวเองลดลงไป

หลังการหย่าร้างจูดี้ตั้งใจเอาไว้อย่างมั่นคงว่าจะไม่แต่งงาน หรือแม้แต่ทดลองอยู่กับผู้ชายที่เธอไม่ศรัทธาเชื่อถือ สามีคนแรกของเธอทำให้จูดี้ต้องตั้งใจเอาไว้เช่นนี้ เหตุผลในการหย่าร้างมีประเด็นเดียวคืออดีตสามีของเธอขอหย่า เพราะทนความเป็นผู้หญิงเก่งของเธอไม่ไหว เขาจึงต้องขอแยกทางจากเธอไปหาผู้หญิงคนอื่นที่เก่งน้อยกว่า

จูดี้สนใจนิคตั้งแต่ตอนที่พบเขาครั้งแรกในฐานะหมอกับคนไข้ แม้ตอนนั้นเขาจะทรุดโทรมทั้งร่างกายและจิตใจ จากความทุกข์ทรมานที่เขาได้รับ ตลอดเวลาเกือบสองปี ในค่ายเชลยของพวกเวียตกง แต่เธอก็เห็นแววทรหดและมุ่งมั่นในดวงตาคมกล้าของเขา

รวมทั้งบุคลิกที่โดดเด่นสะดุดตา ที่ค่อยปรากฏออกมาทีละเล็กละน้อย เมื่อร่างกายและจิตใจของเขาค่อยๆได้รับการฟื้นฟู จากวันเป็นเดือนจากเดือนเป็นหลายเดือน ช่วงเวลาแปดเดือนที่ได้อยู่ใกล้ชิดกันในฐานะคนไข้กับแพทย์เจ้าของไข้ พูดคุยปลอบประโลมและดูแลรักษาอาการทั้งทางร่างกายและจิตใจ ทำให้คนทั้งสองเกิดความผูกพันกันขึ้นทีละน้อย

เมื่อการรักษาและฟื้นฟูทั้งหมดเสร็จสิ้นลง นิคกลับมาเป็นชายหนุ่มผู้มีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงอีกครั้งหนึ่ง แม้จูดี้จะสังเกตว่าความเศร้าในดวงตาเขาที่เธอเคยเห็น ตั้งแต่วันแรกที่เขาถูกส่งตัวมาที่โรงพยาบาลทหารที่เธอทำงานอยู่ จะยังแอบซ่อนอยู่ลึกๆ แต่เขาก็ยิ้มมากขึ้น พูดเก่งขึ้น แล้ววันหนึ่งเขาก็จากโรงพยาบาลแห่งนั้นกลับไปทำงานที่เขารัก ส่วนเธอก็ยังเป็นหมอรักษาคนไข้อยู่ที่โรงพยาบาลเดิมต่อไป

ความสัมพันธ์ของเธอกับนิคมาเริ่มต้นขึ้นอย่างจริงจัง เมื่อเธอย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลในกรุงวอชิงตัน และมีโอกาสได้พบเขาในงานเลี้ยงแห่งหนึ่ง ในที่สุดก็เริ่มคบกันเป็นรื่องเป็นราว จูดี้ยอมรับว่าเธอรักนิค เขาเป็นผู้ชายในอุดมคติของเธอทุกอย่าง มีหน้าที่การงานที่มีเกียรติและมีอนาคต พื้นฐานครอบครัวของเขากับของเธอใกล้เคียงกัน

เขาเป็นผู้ชายที่มีนิสัยและบุคลิกผู้นำสูง เขาให้เกียรติเธอ ชื่นชมความรู้ความสามารถของเธอ เขากับเธอมีรสนิยมหลายอย่างสอดคล้องกัน นิคคือแบบฉบับของผู้ชายที่จูดี้มองหาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว เธอได้ทุกอย่างที่ต้องการจากเขา แต่สิ่งเดียวที่อยากได้มากที่สุดแต่ยังไม่เคยได้คือ...เขายังไม่เคยเอ่ยปากว่ารักเธอ

แต่จูดี้ก็คือจูดี้ผู้มีความมั่นใจในตัวเองและคุณสมบัติต่างๆ ที่ประกอบกันขึ้นเป็นตัวเธอ หญิงสาวมั่นใจว่าไม่เกินคริสต์มาสปีนี้เขาจะขอเธอแต่งงาน เธอชวนเขาไปพบครอบครัวของเธอที่มิชิแกนในช่วงคริสมาสต์ ซึ่งเขาไม่ปฏิเสธ เพียงแต่บอกไว้ล่วงหน้าว่าถ้าไม่มีภารกิจด่วนอะไรเกี่ยวกับงานของเขา เขาก็พร้อมที่จะไปพบครอบครัวเธอ ซึ่งถ้าไปก็หมายความว่าเขายอมรับความสัมพันธ์ที่ก้าวหน้าไปถึงขั้นแต่งงาน ซึ่งมักจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติโดยทั่วไปในประเทศนี้

หลังจากจัดอาหารเสร็จจูดี้ก็เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์ออกมากระป๋องหนึ่งแล้วเดินไปนั่งลงใกล้กับดิ๊ก ซึ่งนั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียว เพราะเจ้าของบ้านยังเงียบหายอยู่กับนิกกี้ในห้องนอน คุยกันเรื่องทั่วๆไปอยู่พักหนึ่งแต่นิคกับนิกกี้ก็ยังไม่ออกมาจากห้อง



ในที่สุดหญิงสาวก็อดรนทนไม่ไหว เธอวางกระป๋องเบียร์ลงแล้วเดินเข้าไปหาคนทั้งสอง ประตูห้องนอนที่เปิดแง้มอยู่ทำให้สามารถมองเห็นเด็กชาย ที่ตอนนี้สวมเสื้อกางเกงเรียบร้อยแล้ว นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียง นิคซึ่งนั่งอยู่ริมเตียงกำลังลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนเขาอยู่

“นิกกี้ เชื่ออังเคิลนิคนะ ออกไปข้างนอกไปกินอะไรสักหน่อย อ้านตี้จูดี้ซื้ออาหารมาตั้งหลายอย่าง มีแฮมเบอร์เกอร์ที่นิกกี้ชอบด้วยละ สปาเก็ตตี้แบบที่มอมมี้ของนิกกี้เคยทำให้กินก็มี ลุกขึ้นเถอะ”

เด็กชายพลิกตัวนอนหงาย กระแทกขาสองข้างลงบนที่นอนติดๆกันหลายครั้ง ปากก็แผดว่า “นิกกี้ม่ายลุก นิกกี้ม่ายไปข้างนอก นิกกี้ม่ายกินแฮม..เกอร์ นิกกี้เกียดอังเคิลดิ๊กแล้วก็เกียดอ้านตี้จูดี้ด้วย”

แล้วเขาก็ร้องไห้ฮือๆ “นิกกี้เกียดหมดเลย เกียดอังเคิลนิคด้วยละ ฮือ..ฮือ”
“ทำไมล่ะ ใครๆเขาก็รักนิกกี้กันทั้งนั้นนี่นา”
“เกียด..ซี้ นิกกี้เกียดอังเคิลดิ๊กที่หนึ่งเลย”
นิคทำหน้ายิ้มๆถามว่า “อังเคิลดิ๊กแกล้งอะไรนิกกี้เหรอ”

เด็กชายส่ายหน้าปฎิเสธ ยังสะอื้นไม่เลิก “ เป่าแก้ง...แต่อังเคิลดิ๊กว่านิกกี้เป็นชีเปือย ตุ้งติ้งด้วยละ”

“นิกกี้รู้หรือว่าชีเปลือยแปลว่าอะไร” ชายหนุ่มถามอย่างขันๆ

“รู้...ซี้” นิกกี้ลากเสียงยาวยืนยันว่ารู้จริงๆ “เวลานิกกี้อาบน้ำแล้วยังไม่ยอมใฉ่เฉื้อผ้า มอมมี้แม่บอกว่า ‘นิกกี้ คนไม่ใฉ่เฉื้อผ้าเขาเรียกว่าชีเปือย ถ้าไม่อยากเป็นชีเปือยนิกกี้ต้องใฉ่เฉื้อผ้า’

เด็กชายทำเสียงดุๆ ซึ่งนิคคิดว่าเขาคงเลียนเสียงของเจิดจรัสเวลาดุเขา

“ว้า..มอมมี้แม่อีกแล้ว” นิคแกล้งร้อง พยายามดึงตัวเด็กชายให้ลุกขึ้นจากเตียง

“เอาละ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ลุกขึ้นออกไปข้างนอกกับอังเคิลนิค เด็กดีต้องไม่ปล่อยให้ผู้ใหญ่รอ รู้มั้ย”

เด็กชายหยุดร้องไห้ ทำท่าครุ่นคิดแล้วลุกขึ้นนั่ง ถามอย่างมีความหวังว่า “ถ้านิกกี้ออกข้างนอก คืนนี้อังเคิลนิคจาให้นิกกี้นอนที่นี่กะอังเคิลนิคอีกใช่เป่า?”

ทันทีที่ได้ยินคำถามของเด็กชายแพทย์สาวก็ไม่รอฟังคำตอบของนิค เธอหันหลังกลับเดินออกจากที่ตรงนั้น เข้าไปหยิบเบียร์จากตู้เย็นในห้องแพนทรี่กระป๋องใหม่ออกมานั่งดื่มใกล้ๆกับดิ๊ก ดื่มไปได้ครึ่งกระป๋องก็ขอบุหรี่มวนหนึ่งจากดิ๊กมาสูบพ่นควันปุ๋ยๆ แม้สีหน้าของจูดี้จะยังราบเรียบเหมือนเดิม แต่ดิ๊กก็รู้จากแววตาครุ่นคิดของเธอ ว่าหญิงสาวผู้นี้คงได้ยินหรือได้เห็น การพะเน้าพะนอเอาอกเอาใจจนเกินเหตุของนิคต่อนิกกี้

“เจ้านิคมันรักนิกกี้มาก ตามใจเหลือเกิน คงเป็นเพราะมันยังไม่เคยมีลูก นิกกี้เองก็หน้าตาคล้ายมันมาก คุณคิดเหมือนผมมั้ย” นายดิ๊กเริ่มแหย่ดูปฎิกิริยาของจูดี้

จูดี้ทำท่าคิดก่อนจะตอบเหมือนไม่สนใจว่า “ไม่รู้สิคะ ฉันไม่เคยสังเกตว่าลูกแฟรงค์หน้าตาคล้ายนิค”

ดิ๊กยกเบียร์ขึ้นดื่ม ก่อนจะกล่าวว่า “คุณลองสังเกตคิ้วกับปากสิ เหมือนกันเด๊ะ นี่ถ้าผมไม่ใช่เพื่อนเจ้านิค ไม่ได้รู้จักมันดีขนาดนี้ ผมต้องนึกว่านิกกี้เป็นลูกมันแน่”

ความจริงดี๊กไม่ได้เจตนาจะยุแหย่จูดี้ให้ระแวงเพื่อนเขาหรอก เขาเพียงแต่คิดว่าถ้านิกกี้กลายเป็นลูกของนิคจริงอย่างที่เขาสงสัย และถ้าหญิงสาวผู้นี้แต่งงานกับนิคเธอจะคิดอย่างไร ชายหนุ่มต้องการเพียงสะกิดเธอให้เตรียมใจรับสถานการณ์เอาไว้บ้างเท่านั้น

อีกห้านาทีต่อมานิคก็จูงมือนิกกี้ออกมาหาดิ๊กกับจูดี้ที่นั่งรออยู่ แล้วคนทั้งสี่ก็ลงนั่งรับประทานอาหารกลางวัน ที่ล่ามาจนถึงบ่ายโมงด้วยกันที่โต๊ะอาหาร เด็กชายที่ตอนนี้มีสีหน้าสดชื่นแล้ว รีบตะกายขึ้นไปยึดครองตักของนิคเป็นที่นั่ง ส่วนจูดี้นั่งรับประทานอาหารอยู่เงียบๆข้างๆนิค

“อังเคิลนิค นิกกี้จากินแฮม..เกอร์”

นิคหยิบแฮมเบอร์เกอร์ส่งให้ “เอ้า เคี้ยวช้าๆนะ ไม่ต้องรีบกิน เดี๋ยวจะติดคอ”

เด็กชายกัดแฮมเบอร์เกอร์ได้เพียงคำเดียวก็บอกว่า “อังเคิลนิค นิกกี้ไม่อาวแฮม.เกอร์แล้ว จาเอาสะเก็ตตี้”

นิคหยิบแฮมเบอร์เกอร์ที่นิกกี้กินค้างไว้ใส่ลงไปในจานตัวเอง ก่อนจะตักสปาเก็ตตี้ใส่ลงในจานของนิกกี้

อีกครู่ต่อมา “อังเคิลนิค นิกกี้ม่ายเอามะเขือเทศเละๆ เอาออกให้นิกกี้หน่อย”

นิคตักมะเขือเทศเละๆออกจากจานของนิกกี้มาใส่ลงในจานของตัวเอง

อีกครู่ต่อมา “อังเคิลนิค นิกกี้ขอชิบหน่อย”

นิคหยิบมันฝรั่งทอดจากจานกลางใส่ลงในจานนิกกี้สองสามชิ้น

อีกครู่ต่อมา “อังเคิลนิค นิกกี้..จา..กินน้ำ”

นิคเอื้อมมือไปหยิบแก้วน้ำของตัวเอง ส่งให้ถึงปากนิกกี้

อีกครู่ต่อมา “อังเคิลนิค นิกกี้..จา..จากินไอติมช็อค..กะ...แล้ต

นิคเดินไปตักไอสครีมช็อคโกแลตใส่ลงในถ้วยเล็กๆ มาวางให้ตรงหน้านิกกี้

สุดท้าย “อังเคิลนิค เช็ดปากให้นิกกี้ด้วย ปากนิกกี้เลอะหมดแล้ว”

นิคเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชูในกล่องบนโต๊ะอาหารมาเช็ดปากให้นิกกี้

ดิ๊กและจูดี้เห็นการอ้อนของเด็กชายและการเอาอกเอาใจของนิค จนแทบไม่มีเวลาหยิบอาหารเข้าปากตัวเองเลย ดิ๊กนั่งอมยิ้มในขณะที่หญิงสาวผู้นั้นนั่งรับประทานอาหารเงียบๆ ไม่มองหน้าใคร

เด็กชายซึ่งยังนั่งอยู่บนตักของนิคมองคนโน้นทีคนนี้ทีอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ส่งยิ้มกว้างจนเห็นฟันซี่น้อยๆเกือบทุกซี่ ให้ดิ๊กซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามแล้วคุยอวดว่า

“อังเคิลดิ๊ก คืนนี้นิกกี้ก็จานอนที่นี่กะอังเคิลนิคอีกละ อังเคิลนิคบอกให้นิกกี้นอนด้าย ใช่มั้ย อังเคิลนิค”

ดิ๊กเห็นสีหน้าของจูดี้เปลี่ยนไปเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไร ส่วนเพื่อนของเขาทำหน้าเจื่อนๆ พยายามสบตากับหญิงสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ บอกเธอด้วยเสียงเบาๆ แต่นายดิ๊กก็อุตส่าห์แอบได้ยิน

“เดี๋ยวผมจัดการเอง”

หลังจากเสร็จอาหารมื้อกลางวัน จูดี้เก็บถ้วยจานชามเข้าไปล้างในห้องแพนทรีด้วยท่าทางเหงาๆ ดิ๊กซึ่งเห็นสายตาเพื่อนที่มองตามเธอไปอย่างกังวล คะยั้นคะยอหลอกล่อเด็กชาย ซึ่งยังเกาะติดอยู่กับนิคให้มาเล่นเกมกับเขา เพื่อเปิดโอกาสให้เพื่อนได้เข้าไปเอาอกเอาใจหญิงสาวผู้นั้นบ้าง เพราะคนทั้งสองแทบไม่มีเวลาได้อยู่ด้วยกันตามลำพังเลย

นิคเดินเข้าไปหาจูดี้ โอบบ่าเธอแล้วถามว่า “เบื่อหรือเปล่า หน้าตาเซ็งจัง”
หญิงสาวหันมาฝืนยิ้มให้เขา “เปล่าค่ะ ไม่เบื่อหรอก”

ชายหนุ่มเอาใจเธอด้วยการถามว่า “อยากกลับอพาร์ตเมนท์หรือยัง ผมจะได้เอานิกกี้ไปส่งบ้าน”

เมื่อได้โอกาสจูดี้ก็เริ่มเลียบเคียงทันที “นิกกี้เป็นเด็กฉลาดนะคะ พูดจายังกับไม่ใช่เด็กสามขวบ ท่าทางแกติดคุณจัง”

นิคยิ้มเมื่อมองเด็กชายตัวเล็กๆที่ตอนนี้กำลังเล่นเกมง่วนอยู่กับดิ๊ก

“ใช่ ฉลาดและน่ารักมาก เจ้าเล่ห์อีกต่างหาก”

“คุณคงชอบเด็ก ฉันเห็นคุณเล่นกับนิกกี้แล้วแทบไม่เชื่อตาตัวเองเลย”

“ทำไมพูดยังงั้นล่ะ”

“ก็..ปกติคุณเงียบขรึม ไม่ค่อยพูดเล่นกับใครนี่คะ นิกกี้คงมีอะไรพิเศษสำหรับคุณ” เธอลองหยั่งเสียงเขา

“ก็ไม่มีอะไรพิเศษ ผมแค่เห็นแกเป็นเด็กหน้าตาน่ารัก ฉลาดกว่าเด็กอายุเท่าๆกัน แล้วนิกกี้ก็ชอบมาชวนผมเล่นด้วย ก็คงแค่นั้นแหละ”

ความเป็นผู้หญิงทำให้จูดี้อดพาดพิงไม่ได้ “ถ้าตอนโน้นคุณมีลูกสักคน คงจะอายุขนาดนิกกี้นี่มั้ง”

แล้วพอนึกถึงคำพูดของดิ๊กขึ้นมาได้ เธอก็ลองแหย่ว่า “แน่ใจหรือเปล่าคะ ว่าไม่เคยแอบไปมีลูกอายุขนาดนิกกี้ไว้ที่ไหน?”

นิคหน้าเจื่อนเมื่อนึกถึงพราวพรายที่ไม่ยอมมีลูกกับเขา “พูดเป็นเล่น ถ้าผมมีลูกกับใครจริง คนอย่างผมคงไม่ทิ้งลูกหรอก”

แล้วเขาก็ถามเธอด้วยสีหน้าที่เริ่มขรึมว่า “คุณคิดแบบนั้นจริงๆหรือ?”

แพทย์สาวยิ้มหวาน ตอบตามตรงว่า “เปล่าเลย ไม่ได้คิดยังงั้นหรอก แกล้งถามไปยังงั้นเอง”

“ไม่คิดแล้วพูดทำไม?”

“ก้อแค่เห็นคุณติดนิกกี้มากเท่านั้น ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอเอียงหน้าไปจูบแก้มเขาเบาๆอย่างเอาใจ

หลังจากนั้นนิคก็พยายามเอาอกเอาใจหญิงสาวคนนั้นมากขึ้น ปล่อยให้เพื่อนของเขาชวนนิกกี้เล่นเกมบ้าง เล่านิทานให้ฟังบ้างไปเรื่อยๆ ซึ่งทำให้จูดี้คลายความน้อยใจลงไปจนเกือบหมด หลังจากเอาเด็กชายไปส่งบ้านแล้ว นิคกับจูดี้ก็ไปที่อพาร์ตเมนท์ของเธอ คืนนั้นเขาค้างกับจูดี้
 

 




Create Date : 14 กรกฎาคม 2566
Last Update : 14 กรกฎาคม 2566 12:11:08 น.
Counter : 653 Pageviews.

4 comments

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเริงฤดีนะ, คุณ**mp5**, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณปัญญา Dh, คุณnewyorknurse

  
นิกกี้ทำเอาสาวตูดี้กัฃวลแล้ว
เออ..
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 กรกฎาคม 2566 เวลา:11:38:52 น.
  
จูดี้*
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 กรกฎาคม 2566 เวลา:11:39:26 น.
  
กำลังสนุกเชียวค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 15 กรกฎาคม 2566 เวลา:9:03:06 น.
  
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ
โดย: **mp5** วันที่: 18 กรกฎาคม 2566 เวลา:11:14:40 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]



New Comments
Group Blog
กรกฏาคม 2566

 
 
 
 
 
 
2
3
4
6
7
8
9
10
12
13
15
16
17
18
20
21
22
24
25
26
27
28
30
31
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com